จากไบค์เกอร์ สู่ เรือนแพ... หลังจากเพื่อนไบค์เกอร์จาก กรุงเทพฯ เดินทางมาถึงยังจุดนัดหมายในตัวเมืองชัยภูมิเป็นที่เรียบร้อย...คณะไบค์เกอร์ทั้ง 8 คันก็ออกเดินทางไปยังเป้าหมายที่เราตั้งใจ...จากเมืองชัยภูมิเราเลือกใช้เส้นทางหมายเลข 2159... เส้นทางสายรอง แม้จะเป็นถนนสองเลน แต่การจราจรที่เบาบางก็ช่วยให้เราทำความเร็วได้ดี...และไม่เพียงการจราจรที่ไม่หนาแน่นเท่านั้น...หากเส้นทางสายนี้ถือเป็นเส้นทางที่มีความสวยงามเป็นอย่างยิ่งอีกด้วย พลันที่ห่างเมืองมาไม่ไกล...เส้นทางนำเราเข้าสู่เขตพื้นที่ อุทยานแห่งชาติภูแลนคา...สองข้างทางที่ร่มรื่นและเส้นสายลายทางที่คดโค้งลัดไปตามภูเขานั้น...สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจให้แก่คนเดินทางอย่างมากมาย ครั้นเส้นทางพาเราพ้นเขตอุทยานฯภูแลนคามาไม่ไกลนัก...เราก็เข้าสู่เขตชุมชน...ซึ่งในช่วงเวลาที่เราเดินทาง ทุ่งข้าวสองข้างทางกำลังเขียวขจี นั่นก็ยิ่งเสริมให้ชาวไบค์เกอร์ได้ซึมซับเอาภาพชีวิตของคนท้องถิ่นได้อย่างเต็มอิ่มเต็มใจ และจากที่คณะเราเน้นการท่องเที่ยวเป็นหลัก...ไม่ได้เร่งเร้าทำความเร็วอะไรมากนัก ด้วยทุกคนตระหนักถึงความปลอดภัยในการเดินทางเป็นอย่างดี เช่นนี้เองกระมัง...จึงทำให้เราได้มีโอกาสมองเห็นความสวยงามของเส้นทางในการเดินทางครั้งนี้ เมื่อพ้นจากตัว อ.หนองบัวแดง เรามุ่งหน้าผ่านไปตามเส้นทางสาย 4008 สู่ อ.เกษตรสมบูรณ์ ใช่แค่ชื่อ “เกษตรสมบูรณ์” เท่านั้น... หากพื้นที่ที่นี่ยังมีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การทำเกษตรเป็นอย่างยิ่ง... เรียกได้ว่าดินดำน้ำชุ่ม ปลูกอะไรก็ให้ผลให้ดอกงดงามกันแทบทุกหลังคาเรือนสมชื่อ อ.เกษตรสมบูรณ์ นั่นเลยทีเดียว และเป้าหมายในการเดินทางของเราในครั้งนี้ก็อยู่ใน อ.เกษตรสมบูรณ์ นี่เอง... ครั้นแยกออกจากตัวอำเภอไปไม่ไกลนัก เส้นทางก็พาเราซอกซอนไปตามชุมชนเล็กๆต่อไปอีกราว 15 กิโลเมตร...จนในที่สุดเราก็มาถึงยังแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของ จ.ชัยภูมิ “ล่องแพ แลคิ้ง” ชื่อสั้นๆหากครอบคลุมความหมายได้อย่างหมดจด คณะเรานำรถเข้าจอดในที่ทางที่ชุมชนจัดไว้ให้ หลังจากจัดแจงกับตัวเองเป็นที่เรียบร้อย...คณะเราก็เดินเท้าลงสู่แพที่ได้จองล่วงหน้าไว้แล้ว แพขนาดใหญ่ กับพื้นโล่งๆนั้นทำให้พี่ๆหลายท่านต่างแยกย้ายหามุมเอนหลังก่อนที่แพจะค่อยๆลอยออกจากฝั่งไป “ล่องแพ แลคิ้ง” ตั้งอยู่ใน ต.