ช่วงเทศกาลคริสมาสต์ในแต่ละปี เรากับคนที่บ้านมีแพลนจะไปทริปยาว ๆ กัน ทริปที่ตั้งใจอยากไปมาก ๆ คือทริปเหนือ อยากไปแบบเรื่อย ๆ เมื่อยก็พัก เราสองคนเลยไปแบบขนที่นอน หมอน เต้นท์ อุปกรณ์ทำควรขนาดย่อมขึ้นรถไปด้วย เราตั้งงบประมาณไว้ไม่เกิน 2 หมื่นบาทสำหรับทริปนี้ กะว่าเงินหมดก็กลับ แห่ะ ๆ ทริปที่จัดเป็นประเภท "แผนที่ไม่มีแผน" ก็คือ ค่ำไหนนอนนั่น ที่ไหนสวยก็แวะนานหน่อย ถ้าไม่โอเคก็บอกผ่าน ไปป้ายหน้า ค่อย ๆ หาข้อมูลไปเรื่อย ๆ ว่าจะไปไหนดี ว่าแล้วก็มาลุยไปด้วยกันค่ะ วันแรก เป้าหมายคืนนี้ตั้งใจว่าเราจะออกจากขอนแก่นแล้วไปนอนที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จ.ลำปาง แต่ .... ฮาๆๆๆ เราตื่น 7 โมงเด้อ กว่าจะขนของบลาๆๆ ก็ปาไปเกือบ 9 โมง สรุปก็ออกขอนแก่นแบบสบายๆ โคตร ๆ แวะปั้ม ปตท.ชุมแพก่อนขึ้นน้ำหนาว คนเยอะมาก ก ก ก ก ได้ยินว่าจะไปนอนเขาค้อ ทับเบิกไรงี้ เรากะโอเค เราไปไกลกว่า จากนั้นก็วิ่งรวดเดียว ตรงดิ่งไปหล่มสักเลยทีเดียว ตอนนี้หิวแล้ว อากาศก็เย็น ๆ ท่าทางจะหนาว ทำให้มีกำลังใจในการเดินทางเป็นอย่างมาก เราแวะกินข้าวที่เขาค้อ ... อาหารอร่อยใช้ได้ มีไร่สตอเบอรี่เป็นของตัวเอง คนไม่เบียดเสียดนั่งกินอาหารได้ชิวๆ ... กินเที่ยงเสร็จก็เดินทางต่อไป ออกจากเพชรบูรณ์ ก็เข้าไปที่พิษณุโลก ประมาณบ่ายสอง รอบนี้มีภาระกิจไปหาแร็กมือสอง ต่อราคาได้ดีพอสมควร แต่ไม่สามารถประกอบได้ เราก็เลยขับรถวน ๆ วงแหวนขอบนอกของเมืองสองแคว เผื่อเจออู่ที่ทำได้ ก็มีหลายอู่ที่เปิดบริการฮะ เพราะยังไม่ปิดปีใหม่ แต่อู่เค้าบอกว่าให้ไปร้านประดับยนต์นะครัช ที่นี่ไม่มีอุปกรณ์ ก็เลยต้องขับเข้าเมือง เผอิญเห็นร้านประดับยนต์ค่อนข้างเก่าแต่ใหญ่ เลยแวะ นั่งเล่น นั่งคุยกะช่างที่ร้าน ค่าแร็กพร้อมติดตั้ง 2 พันกว่าฮะ ... สรุปเสียเวลาที่พิษณุโลกนี่ 2 ชม.เลยหง่ะ .. ป้ายต่อไปเอาไงดี จะขึ้นเหนือไปลำปางเส้นปกติ ดูอาการก็รถติด แล้วยังมีภาระกิจคือ ผ้าใบ และผ้าคลุมเต้นท์ ที่เราต้องมีสำรองตลอดทริป เผื่อหาที่พักไม่ทันใจ จะได้กางเต้นท์นอน เผื่อฝนตก เผื่อบลา ๆๆ สรุปไปสุโขทัยแวะแม็คโครสุโขทัย ซื้อของ แล้วตีรถขึ้นไปที่ศรีสัชนาลัย ถึงศรีสัชนาลัยประมาณ 6 โมง หน้าหนาวไม่ดีอย่างหนึ่ง คือค่ำเร็วมาก กว่าจะหาที่พักได้ก็ประมาณหกโมงกว่า เข้าที่พักแล้วขี้เกียจออกไปหากิน เลยต้มมาม่ากินที่นี่ เจ้าของโรงแรมดีใจหาย หาน้ำร้อน หาชามมาให้ แถมด้วยกล้วยบวดชีอีก 2 ถ้วยใหญ่ กินอิ่ม นอนสบาย ... คืนนี้ นอนโรงแรมศรีสัชนาลัย ราคา 500 บาท ...