หากปรกติที่เรามาเที่ยวหัวหินกันแล้ว ก็คงจะไม่พ้นทะเล หรือไม่ก็ภูเขา รึสวนน้ำ แต่ครั้งนี้ผมอยากจะแนะนำให้ลองมาแวะกราบไหว้ พระนอนใหญ่ที่สุดในหัวหิน และพระสิวลีที่สูงที่สุดในหัวหิน และปิดท้ายด้วย นมัสการหลวงพ่อ พระเกจิอาจาร์ยชื่อดัง แห่งวัดห้วยทรายใต้ หลวงพ่อทองสุข ที่ขึ้นชื่อลือชา ด้านแคล้วคลาดปลอดภัยและคงกระพันชาตรี พร้อมฝึกทำสมาธิต่อหน้าหลวงพ่อได้ยิ่งดี ยิ่งขลัง ไม่น่าพลาด! เพราะงั้นไม่ต้องรีรอกันให้เสียเวลามาดูที่แรกกันเลยครับ 1.วัดบุษยะบรรพต วัดบุษยบรรพต ตั้งอยู่ที่ 196 ตำบล หัวหิน อำเภอ หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (แผนที่การเดินทาง คลิ๊กที่นี่) ที่นี่เป็นวัดอยู่ในชั้นลำดับ สามัญ นะครับ คือ มีพระสงฆ์ ไม่เกิน 30 รูป และมีกิจกรรม ภายในวัด ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา วัดนี้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่รุ่นสมัย หลวงพ่อก๋ง เป็นผู้บุกเบิก มาตั้งแต่รุ่นแรกๆ นะครับ และ ณ ปัจจุบันนี้ ก็ได้รับการดูแลสานต่อจนถึงรุ่น หลวงพ่อปัจจุบัน ก็คือ พระครูวิจิตรธรรมวิภัช,ดร การเดินทางมาที่วัดนี้ ก็สะดวกสบาย ห่างจากตัวเมืองหัวหินทางทิศตะวันตก มาประมาณ 5 กิโลเมตร ก็มาถึงตัววัดแล้ว แต่หลายๆคนก็คงจะเข้าผิดเข้าถูก เพราะที่บริเวณนี้ มีวัดซ้อนวัดกันอยู่ถึง 3 วัด นั้นก็คือ วัดบุษยะบรรพต,วัดต้นเกตุ,และวัดวิเวกสันธิธรรม ซึ่งทำให้ผู้ที่จะมากราบไหว้พระนอนที่ขึ้นชื่อได้ว่าใหญ่ที่สุดในหัวหิน ต้องมีอันหลงทางไปซะทุกราย เพราะทางเข้านั้นแทบจะเป็นทางเดียวกัน ต่างก็แค่เลี้ยวขวาเท่านั้นเอง มาทางมูลนิธิ ก็ถึงแล้ว ไม่ไกลมาก แค่ 300 เมตร จากปากทาง ก็มาถึงที่ตั้ง พระพุทธรูปปางไสยาสน์รวราชมงคล ที่อาจจะเรียกได้ว่า ใหญ่ที่สุดในหัวหิน สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2530 ยาว 15 เมตร 19 นิ้ว หันหน้าพระพักตร์ด้านทิศตะวันออกและครอบองค์พระทั้งองค์ด้วยหลังคาทั้งหลัง ปกป้องแสดงแดดและสายฝน ทำให้สภาพยังอยู่ดีจวบจนถึงปัจจุบัน บริเวณภายในวัด ค่อนข้างร่มรื่นและยังเป็นสถานที่ตั้ง มหาวิหารกตัญญุตา ที่ภายในเก็บรูปจำลองหลวงพ่อก๋งและหลวงปู่ทวด และด้านข้างก็เป็น หอพระครูวิจิตรธรรมวิภัช ที่ซึ่งเก็บ พระพุทธบาทจำลอง และพระแก้วมรกตทั้งเจ็ดวัน เอาไว้ในนี้ด้วยเช่นเดียวกันและยังเปิดให้ประชาชนได้เข้ามากราบไหว้ พระแก้วมรกตตามกำลังวันเกิดกันอีกด้วย 2.