โนนทอง อ.เกษตรสมบูรณ์ ห่างจากตัวเมือง จ.ชัยภูมิ ราว 100 ก.ม. ที่นี่จะมีกิจกรรมการท่องเที่ยวให้เราได้เลือกตามความพึงพอใจ ทั้งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่นักท่องเที่ยวจะได้นั่งรถอีแต๊กชมสวน ชมชุมชน ล่องเรือแจว ชิมส้มโอพันธุ์พื้นถิ่นรสดี... หรือทั้งการล่องแพเช่นที่คณะเราเลือกเอาเป็นหมุดหมายของการเดินทางในครั้งนี้ ซึ่งการล่องแพจะล่องไปตามลำน้ำพรม...ในบางช่วงนั้นจะสามารถมองเห็น “ภูคิ้ง” ได้อย่างชัดเจน และ “ภูคิ้ง” ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างยิ่ง... เช่นนั้นทางเขตฯ จึงยังไม่อนุญาติให้ผู้ใดเข้าไปในพื้นที่ด้วยเกรงว่าเราจะเข้าไปรบกวนสัตว์ป่าและพืชพรรณ แต่ถึงแม้จะไม่มีดอกาสได้เข้าไปเห็นด้วยตา...หากเพียงการได้เห็นไกลๆก็ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของภูคิ้ง ความยิ่งใหญ่ของขุนเขา...ที่มักทำให้คนอย่างเราสำนึกในความเล็กจ้อยของตนเองอยู่เสมอ เรือเครื่อง...ลากจูงแพของเราไปอย่างช้า หลังจากพักสายตากันไม่นานนัก...ก็ได้เวลามื้อเที่ยงที่วันนี้เราจัดเต็มกับอาหารอิสานที่มีทั้ง ส้มตำ ปลาเผา อาหารความหวานอื่น ๆ มากมาย กินกันไป ชมบรรยากาศกันไป เรียกได้ว่าอิ่มทั้งท้องอิ่มทั้งหัวใจ... เมื่อทุกคนอิ่มท้อง...บ้างก็เลือกเอนหลังพักสายตา หรือบ้างก็นั่งพูดคุยกัน ครั้นมาถึงจุดที่แพจอดพัก...นั่นเป็นสัญญาณณว่าทุกคนสามารถลงเล่นน้ำได้ เพื่อนๆหลายคนไม่รอช้าผลัดผ้ากระโจนลงน้ำ ดำผุดดำว่ายกันอย่างสนุกสนาน... ความสนุกสนาน ความอิ่มเอมดำเนินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ราวสองชั่วโมงของการล่องแพ...เรือยนต์ก็พาเรากลับคืนสู่ฝั่ง สองชั่วโมง...ที่เราได้สัมผัสสายน้ำ ได้เห็นความสมบูรณ์ของธรรมชาติก็ถือว่าคุ้มค่ากับการเดินทาง การเดินทางจากเมืองในระยะทางราว 100 กิโลเมตร ไม่ไกลนักกับสมรรถนะของจักรยานยนต์กำลังสูง...ที่ทุกท่านสามารถเดินทางมาล่องแพทานมื้อเที่ยงและกลับถึงบ้านในช่วงเย็นได้อย่างสบาย ๆ เช่นคณะของเรา คณะเราที่หลังจากถ่ายภาพเป้นที่ระลึกก็ออกเดินทางกลับสู่เมืองชัยภูมิ ขณะมุ่งหน้ากลับบ้าน...ภูคิ้งที่เคยยิ่งใหญ่ค่อยๆลดขนาดลง ต่อเมื่อเส้นทางที่จากมาพาให้ภูคิ้งต้องลับหายไปจากสายตา... ถึงตอนนี้เราไม่เห็นภูคิ้งอีกแล้ว...หากเรายังเชื่อว่าภาพล่องลำน้ำและการได้เห็นความยิ่งใหญ่ของภูคิ้งนั้นจะยังติดแน่นอยู่ในหัวใจของเพื่อนไบค์เกอร์ทุกๆคน