ห้องนอนสีชมพู ทั้งกว้าง เตียงใหญ่ น้ำอุ่น แอร์เย็นฉ่ำ ก่อนนอนดูหนังผี ฝันดีฮะทุกคน ปล. เดินทางวันนี้ใช้ระยะทางประมาณ 478 กม. วันที่ 2 เช้านี้ที่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียง เป็นโบราณสถานที่อยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย สำรวจเสร็จ มุ่งหน้าสู่ลำปาง แวะกินข้าวรีสอร์ทที่เราคิดว่าเงียบ ๆ แต่แปลกมีคนเข้ามากินข้าวเรื่อยๆ น่าจะเป็นร้านหรูในอำเภอวังชิ้น จ.แพร่ ก็รสชาติโอเค แต่เราคงเหนื่อยกินได้นิดหน่อย ออกจากที่กินข้าว แวะม่อนเสาหินพิศวง อ.วังชิ้น จ.แพร่ คืออยากรู้มันเป็นไร ไปถึงแล้วก็พิศวงเหมือนว่า กลับลงมาก็ยังพิศวง ออกจากม่อนเสาหิน เราก็ไปต่อ ถึงบ่อน้ำพุร้อนแม่จอก อ.วังชิ้น จ.แพร่ แวะดูคนลวกไข่ ความจริงอยากลองอาบน้ำแร่ แช่น้ำอุ่นดู แต่เวลาน้อยมาก ๆ เลยได้แค่เดินรอบ ๆ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ก็เดินทางต่อ เข้าจังหวัดลำปาง ตั้งใจจะนอนลำปาง แต่ว่าเปลี่ยนแผนอีก คนขับบอกว่าเคยนมัสการพระธาตุลำปางหลวงแล้ว นางไม่ประสงค์ ก็เลยไปวัดพระแก้วดอนเต้าแทน เสร็จแล้ว คุณผู้ชายก็ใส่คีย์เวิร์ดขึ้นมาว่า อยากไปวัดหลวงปู่ชอบที่พ่อกับแม่เธอเคยไปอ่ะ ... ปรากฎว่า โทรถามพ่อ พ่อบอกว่า อ๋อวัดนั้นเหรอ ชื่อ วัดผาแด่น อยู่อ.แม่ริม ... โอเค เปลี่ยนแผน ไปแม่ริมกัน แอ่วเวียงเจียงใหม่ วันนี้คาดว่าจะได้นอนวัดเราก็เร่งจัดหาเสบียงด้วยความรวดเร็ว ข้าวสุกพร้อมเดินทาง ปลากระป๋อง และน้ำดื่มเพิ่มอีกแกลลอนใหญ่ มุ่งสู่แม่ริม ....พอไปถึงแม่ริมชักงงแฮะ เสริจหาคำว่า "วัดผาแด่น" มันไม่มีในแผนที่ หาไม่เจอ แล้วก็หกโมง คุณผู้ชายก็หิวแล้วมีอาการวีน นางทาสเลยต้องจัดหาอาหารมาเสริฟ ก็อาหารเซเว่นหล่ะจะมีไรหรูกว่านี้มั้ย แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนโจรปล้นเซเว่น เหลือแค่ข้าวเหนียวดำกับไก่สไปซี่ แล้วก็มีไส้กรอกอีสาน เลยกวาดมาหมด (คนซื้อก็หิว) สรุปกินข้าวเย็นที่ปั้มน้ำมัน อ.แม่แตง แล้วเปิดแผนที่เพื่อหาอุทยานแห่งชาติที่ใกล้ที่สุด เพื่อหาที่นอน ปรากฎว่าจุดที่พักที่ใกล้ที่สุด เป็นอุทยานแห่งชาติศรีลานนา ติดเขื่อนแม่งัด บรรยากาศดี มีเต้นท์ครอบครัวใหญ่มากางห่างจากเราประมาณ 100 เมตร นอนแม่แตงแสนสบายใจ ราตรีสวัสดิ์ อ้อ ความจริงเรานอนรีสอร์ทกันก็ได้นะคะ แต่ตอนต้นทริป เราคุยกันว่าอยากพักแบบชิล ๆ กางเต้นท์ เอาบรรยากาศ และเน้นความประหยัดถูกหลักอนามัย วันนี้เดินทางเบา ๆ 350 กม. วันที่ 3 แม่แตง เชียงดาว แม่ริม (แยกเส้นแม่แตง - ปาย ไปแม่ริม ลัดทาง อบต.สบเปิง รวมระยะทาง 200 กม.) วันนี้ตื่นเช้า ออกมาดูดาวพระศุกร์ขึ้นที่เขื่อนแม่งัด ชงกาแฟ กินข้าวต้มพออุ่นท้อง ก่อนที่จะเก็บของและออกเดินทาง แวะชมทุ่งคอสมอสที่ เทศบาลเมืองแกน ในงานฤดูหนาวของที่นี่ สวยเริงใจพอสมควร ออกจากทุ่งคอสมอส มองเห็นยอดหลังคาวัดดูอลังการแต่ไกล เลยแวะเข้าไปดูซะหน่อย เดินจนทั่ววัดไม่รู้ประวัติความเป็นมา พึ่งมารู้ทีหลังว่าวัดที่ไปชื่อวัดบ้านเด่นสะหรีศรีเมืองแกน จ.เชียงใหม่ หรือ "วัดบ้านเด่น" ตั้งเด่นอยู่บนเนินเตี้ยๆ มองเห็นได้แต่ไกล ภายใต้เนินนั้น เป็นถ้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านนับถือ อยู่ในเขตเมืองเก่าโบราณ ที่เรียกว่า "เมืองแกน" ภายในวัดเต็มไปด้วยต้นโพธิ์ หรือ "ต้นสะหรี" ออกจากแม่แตง คุณผู้ชายอยากไปไหว้พระที่ถ้ำเชียงดาวซึ่งไม่หางจากนี่ ระยะทางไม่ถึง 50 กม. ก็ไปสิคะ รออะไร ระหว่างทาง แวะกินข้าวร้านเล็ก ๆ มีที่ให้นั่งเล่นริมธารด้วย แต่ถ้าจะกินข้าว ต้องขึ้นไปกินที่ร้าน แค่ได้เอาเท้าจุ่มน้ำก็ฟิน อาหารที่นี่เป็นอาหารง่าย ๆ แต่อร่อย บรรยากาศดี ถึงวัดถ้ำเชียงดาว ตั้งอยู่เชิงดอยหลวงเชียงดาวมีพระพุทธรูปหลวงพ่อทันใจและมีความเชื่อกันว่าหากได้อธิษฐานขอพรแล้วจะสมหวังดังปรารถนารวดเร็วทันใจตามชื่อของพระพุทธรูปองค์นี้ ... แต่ที่เรามาเพราะว่าได้ยินว่าหลวงปู่มั่นท่านเคยมาปฏิบัติธรรมที่นี่...เราเลยตามรอยหลวงปู่มา ออกจากวัดถ้ำเชียงดาว แวะซื้อถั่วต้มถุงละ 10 บาท เม็ดใหญ่มาก เสียดายไม่ได้ถ่ายรูป เพราะหิว ซัดไปรวดเดียวหมดเลย ออกจากถ้ำเชียงดาว กะไปวัดผาแด่น ที่ปฏิบัติธรรมของหลวงปู่ชอบ ปรากฎว่าหาทางไปไม่เจอ วนอยู่สองรอบ หมดอารมณ์ และก็จะ 4 โมงแล้ว ชาวบ้านบอกว่าค่ำแล้วนะจะไปทำไม ทางมันลำบาก ก็เลยตัดใจออกจากทริป แล้วมุ่งหน้าไปม่อนแจ่ม ...