วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ จัตุรัสอัศจรรย์ (Campo dei Miracoli / Square of Miracles) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ เปียซซา เดลดูโอโม (Piazza Del Duomo) ตั้งอยู่ในเมืองปิซา แคว้นทัสคานี ประเทศอิตาลี จัตุรัสแห่งนี้เป็นที่ตั้งของศาสนสถานที่เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหอระฆัง ที่เรารู้จักกันในนาม “หอเอนเมืองปิซา” Leaning Tower of Pisa แต่จริง ๆ จัตุรัสแห่งนี้ไม่ได้มีแค่หอเอนเพียงอย่างเดียว แต่ประกอบด้วยสิ่งปลูกสร้างที่เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาคริสต์ ถึง 4 อย่างด้วยกัน คือ มหาวิหาร, หอล้างบาป, หอระฆัง และสุสาน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงงานสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมอันทรงคุณค่าที่สร้างขึ้นในสมัยยุโรปยุคกลาง ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 10 ที่เมืองปิซา หรือ Maritime Republic of Pisa เป็นเมืองสำคัญของประเทศอิตาลี ซึ่งมีทั้งความมั่งคั่งและอิทธิพลจากการเป็นเมืองท่า, ศูนย์กลางการเดินเรือและการค้าขายทางทะเลกับต่างชาติ เช่น จักรวรรดิไบแซนไทน์, ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ อีกทั้งเมืองปิซายังเป็นเมืองที่ผู้แสวงบุญ แวะพักระหว่างทางที่จะไปเมืองเยรูซาเล็ม การก่อสร้างจัตุรัส เริ่มมีการวางรากฐานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1064 โดยเริ่มจากการสร้างมหาวิหาร ตามมาด้วยการสร้างหอล้างบาป ที่บริเวณด้านหน้าของวิหาร ในปีค.ศ. 1152 ตามมาด้วยสุสานในปี ค.ศ. 1277 และ ค.ศ. 1173 จึงเริ่มการสร้างหอระฆัง มหาวิหารปิซา หรือ Cathedral of Santa Maria Assunta เป็นต้นกำเนิดของสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมในแบบปิซัน - โรมาเนสก์ “Pisan Romanesque” ก่อนที่จะเผยแพร่ไปยังวิหารและโบสถ์อื่น ๆ ในแคว้นทัสคานี เช่น งานจิตรกรรมแบบปูนเปียก, ประตูทองสัมฤทธิ์ที่ทางเข้าโบสถ์ และลวดลายกระเบื้องโมเสก ซึ่งเป็นงานศิลปะที่ได้อิทธิพลมาจากอารยธรรมและวัฒนธรรมจากหลายอาณาจักรผสมผสานกัน ทั้งจากตะวันออกกลาง, ไบแซนไทน์ และแอฟริกาเหนือ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือเสาของมหาวิหาร ที่ได้ถึงแรงบันดาลใจมาจากมัสยิสของอิสลาม หอล้างบาป Pisa Baptistery of St. John ถือว่าเป็นหอล้างบาปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศอิตาลี เป็นโดมทรงกลมสร้างด้วยหินอ่อน สูง 54.86 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 33.13 เมตร สร้างในแบบโรมาเนสก์ และโกธิค ดังจะเห็นได้จากประตูโค้งแบบโรมัน และด้านบนของหอสร้างในแบบโกธิค เช่นเดียวกันกับหอระฆัง หอล้างบาปนี้ตั้งอยู่บนดินที่ชุ่มน้ำทำให้หอนี้เอนไปทางด้านหนึ่ง Tower of Pisa หอระฆังเมืองปิซา หรือที่รู้จักกันในนามหอเอนเมืองปิซา สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1173 โดยใช้หินอ่อนสีขาวมีน้ำหนักรวม 14,500 ตัน สูง 55.86 - 56.67 เมตร (ความสูงของทั้งสองด้านไม่เท่ากัน) เป็นหอสูง 8 ชั้น ชั้นบนสุดจะเป็นที่ตั้งของระฆัง 7 ลูก ใช้เวลาสร้างเกือบ 200 ปี เสร็จในปี ค.ศ. 1372 ความเอียงของหอเกิดจากความผิดพลาดในการออกแบบและคำนวณซึ่งในตอนก่อสร้างมีการวางฐานรากลึกลงไปแค่ 3 เมตรเท่านั้น แต่บริเวณนั้นเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำบวกกับน้ำหนักของหอระฆังทำให้พื้นดินทรุดตัวลง เมื่อสร้างไปแค่ถึงชั้นที่ 3 หอก็เริ่มเอียงจึงหยุดการก่อสร้างไปถึง 100 ปี ประกอบกับเป็นช่วงสงคราม หลังจากนั้นกลับมาสร้างเพิ่มก็เอียงมากขึ้น จึงทำการแก้ไขด้วยการเพิ่มความสูงของด้านที่เอียงแต่มันกลับทำให้หอเอียงเพิ่มขึ้นไปอีก ในปี ค.ศ.1935 มีการปรับฐานรากด้วยการเทคอนกรีตเพื่อให้มั่นคงขึ้น แต่ก็ไม่สามารถหยุดการเอนของหอได้ จนต้องปิดเพื่อปรับปรุงอีกครั้งใน ปี ค.ศ.1990 และเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปด้านบนด้านอีกในปี ค.ศ. 2001 ปัจจุบันก็ยังเอนลง ๆ ทุกปี และมีโอกาสที่จะล้มลงมาได้ แม้ว่าจะมีการหารือว่าจะแก้ไขให้ตรงหรือสร้างใหม่ แต่ก็ได้รับการคัดค้านเพราะถือว่าหอนี้เป็นสัญลักษณ์ของเมือง และทำให้เมืองเป็นที่รู้จักและดึงดูดนักท่องเที่ยว หอเอนเมืองปิซา ยังเป็นหนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง และ จัตุรัสแห่งความอัศจรรย์ หรือ Square of Miracles ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในปี ค.ศ. 1987 ซึ่งความอลังการของศาสนสถานในจัตุรัสแห่งนี้ไม่แพ้ที่ไหนในประเทศอิตาลีเลยค่ะ หากใครได้มีโอกาสไปเที่ยวเมืองปิซา อย่าลืมแวะไปโพสต์ท่าถ่ายรูปกับหอเอน และมาอัพเดทกันด้วยนะคะว่าตอนนี้หอเอนไปถึงไหนแล้ว ภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียน #เที่ยวต่างประเทศ #เที่ยวยุโรป #เที่ยวอิตาลี #เมืองปิซา #หอเอนเมืองปิซา ติดตามบทความอื่นจากผู้เขียน ได้ที่ https://creators.trueid.net/@37414