เนื่องจากช่วงนี้กระแสจากภาพยนต์บุพเพสันนิวาส 2 กำลังมาแรง ปลุกความอยากไปเที่ยวอยุธยาให้กลับมาอีกครั้ง แต่ชาวออเจ้าอย่างเราจะไปแบบธรรมดาได้เยี่ยงไร วันนี้ Pankaew มีไกด์พาเที่ยวอย่างแอดมินเพจ ราชธานีศรีอยุธยา จะพาเราไปชมวัดร้างในเกาะเมืองอยุธยายามค่ำคืนกันคะ เราเริ่มออกเดินทางกันประมาณ 18.30 น ซึ่งยังไม่ค่ำมากนักวัดสุวรรณาวาส เริ่มต้นวัดแรกที่เราจะไปคือ วัดสุวรรณาวาส วัดตั้งอยู่บนถนนอู่ทอง ตรงข้ามวัดราชประดิษฐ์ วัดหาไม่ยากเพราะอยู่ใกล้แหล่งชุมชน มี 7/11 อยู่ตรงข้ามอีกฝั่งของวัด ขอแนะนำว่าควรไปชมวัดนี้ช่วงหัวค่ำที่ยังพอมีแสงนะคะ เนื่องจากที่วัดไม่มีไฟแสงสว่างของวัดเอง อาศัยไฟแสงสว่างจากวัดราชประดิษฐานที่อยู่ตรงข้ามส่องแสงมา แต่ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งเลยทีเดียว เพราะแสงที่สาดมากับเวลาที่โพล่เพล้ ก็ได้ภาพที่แปลกไปอีกแบบนอกจากกลางวัน วัดนี้ มีองค์พระพุทธรูปที่เกือบสมบูรณ์ และเจดีย์ขนาดใหญ่ มีร่องรอบของการเข้ามาสักการะบูชาของผู้คนระแวกนั้นอยู่ พี่ที่พาเราไปเล่าว่า วัดนี้สันนิษฐานว่าแต่เดิมเป็นบ้านของขุนนางใหญ่ แต่ก็มีเสียงแตกเพราะบางท่านก็ว่าแต่ก่อนอาจจะเป็นวัดเดียวกับวัดราชประดิษฐ์ แต่เวลาต่อมามีการแบ่งแยกพื้นที่กันออกไป ซึ่งประวัติก็ยังไม่แน่ชัด ใช้เวลาอยู่ตรงนี้แนะมาณ 20นาทีเราก็ไปกันต่อคะวัดพระศรีสรรเพชญ์ ไปต่อกันที่ วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดสำคัญที่สร้างอยู่ในพระราชวังหลวง หากจะเปรียบเทียบก็จะคล้ายๆ กับวัดพระศรีรัตนศาสดารามแห่งกรุงเทพมหานครในปัจจุบัน เป็นที่สำหรับประกอบพิธีสำคัญต่างๆ จึงเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา สิ่งปลูกสร้างที่เป็นสัญลักษณ์คือเจดี 3 องค์ ขนาดใหญ่ในสมัยก่อนเจดีย์จะเป็นสีทองอร่อมทั้งหมดเลย ลองนึกภาพตามคงจะสวยมากทีเดียว ตอนกลางคืนมีการประดับไฟแสงสว่างให้เราตลอดทาง เราสามารถเดินเข้าไปด้านในได้ แต่ไม่ได้เปิดให้เราเข้าไปชมในโบสถ์หรือโบราณสถาน มีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าประจำการอยู่ที่ป้อม แต่บรรยากาศก็วังเวงน่าขนลุกอยู่ ดีที่พวกเราไปกันหลายคน แต่พอเดินเข้าไปถึงด้านในเท่านั้นแระคะ ลืมหมดเลยความกลัว ความเมื่อยที่เดินเข้ามา เพราะว่าที่นี้ในยามค่ำคืนสวยมาก คุ้มค่าจริงๆ วัดนี้พวกเราใช้เวลากันนานมาก มองไปมุมไหนก็สวยงามไปหมดจนอยากจะทะลุมิติไปดูว่าในอดีตนั้นจะงดงามขนาดไหน จนไม่อยากจะไปต่อเลยคะวัดเกษ และสี่แยกตะแลงแกง วัดเกษ วัดนี้ถ้าจะมาตาม GPS จะเขียนว่าวัดเกศ แต่ถ้าเราดูจากป้ายที่กรมศิลปกรเขียนไว้จะใช้ตัว ษ เป็นวัดเกษ วัดนี้เป็นโบราณสถาน อยู่ตรงข้ามกับศาลหลักเมือง บริเวณสี่แยกตะแลงแกง มีความสำคัญ คือ เคยเป็นวัดประจำคุกหลวงนครบาลแห่งกรุงศรีอยุธยามาก่อน เป็นที่คุมขังนักโทษ ถัดจากวัดไปมีบ่อน้ำที่เอาไว้จำคุกนักโทษ วิธีขังคือจะนำนักโทษไปไว้ตรงเกาะกลางและปล่อยจระเข้ไว้รอบๆ บ่อน้ำ เพื่อกันนักโทษหนี ในสมัยก่อนพระสงฆ์ที่จำวัดอยู่ที่วัดเกษนี้มีหน้าที่เพียงอย่างเดียวคือคอยชักบังสุกุลศพนักโทษที่โดนประหาร พอโดนประหารพระท่านก็จะชัดบังสุกุลนำศพไปทำพิธี แล้วก็ตรงนี้แระที่เค้าเอาไว้เสียบหัวประจานนักโทษ น่ากลัวมากๆ นี้ถ้าให้มาคนเดียวก็คงไม่มาแน่ๆ จุดนี้คือสี่แยกตะแลงแกง ที่สมัยก่อนเป็นสถานที่ประหารชีวิต โดยในสมัยโบราณจะประหารชีวิตนักโทษกันที่กลางสี่แยก เมื่อนักโทษตายก็จะนำศพไปทำพิธีทางศาสนาที่วัดเกษต่อ ยังดีนะที่พวกเรามากันแต่หัวค่ำ และเป็นคืนวันหยุด ยังพอมีรถยนต์ และผู้คนสัญจรไปมากันเยอะอยู่ ถ้าค่ำกว่านี้และไม่มีรถเลยก็คงน่ากลัวไม่น้อยเลยจุดนี้ ขนาดตอนนี้ยังรู้สึกวังเวง ถ้าสักตี 1 ตี 2 คงไม่มีคนกล้าผ่านไปผ่านมาแน่ๆ ข้ามถนนมาจากวัดเกษจะเป็นศาลหลักเมือง อยู่ตรงแยกตะแลงแกงนั้นแระคะ ถึงเปิดไฟสว่างไสวไว้ให้เราได้ชื่นชมความงาม แต่ว่าเราก็ไม่ได้ขึ้นไปถึงด้านบนนะคะ เพราะเริ่มจะค่ำมากแล้ว ชัดหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน เรารีบไปต่อกันเลยดีกว่าคะ ก่อนที่เราจะได้สัมผัสพลังงานบางอย่างกัน ไปกันเลยคะวัดขุนเมืองใจ วัดขุนเมืองใจ เป็นวัดโบราณร้าง ตั้งอยู่ริมถนนโรจนะ ใกล้โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย ด้วยความที่วัดตั้งอยู่ริมถนนทำให้เราจอดรถแล้วลงไปชมได้ง่ายๆ ไม่ได้เดินลุยเข้าไปด้านในนะคะเพราะว่ามีหญ้าขึ้นสูง ถึงจะไม่มากแต่ยามค่ำคืนแบบนี้ก็อาจจะเป็นที่ซ่อนตัวของเหล่าสัตว์ร้ายได้ เอาแค่อยู่ริมฟุตบาตก็พอได้ชมความงดงามของโบราณสถานยามค่ำคืน วัดนี้เคยได้มาตอนกลางวันก็ว่าดูขลังแล้ว แต่พอตอนกลางคืนรู้สึกว่ามีมนต์ขลังกว่า ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบนะ วัดนี้เชื่อกันว่าเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่ง เคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยามาแล้ว และยังเคยขุดพบพระพุทธรูปศิลาหลายชิ้น และสันนิษฐานว่าเป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญที่เกี่ยวกับการรบในสมัยก่อนด้วย เนื่องจากเวลาจะออกรบในสมัยก่อนจะมีการสร้างวัด สร้างเจดีย์ขึ้นมา ก่อนออกรบทหารจะนำพระเครื่องที่ทำพิธีแล้วติดตัวไปรบด้วย เมื่อกลับมาก็จะนำมาไว้ในเจดีย์ วัดนี้เราอยู่กันไม่นานแค่ได้ได้ภาพสวยๆ แล้วก็รีบกลับกันเลยเพราะว่าค่ำแล้วเริ่มไม่มีผู้คนสัญจรเลย แม้เราจะมีผู้ชายไปด้วยแต่ก็อย่าประมาทจะดีกว่าคะ จบทริปอยุธยายามค่ำคืน เวลาประมาณสองทุ่มกว่าๆ แต่ต่างจังหวัดจะไม่เหมือนในกรุงเทพฯ ผู้คนจะเข้าบ้านกันแต่หัวค่ำ ยิ่งเป็นสถานที่โบราณสถานแบบนี้ไม่มีสถานบันเทิงหรือว่าร้านอาหารเปิดให้วุ่นวายเลย พวกเราก็ได้เวลาที่เราต้องกลับที่พักเหมือนกัน วันนี้ต้องขอขอบคุณแอดมิน เพจราชธานีศรีอยุธยา ที่มาเป็นไกด์พาเรานำชมโบราณสถานยามค่ำคืน พร้อมได้สาระทราบถึงที่มาที่ไปของสถานที่นั้นๆ เช่น แยกตะแลงแกง หากเราไม่ทราบประวัติมาก่อนเราก็คงไม่รู้สึกว่าน่ากลัว แต่พอได้รู้ประวัติและที่มาที่ไปของสถานที่ทำให้แทบไม่กล้าไปตรงนั้นอีกเลย และที่สำคัญขอแนะนำทุกท่านว่าการไปชมโบราณสถานยามค่ำคืนแบบนี้ อยากให้ทุกท่านคำนึงถึงความปลอดภัยไว้ก่อน ขอให้ไปกันเป็นกลุ่มหลายคนและมีผู้ชายไปด้วย ที่สำคัญให้ยึดคติว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ สถานที่ทุกที่ทุกทางมีผู้ดูแลมีสิ่งที่เรามองไม่เห็นอยู่ ถึงแม้ไม่เชื่อแต่ก็ขออย่าไปทำสิ่งที่ไม่ดีกันนะคะภาพหน้าปกและภาพประกอบโดย Pankaewพิกัด วัดสุวรรณาวาสพิกัด วัดพระศรีสรรเพชญ์พิกัด วัดเกษพิกัด วัดขุนเมืองใจ *STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี` คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565