ระหว่างทางแวะสวนสมเด็จฯ อยากเดินสกายวอร์ค แต่คนเยอะมาก ถ่ายรูปได้นิดหน่อย ก็เลยตัดใจไปม่อนแจ่มดีกว่า ทางขึ้นม่อนแจ่ม แคบ และชัน ที่มันชวนระทึกคือ รถติดตรงที่แคบและชันด้วยนี่หล่ะ ทำให้ใจหวั่น ๆ แต่ก็ถึงลานจอดรถอย่างเรียบร้อย เดินขึ้นม่อนแจ่มรู้สึกขาสั่น ๆ ถ่ายรูปสมใจแล้ว ก็เลยออกเดินทางต่อ อ้อ ตอนเราขึ้นม่อนแจ่ม เป็นปีแรกที่ลองเอารถขึ้นเขาชันแบบนี้ แล้วก็โชคดีเราเจอเซียนรถด้วย เป็นเจ้าของอู่ก้อเลยมาช่วยดูเครื่องรถ แล้วให้คำแนะนำต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์มาก ลืมถามชื่ออู่ เสียดายจังเลยค่ะ แต่ยังไงก็ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ ขับรถออกจากม่อนแจ่มก็เจอสาระพัดม่อน ซึ่งมีที่สำหรับเช่ากางเต้นท์ ราคาต่าง ๆ นานา เราเลือกจุดที่อยู่ห่างคน และมองแล้วเห็นมีแต่เด็ก และคนชรา ที่มากับครอบครัว ซึ่งเลือกแบบนี้เพราะมันจะสงบกว่าการไปกางเต้นท์ดงวัยรุ่น เพราะคนแก่-เด็ก หรือกลุ่มที่มากับครอบครัว ส่วนใหญ่กินเสร็จก็จะพากันนอนไม่มีกิจกรรมสังสรรค์ ดริ้ง - ดรั้ง กันดึก แต่ก็แหล่ะ ปรากฎว่าทุ่มเศษ มีกลุ่มวัยรุ่นที่น่าสงสารหลงเข้ามาดงคนแก่ กินและดื่มแล้วก็เม้าส์มอยเรื่องกันสนุกมาก จนมนุษย์ป้าทนไม่ไหว ออกมาเจรจาให้เด็ก ๆพักผ่อน ... เด็ก ก็น่ารัก รีบเข้าถ้ำนอนอย่างไว ในเวลาเกือบหกทุ่ม … คืนนี้นอนหนาวดูดาวที่แม่แจ่มสมใจแล้วค่ะ วันที่ 4 วันนี้ตื่นเช้า หกโมงนิด ๆ มาดูพระอาทิตย์ขึ้น แอคชั่นหากินนิดหน่อย อากาศน่าจะราว ๆ 10-12 องศา กินข้าวต้ม (ข้าวเซเว่นต้มน้ำ) กาแฟ แล้วก็เก็บข้อจรลี แวะไร่องุ่นทางขึ้นม่อนแจ่มค่าชมคนละ 10 -20 นี่้หล่ะ เค้าห้ามเก็บองุ่น เข้าเมืองไหว้พระที่วัดสวนดอก คนพาไปอยากไปรำลึกความหลัง ไหว้พระเสร็จว่าจะเดินเลาะไปหาซื้อของ เผอิญเพื่อนสาววัยใสสมัยเรียนมัธยมโทรมาว่าอยู่ไหน เพื่อนห่วงมากตั้งแต่รู้ว่ามาถึงเชียงใหม่ ทำไมไม่โทรหา สุดท้ายเพื่อนเลยมารับไปกินข้าว อาหารแบบเจียงใหม่เจ้า ร้านลูกทุ่ง ได้ใจมาก แถมเพื่อนห่วงมากกลัวเพื่อนจะอด สั่งแม่ค้าห่อข้าวเหนียว จิ๊นย่าง และไส้อั่วให้ห่อใหญ่ สำหรับเป็นเสบียงกินกลางทาง จึงออกเดินทางได้ บ่ายนี้มีโปรแกรมเพื่องานถ่ายภาพสำหรับไปขายออนไลน์โดยเฉพาะ ถึงราชพฤกษ์ราว ๆ บ่ายสอง อากาศร้อนใช้ได้ เข้าไปแล้วไม่อยากออกโดยเฉพาะสวนอังกฤษ เพราะติดแอร์ และดอกไม้ในสวนสวยมาก สวยจริง ๆ กล้วยไม้ก็เยอะ ดอกเพียบ ไม่รู้ใช้ปุ๋ยอะไรงามจริง ๆ ค่ะ ออกราชพฤกษ์ ขึ้นพระธาตุดอยคำ ระยะทางชันพอใช้ หาที่จอดรถยากมาก ไหว้พระขอพรเรียบร้อย ออกจากพระธาตุดอยคำ เรามุ่งลงใต้ จุดหมายคือน้ำตกที่อำเภอลี้ ไม่รู้อยู่ที่ไหน แต่เราจะไป สุดท้ายรู้สึกว่าไกล เลยแวะไหว้พระธาตุจอมทองที่ อ.จอมทอง ต่อไปที่ดอยเต่า ถึงดอยเต่าค่อนข้างค่ำ เราตั้งใจจะนอนริมทะเลสาปปิง แล้วก็หลงทางฮะ มีมั้ยสักวันที่จะไม่หลง ไม่มี ....แวะถามทางที่หน่วยบริการประชาชน เปิ้นกะบอกทางเรียบร้อยแถมเป่านกหวีดปรี๊ด ๆ ให้ด้วย คือจริง ๆ ไม่ต้องเป่าก็ได้ ไม่มีรถสวนอยู่แล้ว ออกจากหน่วยบริการประชาชน ไปตามทางที่เปิ้นบอก จนถึงทางเข้าทะเลสาป เรากะขับรถไปถึงสะดือทะเลสาปก็ยังหาน้ำไม่เจอ โถ ๆ ๆ สรุปคือทะเลสาปมันถูกสาปให้แห้ง ไม่มีน้ำเลย เราก็เลยไปนอนที่เดอะกรีกที่แปลว่าต้นไม้ ซึ่งสัญลักษณ์คือต้นไม้ใหญ่แล้วมีร้านกาแฟอยู่หน้าร้าน ปล.1 ตำรวจที่ดอยเต่า 2 นาย ออกมาให้คำแนะนำหน่ะหล่อมาก ไม่อยากไปนอนรีสอร์ท อยากกางเต้นท์นอนใกล้ ๆ ป้อมตำรวจนี่หล่ะ ท่าจะอุ่นใจดีนัก ปล.2 คืนนี้ที่พักดีงาม ที่ดอยเต่า ราคา 500 บาท เป็นบังกะโลหลังใหญ่ มีระเบียงหลังห้อง เตียงใหญ่ แอร์เย็น น้ำอุ่น ทีวี และตู้เย็น อาหารเพื่อนสาว ได้กินจนไส้จะแตก อ้อ เดินทางวันนี้ระยะทางกว่า 200 กม. วันที่ 5 วันนี้เป็นทริปที่่จะไปน้ำตกที่อ.ลี้ จ.ลำพูน ตาม Unseen Thailand ระยะทาง ดอยเต่า ลี้ เส้น 108- 106 คือไปทำไม ทางลัดก็มี ใช้เวลาเดินทางแค่ครึ่งชม.เศษ ... นี่รวมหลง ฟาดไปร้อยกว่าโล โอเค ตื่นเช้ากาแฟ ขนมปังกรอบ ป้ายแรกเป็นวัดพระพุทธบาทตะเมาะ สวยงามสะอาดตา มีแมวเป็นพนักงานต้อนรับ แต่ไม่ใช่เป้าหมาย เป้าหมายของเราเป็นพระธาตุอยู่บนยอดดอยต่างหาก เห็นอยู่ไกล ๆ บนยอดเขา ขับไปถึงแยกจะไปลี้แล้ว ต้องขับกลับไปอีก 20 กว่าโล คือ ไปแล้วกลับ รวมระยะทางขึ้นเขาอีก 50 โล เอากะเขาสิคะ พระธาตุที่เราจะขึ้นคือ พระธาตุชินะเกสา บ้านห้วยสบ หรืออะไรสักอย่าง ความจำสั้นเกินไป สรุปว่า ขึ้นไปที่นี่หล่ะ ขับรถเข้าป่าไปไกลโข แล้วจากพื้นดินขึ้นไปข้างบน ต้องใช้ 4w เท่านั้น ขึ้นไปได้ครึ่งทาง ต้องจอดแล้วเดินเท้า บันไดเป็นบันไดหิน สลับบันไดเหล็ก ไม่อยากบรรยายมาก เอาเป็นว่า เจอน้องสาวคนสวย 3 นาง เดินขึ้นมาตั้งแต่ 9 โมง ได้ครึ่งทาง แล้วก็มาเจอเราตอน 10.30 ที่จะเดินขึ้นไปถึงยอด แล้วรวมกับไหว้พระแล้วเดินลง เวลา 11.30 น. ใช้เวลาที่นี่นานพอดู พระธาตุแห่งนี้ไม่มีพระ มีแต่มัคทายกเป็นชาวกะเหรี่ยงชื่อออกเสียงไม่ถูก คุยกันไม่รู้เรื่อง ทำบุญกะตากะเหรี่ยงเสร็จ แกก็ให้พรตามจำนวนเงิน .... พระธาตุห้ามผู้หญิงขึ้นไป เจ้าที่แรงว่างั้น ก็เลยได้ไหว้ห่าง ๆ ...ไหว้พระเสร็จก็ลง ขาลงช่วงขับรถใช้เวลาเพียง 3 นาที แต่หวาดเสียวพอดู ชนิดไม่มีคนคุยกันบนรถเลย ออกจากที่นี่รู้สึกเหนื่อยและหิว เจอต้นลำไยข้างทางแวะถ่ายรูป สามสาวที่รับจากพระธาตุเลยอาสาพาไปซื้อในหมู่บ้าน ได้มากิโลละ 30 บาท ฟินพอได้ แวะกินเที่ยงที่ร้านริมธาร บรรยากาศดี มีที่ให้กางเต้นท์ แต่รู้สึกเหนื่อยเกินไป แล้วต้องการไปอุทยานแห่งชาติริมปิงมากกว่า กินอิ่มแล้วก็เลยเดินทางต่อ ถึงอ.ลี้ประมาณบ่ายสาม เจอพระมหาเจดีย์ศรีเวียงชัย บ้านห้วยต้ม อ.ลี้ งดงามสมคำร่ำลือ เสร็จแล้ว หลงทางเข้าไปบ้านห้วยต้ม เจอป้ายโฮมเสตย์ และร้านขายของของหมู่บ้านเลยแวะถามทาง เสียเงินค่าถามทางเพราะซื้อย่ามกับของที่ระลึกนิดหน่อย ถึงน้ำตกก้อหลวง เวลา 16.00 น. กะว่าจะกางเต้นท์นอนที่นี่ แต่เปลี่ยนใจไปพักโฮมสเตย์แทน โฮมสเตย์ที่นี่นะ คิดหัวละ 150 บาท ฟินมาก อากาศเย็น น่าจะราว ๆ 10 องศา เช้า ๆ อาจจะถึง 7 องศา เย็นนี้นอนบ้านกะเหรี่ยง คนดูแลชื่อ สินีนาถ น้องน่ารักอัธยาศรัยดี ระยะทางไม่ได้จด เหนื่อยเกิน คืนนี้นอนก่อนนะ สวัสดี วันที่ 6 ตื่นตี 4 กว่า ๆ .... เช้านี้อากาศคงราวสิบองศา เพราะมันหนาวมาก มีโอกาสได้ทำบุญส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ บ้านห้วยต้ม เป็นบ้านของกะเหรี่ยงพุทธที่เคร่งศาสนา ที่นี่กินเจทั้งหมู่บ้าน งานเลี้ยงงดเหล้าและเนื้อสัตว์ ที่นี่มีสัตว์เลี้ยงแค่หมากับแมว แต่ก็หายากแทบจะไม่มีเลย ชาวกะเหรี่ยงสะอาดและรักสงบ เป็นหมู่บ้านบุญของแท้ คงมีแต่เทวดาอยู่ที่นี่ เช้าวันนี้แม่ของสินีนาถนึ่งข้าวเหนียวใส่กะละมัง