วัดเขาน้อย อำเภอหัวหิน ตำบลหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วัดแห่งที่สองนี้ คือวัดเขาน้อยนะครับ ห่างจากตัวเมืองหัวหิน แค่ 2 กิโลเท่านั้นเอง และยังสามารถเดินทางได้โดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นทางเหนือใต้ออกตก เราก็จะเห็นองค์พระสิวลีมาแต่ไกล เพราะตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางชุมชนบริเวณโดยรอบของเขาลูกนี้ และใกล้กับตลาดนัดไดโนเสาร์ใหม่ ถ้าเข้ามาทางด้านหน้าก็จะง่ายกว่า จากปากทางถึงวัด ก็ประมาณ 700 เมตร แล้วเลี้ยวขวา วิ่งตามเส้นทางเข้าไปได้เลยครับ แผนที่กดที่นี่ครับ เมื่อถึงทางเข้าด้านหน้าซ้ายมือ เราก็จะเห็นหอฉัน และ ทางขึ้นเขาไปไหว้พระสีวลี ด้วยทางขึ้นประดับด้วยหัวพญานาค 7หัว ทั้งสองข้างซ้ายขวา ประดับด้วยเครื่องถ้วยชามเซรามิคสวยงาม แต่ขอบอกว่าใครแข็งแรงก็สามารถขึ้นทางนี้ก็ได้นะครับ เพื่อความเป็นสิริมงคล ทำไมนะเหรอครับ เพราะบันไดทั้งหมด ที่ผมนับได้ ไม่รวมที่พักเท้า ก็จะครบ 99 ขั้นพอดิบพอดี เลขสวย แต่ถ้าใครขึ้นไม่ไหว ก็ไม่ต้องท้อไปนะครับ เขามีทางขึ้นอยู่ทางด้านขวามือ เลี้ยวรถวนไปขึ้นเขาได้เลย ด้านบนก็จะมี ให้เราได้ทำบุญโลงศพ และกราบไหว้ขอพรกับพระสิวลีและด้านซ้ายมือตรงมา ก็จะมีหลวงพ่อที่สำคัญๆ เป็นองค์จำลองมาให้เราได้ไหวขอพรกับหลวงพ่อชื่อดัง แต่ความสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่เราจะต้องได้เห็นคือ วัดนี้มีความสำคัญอีกอย่างคือ มีหลวงพ่อที่ประดิษฐานอยู่ที่นี่มา ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 7 คือ หลวงพ่อพิชิตมาร และ หลวงพ่อมงคลนิมิตร ตามประวัติองค์พระสีวลี นั้นเป็น เอกทัตคะ มหาสาวกของพระพทุธเจ้านับเนื่องอสีติมหาสาวก 80 องค์ สำคัญในพระพุทธศาสนา ในสมัยพุทธกาล ชาติภูมิของพระสีวลีเถระ นั้น ทรงถือกำเนิดเกิดในครรภ์พระนางสุปปาวาส อยู่ในครรภ์นานถึง เจ็ดปี เจ็ดเดือน กับอีกเจ็ดวัน ในขณะที่ทรงครรภ์อยู่นั้น ทรงสมบูรณ์ด้วยลาภสักการะ และเมื่อถึงเวลาประสูติก็ออกมาได้โดยง่าย ด้วยพุทธานุภาพ ที่พระพุทธเจ้าทรงประทานพร ว่า"พระนางสุปปาวาสจงมีความสุขปราศจากโรคาพยาธิ ประสูตรพระราชบุตรโดยไม่มีโรคเถิด" เมื่อประสูติออกมาแล้ว พระประยูรญาติขนานพระนามว่า "สิวลีกุมาร" และในวันเดียวกันนั้นเอง ก็ได้นิมนต์พระพุทธเจ้ามาเสวยภัตตาหาร