แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นแม่น้ำสายสำคัญของกรุงเทพมหานคร หล่อเลี้ยงการใช้ชีวิตและวัฒนธรรมมายาวอย่างนาน การนั่งเรือล่องแม่น้ำสายนี้จึงไม่ใช่เพียงการเดินทางเท่านั้น แต่เป็นการสัมผัสประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตของผู้คนบริเวณนั้น ท่าเรือเอเชียทีคถือเป็นจุดเริ่มต้นยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเลือกใช้ เพื่อชมบรรยากาศกรุงเทพฯ ยามเค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงสี เสียงดนตรี และความงดงามของแม่น้ำที่สะท้อนแสงไฟจากตึกสูงทั่วกรุงเทพมหานคร ภาพที่ 1 เอเชียทีค (ภาพโดย KaiKui) ท่าเรือเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟรอนท์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งเจริญกรุง เป็นแลนด์มาร์กยอดนิยมที่มีทั้งร้านอาหารและสินค้าให้เลือกซื้อมากมาย โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาที่นี่ได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถไฟฟ้า จากนั้นต่อเรือโดยสารหรือเรือท่องเที่ยวไปยังจุดหมายปลายทางต่าง ๆ การออกแบบของท่าเรือยังสะท้อนถึงความเป็นยุคเก่าผสมผสานความทันสมัย ทำให้ที่แห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการล่องเรือที่มีความงดงามและน่าสนใจ ภาพที่ 2 เรือ (ภาพโดย KaiKui) การนั่งเรือจากท่าเรือเอเชียทีคมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ทั้งเรือด่วนเจ้าพระยาสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวดรวดเร็ว และเรือดินเนอร์ครูซสำหรับผู้ที่อยากสัมผัสกับบรรยากาศในยามค่ำคืนและอาหารนานาชาติ ระหว่างเรือกำลังเคลื่อนตัวในแม่น้ำ นักท่องเที่ยวจะได้ชมวิวตึกสูงและวัดวาอารามที่ตั้งอยู่ริมฝั่งน้ำ ภาพของกรุงเทพฯ ยามค่ำคืนจากแสงไฟมากมายจะทำให้การล่องเรือกลายเป็นสิ่งที่น่าประทับใจไปตลอด ภาพที่ 3 ทานอาหารบนเรือ (ภาพโดย KaiKui) จากเอเชียทีค นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเส้นทางล่องเรือได้หลายเส้น ไม่ว่าจะเป็น เส้นทางไปวัดอรุณราชวราราม วัดพระแก้ว และพระบรมมหาราชวัง ซึ่งล้วนเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ หรือจะเลือกเส้นทางชมวิถีชีวิตชุมชนริมน้ำที่ยังคงความเป็นไทยแบบดั้งเดิม ก็เป็นอีกสิ่งที่น่าสนใจ การล่องเรือแต่ละเส้นทางจะเปิดมุมมองใหม่ๆ ของกรุงเทพฯ ที่แตกต่างจากการขับรถชมบนถนน ระหว่างการล่องเรือ นักท่องเที่ยวจะได้เห็นสถานที่สำคัญและสวยงามหลายแห่ง เช่น โรงแรมหรูริมแม่น้ำ สะพานพระราม 8 และวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร แต่ละจุดมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีแสงไฟประดับสวยงามในยามค่ำคืน การถ่ายรูปจากบนเรือจึงกลายเป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ โดยเฉพาะช่วงที่เรือแล่นผ่านวัดอรุณฯซึ่งเป็นจุดที่น่าสนใจเพราะเจดีย์สีขาวสะท้อนแสงไฟกระทบกับผิวแม่น้ำ ถือเป็นจุดที่มีความงดงามที่สุดแห่งหนึ่งของเจ้าพระยา ภาพที่ 4 วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร (ภาพโดย KaiKui) การล่องเรือในช่วงเย็นหรือค่ำถือเป็นเวลาที่เหมาะสมมากที่สุด ในช่วงเย็นจะได้เห็นท้องฟ้าที่ค่อยๆเปลี่ยนสีจากช่วงเย็นกลายเป็นมืดค่ำ และได้ชมไฟระยิบระยับของกรุงเทพฯ ที่ค่อยๆ สว่างเพิ่มขึ้นในยามค่ำคืน เสียงดนตรีแจ๊สเบาๆ จากเรือดินเนอร์ครูซผสมกับบรรยากาศรอบๆ ช่วยสร้างความน่าสนใจและผ่อนคลาย เหมาะสำหรับ ครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อนที่ต้องการใช้เวลาพักผ่อนสบายๆด้วยกัน ภาพที่ 5 สะพานพระราม 8 (ภาพที่ KaiKui) บนเรือครูซ นักท่องเที่ยวจะได้รับประทานอาหารไทยและนานาชาติแบบบุฟเฟต์ พร้อมการแสดงดนตรีสดที่จัดไปพร้อมๆกับระหว่างที่นักท่องเที่ยวกำลังรับประทานอาหาร เมนูยอดนิยมมักมีทั้งต้มยำกุ้ง ผัดไทย ส้มตำ และของหวานอย่างข้าวเหนียวมะม่วง และลอดช่อง การทานอาหารมื้อค่ำท่ามกลางลมเย็นและวิวที่สวยงามของแม่น้ำเจ้าพระยา ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ทั้งอิ่มท้องและอิ่มใจไปพร้อมๆกัน สำหรับคนที่เพิ่งเคยนั่งเรือเจ้าพระยาเป็นครั้งแรก ควรมาถึงท่าเรือก่อนเวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ถึง 30 นาที ก่อนเรือจะเคลื่อนเพื่อเช็กอินและเลือกที่นั่งที่ต้องการสามารถสวมเสื้อผ้าที่สบายและพกกล้องถ่ายรูปหรือโทรศัพท์ไว้เก็บภาพบรรยากาศสวย ๆ นอกจากนี้ ควรตรวจสอบตารางเวลาและเส้นทางล่วงหน้าจะช่วยให้การวางแผนการเดินทางไม่ติดขัดค่ะ ภาพที่ 6 เอเชียทีคจากแม่น้ำเจ้าพระยา ( ภาพโดย KaiKui) การเดินทางทางน้ำแม้จะมีความปลอดภัย แต่ก็ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่และไม่ยื่นตัวออกไปนอกเรือ เพื่อความปลอดภัยของของตัวเองค่ะ นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมได้โดยไม่ทิ้งขยะลงแม่น้ำ จะช่วยรักษาความสะอาดของแม่น้ำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สะอาดสวยงามต่อไปค่ะ การนั่งเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาจากท่าเรือเอเชียทีค ไม่เป็นเพียงแค่การชมวิว แต่คือการสัมผัสความงดงามของกรุงเทพฯ ในยามค่ำคืนทั้งแสงไฟ เสียงดนตรีสด เสียงของน้ำที่เรือแล่นผ่าน และบรรยากาศอบอุ่นของการได้รับประทานอาหารร่วมกับครอบครัว ทั้งหมดล้วนสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจ หากมีโอกาสมาเที่ยวกรุงเทพฯสักครั้ง การได้มานั่งทานอาหารกับครอบครัวบนเรือพร้อมกับชมวิวในแม่น้ำเจ้าพระยาไปด้วยก็เป็นอีกกิจกรรมที่อยากให้ทุกคนได้มาลองสัมผัสกันค่ะ อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !