จากดอยที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดอำเภอหนึ่งของประเทศไทย อมก๋อยถูกพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ จากเมื่อห้าสิบกว่าปีที่ผ่านมาจนเปลี่ยนมาเป็นชุมชนที่ดีขึ้นและไม่ใช่อำเภอที่ยากจนที่สุดอีกต่อไป แม้จะมีบางพื้นที่ของอำเภอที่ยังคงต้องการการพัฒนาอีกมาก แต่ผู้คนที่นี่มีความสุขมากขึ้น สมัยก่อนที่ดอยอมก๋อย ลำบากไม่มีถนนทางขึ้นเหมือนปัจจุบันทำให้เมื่อมีคนขึ้นไปบนดอย ก็จะต้องลุยดิน โคลน รถไปติดหล่มก็เยอะ ทางขึ้นที่นี่ถือว่าอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมาก อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ผมมีโอกาสไปรู้จักคนที่อมก๋อยเพราะได้จัดโครงการมอบเสื้อผ้าและสิ่งของให้เด็ก ๆ บนดอย ในช่วงหน้าหนาวครับ เราได้ติดต่อทางผู้ใหญ่ใจดีให้นำรถมารับขึ้นดอย และขับรถออกจากเชียงใหม่ไปประมาณ 250 กิโลเมตร เพื่อขึ้นดอยอมก๋อย ตลอดทางไปจะมีภูเขาและน้ำตกให้เห็นข้างทาง รวมไปถึงป่าสนและป่าไม้ อุดมสมบูรณ์ เมื่อมาถึงที่หมาย ทางบ้านเด็กกำพร้า ซึ่งทางดอยอมก๋อยจะเรียกว่าหอพัก ทางผู้ดูแลหอพักให้การต้อนรับเราอย่างอบอุ่น เด็ก ๆ ก็เข้ามาทักทาย ยิ้มหวาน บางก็ขี้อายหลบหน้า เขาต้อนรับเราด้วยมื้ออาหารพื้นเมืองครับ คือ กะเบอะ หรือข้าวต้มใส่ผักสูตรอมก๋อย กับ ขนมพื้นบ้านอะไรสักอย่างทำด้วยน้ำตาล ซึ่งเรากินกันจนพุงกางเลยล่ะ หลังจากนั้นได้มีโอกาส ร้องเพลง และแจกของให้กับเด็ก ๆ รวมไปถึงฟังเรื่องราวของเด็ก ๆ และเด็ก ๆ ก็อยากพาเราไปชมหมู่บ้านของพวกเขาด้วย ลักษณะของหมู่บ้านที่อำเภออมก๋อย จะอยู่บนที่สูง เวลาเดินมีพื้นที่ต่างระดับเยอะหน่อยต้องระวังยิ่งกินอิ่ม ๆ มาด้วย แต่เด็ก ๆ ที่นี่วิ่งกันเร็วเลยเพราะคุ้นชิน ผมมีโอกาสแวะไปเยี่ยมชมตามจุด ต่าง ๆ ของหมู่บ้านพร้อมทั้งได้ทักทายชาวบ้าน ที่กำลังทำงานอยู่ หรือ กำลังนั่งใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ คนที่นี่เขาชอบต้อนรับแขกเพราะเขารู้ว่าการที่เขาปิดตัวอยู่อย่างโดดเดี่ยวนั้นจะไม่ช่วยให้เขาพัฒนา ชาวอมก๋อย จะมีเผ่า อยู่สองเผ่าหลัก ๆ คือ เผ่ากะเหรี่ยงโป กับ กะเหรี่ยงสะกอ ทั้งสองเผ่ามีภาษาต่างกัน และวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยส่วนใหญ่คนอมก๋อยเขานับถือศาสนาคริสต์ วันอาทิตย์ก็ไปโบสถ์ ไปนมัสการพระเจ้ากันรวมไปถึงทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ร้องเพลง รวมกลุ่มกันอ่านพระคัมภีร์ และสอนเด็ก เป็นต้น การมาเยี่ยมที่ดอยอมก๋อยนี้ถือเป็นเรื่องที่ตื่นเต้น และทำให้ผมรู้สึกได้เปิดประสบการณ์ใหม่ เพราะได้เจอคนอีกรูปแบบหนึ่ง ที่มีวิธีใช้ชีวิตแบบชาวดอย ทำไร่ ทำนา ทำสวน และไม่ได้เดือดร้อนกับเรื่องราวที่วุ่นวายของเมืองที่อยู่ข้างล่างเท่าไหร่ เพราะพวกเขามีอาหารมีครอบครัว เพื่อนบ้านดี ๆ มีอากาศดี ๆ กับธรรมชาติที่สวยงาม เท่านี้ก็สามารถมีรอยยิ้มที่มีความสุขได้ตลอดไปนั่นเอง ใครสนใจอยากมาเที่ยวอมก๋อย บอกเลยว่าหน้าหนาวช่วงเดือน ธันวาคม ถึง มกราคม หนาวสุด ๆ เตรียมเสื้อหนา ๆ ไว้เลย ที่นี่เขามีรีสอร์ท ที่พัก หลากหลาย รวมถึงโฮมสเตย์ของชาวบ้านก็มี ใครสนใจขอเชิญมาเที่ยวดอยอมก๋อย ดอยแห่งรอยยิ้ม ภาพทุกภาพโดย Witoo