สีวลีกุมารก็ได้ถือ ธมกรต ที่กรองน้ำถวายพระพุทธเจ้า และพระสงฆ์ตลอดทั้งเจ็ดวัน และเมื่อได้เจริญวัย ทรงออกบวชที่สำนักพระสาลีบุตร และได้บรรลุอรหันต์ ในช่วงปลงเกศาเสร็จพอดี ตั้งแต่นั้นมา ท่านก็ไม่เคยขาดเรื่องลาภสักการะอีกเลย ด้วยเหตุนี้เอง จึงได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็นเลิศด้านผู้มีลาภมาก แค่ประวัติก็น่าสนใจแล้วนะครับ และจะทิ้งไฮไลท์วิวสวยๆ ไว้ที่คริปแนบท้ายนี้ ให้ได้ชมกันครับ https://web.facebook.com/share/v/1QXwZN3JqV/ 3.วัดห้วยทรายใต้ วัดห้วยทรายใต้ ตั้งอยู่ที่ อำเภอ ชะอำ จังหวัด เพชรบุรี ได้ทำการก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2510 โดยหลวงพ่อโต (น้อย จุนฺโท) และต่อมาหลังจากมรณะภาพ ก็ได้อัญเชิญหลวงพ่อห่วย จักรกวโร มาเป็นเจ้าอาวาสต่อจากที่นี่ ตามประวัติการสร้าง หอพระรัตนเจดีย์ศรีมหาธาตุนั้น ความตั้งใจเกิดจากการที่ท่านได้เดินทางไปแสวงบุญ ดินแดนแห่งพุทธภูมิ ณ ประเทศอินเดียและเกิดได้พบเห็น พระรัตนเจดีย์ศรีมหาธาตุ และรู้สึกเป็นที่ประทับใจ จึงได้ตั้งจิตอฐิษฐานต่อหน้าพระมหาเจดีย์ ที่ภายในบรรจุ พระธาตุของพระพุทธเจ้าเอาไว้ ว่า หากมีบุญพาวาสนาส่งและแรงบุญจากผู้ร่วมศรัทธา ณ วัดห้วยทรายใต้แห่งนี้ ก็ขอให้ทำสำเร็จเพื่อเป็นปกปักรักษาพระพุทธศาสนาสืบไป จากแรงอฐิษฐานในวันนั้น ทำให้พระรัตนเจดีย์ศรีมหาธาตุ ได้ถือกำเนิดเกิดขึ้น จากศรัทธาของผู้คนที่ให้กันมาอย่างล้นหลามและได้สร้างสำเร็จสมความตั้งใจของหลวงพ่อในที่สุด จนมาถึงปัจจุบัน และภายในเจดีย์ศรีมหาธาตุนี้ หลวงพ่อยังได้สร้างหลวงพ่อทองสุข สูงเท่าตึกสามชั้น ซึ่งท่านเป็นพระเกจิอาจาร์ยชื่อดังและเลื่องลือในเรื่องของ คงกระพันชาตรี รวมทั้งแคล้วคลาดและเรื่องโชคลาภอีกด้วย ทำให้สภาพจึงค่อนข้างดูสมบูรณ์มาจนถึงปัจจุบัน หลวงพ่อทองสุข : ชื่อ พระครูพินิจสุตคุณ หรือ หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง อุปสมบทเมื่ออายุ 32 ปี ณ วัดปราโมทย์ จังหวัดสมุทรสงคราม ฉายาที่ได้หลังบวช : อินทโชโต ซึ่งแปลได้ว่า ผู้มีฤทธิ์มากหรือมีกำลังมาก ซึ่งอยู่ในรุ่นปู่รุ่นยาเรา สมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม พระยาพหลพลพยุหเสนา จนกระทั่ง มรณะภาพ สิริรวมอายุแล้ว 80 ปี และเพราะเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง จึงได้ถูกสร้างขึ้น เพื่อเป็นที่สักการะไว้ภายใน พระรัตนเจดีย์ศรีมหาธาตุ อีกทีหนึ่ง เพื่อปกปักรักษาและเป็นขวัญกำลังใจของ ชุมชนวัดห้วยทรายใต้ จวบจนถึงปัจจุบัน ยังไม่หมดเพียงแค่นี้นะครับ ภายในวัดแห่งนี้ยังมีความสำคัญอีกหนึ่งที่ คือศาลากลางน้ำที่อยู่ด้านหลัง ข้างๆ อุโบสถหลังใหม่ เดิมเป็นสถานที่ตั้งของอุโบสถเก่าและได้ถูกรื้อและย้ายไปสร้างใหม่ๆ ใกล้ๆกันอย่างที่เราเห็นกันอยู่ ณ ปัจจุบัน ภายในศาลาแห่งนี้ ยังมีของสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน คือ พระพุทธรูปหินฟันปี ที่ถูกอัญเชิญมาไว้ที่นี่ ผมบอกได้เลยว่า บรรยากาศเหมาะกับการนั่งสมาธิเอามากๆ สายลมสงบ พื้นที่สงัด มีเพียงสายลมพัดผ่านปลิวเบาๆ ให้พอได้รู้สึกเย็นๆ ทำให้รู้สึกจิตใจสงบเอามากๆ อยากให้ลองมานั่งกันดูครับ และอีกหนึ่งจุดไฮไลท์ที่ไม่อยากให้พลาดเลย ก็คือการทำบุญเลี้ยงปลาครับ รอบๆศาลากลางน้ำแห่งนี้ มีปลาหลากหลายมากมาย บ้างว่ายโผล่หางพ้นน้ำ ให้เราได้ตื่นเต้นไปกับมัน บ้างโผล่หัวมา ให้เราได้ชะเง้อชะแง้ แห่พากันตามไปดู เพียงเพราะอยากให้เราโยนอาหารให้มัน เพียงแค่เห็นเท่านี้ จะใจแข็งไม่ให้มันเลย ก็ดูจะแล้งน้ำใจไปสักหน่อย ก็ต้องจัดไปสักแก้วสองแก้ว โยนกันไปสนุกสนานตื่นตาตื่นใจตามตามกันไป เพราะความสุขมันสั้นเหลือเกิน มันก็เท่านี้ ที่เราเห็นตรงหน้า ถือไว้มากเกินก็ปล่อยวางลงบ้าง สัจธรรมที่เราเห็นมันก็เท่านี้ ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน มาแล้วก็อย่าลืมมาแวะชมกันนะครับ แผนที่เดินทางคลิ๊กที่นี่ ความประทับใจในครั้งนี้ ผมคิดว่าคงไม่มีพระที่ทั้งสูงทั้งใหญ่ได้ขนาดนี้ นอกจากสามวัดที่กล่าวมาข้างต้น ในระแวก หัวหิน-ชะอำ อีกแล้ว นั้นทำให้เรารู้สึกประทับใจและศรัทธาไม่เสื่อมคลายในพระพุทธศาสนา และทุกครั้งที่ได้มีโอกาสไปกราบไหว้ เหมือนเป็นเครื่องเตือนใจ ในทุกเมื่อเชื่อวันของการใช้ชีวิต ในทุกย่างก้าวอย่างมีสติ อะไรปล่อยได้ก็ปล่อย อัตตาเป็นเพียงของว่างเปล่า ถ้าทำได้ใจเราจะเป็นสุข สวัสดีครับ https://web.facebook.com/share/v/1AfgxWgcC3/ คริปวิดีโอ ทั้งหมดโดย ผู้เขียน ภาพประกอบทั้งหมดโดย ผู้เขียน รูปภาพหน้าปก โดย ผู้เขียน กรอบรูปแบบดั้งเดิมของเกาหลีที่เส้นสายสะอาด sketchify korea พื้นหลังภาพปก Full Moon Canva Creative Studio อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !