จะว่าไปในตัวเมืองมะละกา เมืองมรดกโลกของประเทศมาเลเซียแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้ไปเยี่ยมชม นอกจากงานสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนริมแม่น้ำรวมไปถึงโบสถ์เก่าแก่ street art และย่านช้อปปิ้งต่าง ๆ แล้ว เมืองมะละกาแห่งนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งนั่นก็คือโบสถ์เซนต์พอล (St. Paul’s Church) ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาเซนต์พอล (St. Paul’s Hill) โดยความน่าสนใจของโบสถ์เซนต์ปอลนี้ เริ่มสัมผัสได้ตั้งแต่เส้นทางการเดินทางไปที่โบสถ์ที่จะต้องผ่านสถานที่สำคัญและมีความเก่าแก่ต่าง ๆ มากมายเพื่อเดินขึ้นไปยังเนินเขา อาทิ ป้อมปราการที่ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาซึ่งสร้างพร้อมกับตัวโบสถ์เซนต์พอล โดยรูปแบบของป้อมปราการนั้นเป็นงานสถาปัตยกรรมแบบโปรตุเกส เมื่อผ่านเข้าไปยังตัวป้อมปราการเพื่อเดินขึ้นเนินไปยังตัวโบสถ์เซนต์พอลแล้ว ทัศนียภาพระหว่างสองข้างทางนั้นมีความสวยงามเป็นอย่างมาก ทั้งความร่มรื่นจากต้นไม้สูงใหญ่ พร้อมกับวิวทิวทัศน์ของตัวเมืองมะละกาในมุมสูงที่เต็มไปด้วยงานสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีส (Sino-Portugyese) ที่ เป็นการผสมผสานกันระหว่างสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกหรือจากประเทศโปรตุเกสกับสถาปัตยกรรมแบบตะวันออก ที่เป็นงานสถาปัตยกรรมหลักของอาคารบ้านเรือนใน เมืองมะละกา เมื่อเดินทางมาถึงตัวโบสถ์เซนต์พอลแล้ว จะพบกับอนุสาวรีย์รูปปั้นหินอ่อนของนักบุญฟรานซิส เซเวียร์ (St. Francis Xavier) ซึ่งตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่บริเวณด้านหน้าของตัวโบสถ์ โดยที่ตัวรูปปั้นปรากฏแขนด้านขวาหัก เนื่องจากลมพายุและการหักโค่นของต้นไม้ ซึ่งจากการอ่านประวัติในเอกสารข้อมูลการท่องเที่ยวเมืองมะละกาเกี่ยวกับโบสถ์เซนต์พอลและบริเวณโดยรอบแห่งนี้พบว่า นักบุญฟรานซิส เซเวียร์เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่พุทธศาสนาเข้ามาในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะบริเวณเมืองมะละกาแห่งนี้เมื่อหลายร้อยปีก่อน และร่างของท่านได้ถูกฝังไว้ในเมืองมะละกาแห่งนี้ด้วย โดยโบสถ์เซนต์พอลแห่งนี้สร้างขึ้นประมาณปี 1521 หรือเกือบ 500 ปีก่อน โดยกัปตันเรือชาวโปรตุเกสคนหนึ่ง ซึ่ง สร้างขึ้นเพื่อเป็นโบสถ์และสถานที่ประกอบศาสนกิจของคริสตศาสนิกชนชาวโปรตุเกสที่อาศัยอยู่ในเมืองมะละกา หลังจากนั้นในปี 1641 หรือประมาณ 120 ปีให้หลัง เดินมะละกาแห่งนี้ ได้กลายเป็นดินแดนในอาณานิคมของชาวดัตช์หรือประเทศเนเธอร์แลนด์ในขณะนั้น จึงมีการเรียกโบสถ์แห่งนี้ว่าโบสถ์เซนต์พอล และใช้เป็นสถานที่ฝังศพของบุคคลสำคัญ แทนการประกอบศาสนกิจ โดยเอกลักษณ์และความงดงามของภายในตัวโบสถ์ ปัจจุบันหลงเหลือเพียงผนังทั้ง 4 ด้าน และหลังคาที่เสื่อมสลายหายไปเนื่องจากการเวลาและลมพายุ โดยภายในตัวโบสถ์นั้นปัจจุบันยังพบเห็น ป้ายหินศิลาหน้าหลุมฝังศพโบราณขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านเรียงรายภายในตัวโบสถ์ ซึ่งล้วนเป็นภาษาดัตช์ทั้งสิ้น นอกจากบริเวณโบสถ์เซนต์พอลจะเต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างทางประวัติศาสตร์ ในยุคหลายร้อยปีก่อนแล้ว บนเนินเซนต์พอลหรือรอบ ๆ บริเวณตัวโบสถ์แห่งนี้ยังเป็นจุดชมวิวเมืองมะละกาในมุมสูงอีกด้วย สำหรับผู้ที่สนใจอยากไปเยี่ยมชมตัวโบสถ์เซ็นพอก็สามารถเดินไปเรื่อย ๆ จากตัวเมืองมะละกาขึ้นไปทางทิศเหนือ ซึ่งจะผ่านจัตุรัสกลางเมืองและแม่น้ำมะละกา โดยจะมีป้ายบอกตลอดเส้นทาง นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่มีความน่าสนใจยิ่งในเมืองมะละกา หากใครมีโอกาสได้มาที่เมืองมะละกาแล้วก็ไม่ควรพลาดที่จะมาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ พิกัดที่ตั้งของ โบสถ์เซนต์พอล ภาพประกอบโดยผู้เขียน