ไม่ใช้โบมหรือกระด้งในการส่ายข้าวเหมือนอีสาน (ส่ายข้าว เป็นกิริยาการเกลี่ยข้าวให้ไอน้ำออกจากข้าวที่นึ่งร้อนๆ ข้าวจะได้ไม่แฉะ) แม่เอาข้าวเหนียวมากวน ๆ คน ๆ ในกะละมังใบใหญ่เสร็จก็ตักใส่ถ้วยสองใบ พร้อมอาหารเจ คือเต้าหู้ทอด และเห็ด สำหรับไปใส่บาตร ส่วนสินีนาถลงไปเก็บดอกไม้ที่สวนในบ้าน พร้อมจัดข้าวตอกและธูปเทียนไปด้วย เลยได้ความรู้ว่าที่นี่ เวลาตักบาตร เค้าจะจัดกับข้าวใส่ถาดเท่าจำนวนพระ แล้วจากนั้นก็ใส่บาตรดอกไม้ พร้อมธูป-เทียน เสร็จก็เป็นใส่บาตรพระพุทธ โดยผู้ชายใส่ก่อน ต่อจากนั้นเป็นหญิงแต่งงานแล้ว แล้วก็เป็นหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงาน ใส่บาตรพระพุทธเสร็จก็จะนิมนต์พระมาไหว้พระรับศีล และใส่บาตรพระ มีแยกบาตรข้าวเหนียว กับข้าวสวยด้วย เสร็จแล้วก็เป็นการกรวดน้ำ เป็นเสร็จพิธี พระที่นี่ไม่นิยมบิณฑบาตร ที่เป็นนักบิณส่วนใหญ่จะเป็นลูกเณรมากกว่า เก็บแต้มบุญแล้ว ก็กลับมาที่บ้านสินีนาถ ร่วมกินอาหารเช้า คือเต้าหู้ทอด เห็ด และแกงผัก เรียกไม่ถูก กินอิ่มหนำดีแล้ว ก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก และดูสาธิตการทอผ้าของแม่สินีนาถ ก่อนที่จะลาชาวกะเหรี่ยง พร้อมสัญญาว่าจะส่งก่องข้าวมาให้สำหรับใส่ข้าวเหนียวไปวัด แทนใส่ถ้วยอย่างที่เห็น อ่อ ลืมบอก ที่นี่ไม่มีสาด (เสื่อ) แบบอีสาน พอดีเรามีติดรถไปเลยมอบให้บ้านสินีนาถเอาไว้ใช้ ถือเป็นของต้อน (ของขวัญ) ชาวกะเหรี่ยงกลับอีกที ออกจากบ้านห้วยต้มราว 10 โมง ขับไปเรื่อยเปื่อย ระหว่างทางเจอหน่วยจัดการต้นน้ำแม่อาบ จ.ลำปาง อยู่ในหุบเขา ชะแว้บเข้าไป ทางโหดใกล้เคียงกับทางขึ้นผาชะนะได แต่ระยะทางแค่ 500 เมตร เลยไม่ค่อยอะไรเท่าไร ที่นี่น่าเที่ยว น่ามาพักผ่อน พักพอสบายใจแล้วก็เตร็ดเตร่ขับรถเลาะเลียบเขาจนเข้าเขตสุโขทัย ดูหน้าคนขับแล้วท่าทางเหนื่อยมาก ก็เลยแวะนวดที่สุโขทัย นวดจนตัวเบาแล้วก็แวะเติมพลังด้วยก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ส้มตำ และขนมปังหน้าหมู ก่อนที่จะยิงยาวเข้าขอนแก่น ถึงบ้านราว ๆ สามทุ่มเกือบสี่ทุ่ม วันนี้ ฟังเสียงพระสวดมนต์ข้ามปี สลับกับเสียงคนเมาร้องคาราโอเกะ มันช่างคนละอารมณ์กับบ้านห้วยต้มที่เราจากมาจริง ๆ รวมระยะทางไปกลับคราวนี้เกือบ 3 พันกิโลเมตร