“เก็บเรื่องมาเล่า โดยหนุ่ม สุทน” สุขสันต์ทุกท่านครับนักอ่านเรื่องเขียนเรื่องเล่าจากบันทึกการเดินทาง โดยหนุ่ม-สุทน วันนี้จะพาไปรู้จัก "หลวงพ่อลา ชัยมงคโล" อดีตเจ้าอาวาสวัดแก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี หลวงพ่อลาชื่อสั้น ๆ ที่ชาวบ้านย่านตลาดแก่งคอยเรียกขานกันครับ หลวงพ่อลา แต่เป็นนามของท่านจริง ๆ ตั้งแต่ถือกำเนิดเกิดมาเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2428 อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี บิดามารดาท่านตั้งชื่อให้เด็กชายลา สายสมบัติ พออายุวัยรุ่นครบ 15 ปี ก็บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดคล้อทอง อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ได้ศึกษาพระธรรมวินัยตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เมื่ออายุครบ 20 ปี ก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ ได้รับฉายาว่าชัยมงคโล แล้วออกเดินธุดงค์เพื่อปฏิบัติกรรมฐานในป่าเขาไปถึงเขต สปป.ลาว ปรากฎว่าได้พบปะกับหลวงปู่ผู้เฒ่าเป็นผู้มีวิชาอาคมเก่งกาจ หลวงพ่อลาท่านได้เรียนวิชาอาคมต่าง ๆ จากหลวงปู่ผู้เฒ่า อยู่บนเขานานถึง 5 ปี วิชาที่เรียนนั้นหลวงพ่อลา ได้มาคือสิ่งมหัศจรรย์นั่งสมาธิสวดมนต์ก็คือน้ำมนต์เทียนไร้น้ำตาครับ ต่อมาหลวงพ่อลา ท่านออกเดินธุดงค์ต่อจากเขต สปป.ลาว ข้ามแม่น้ำโขงมา อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี แล้วเดินธุดงค์มาถึงแขวงแก่งคอยและได้ขออาศัยจำพรรษาอยู่ในอุโบสถเล็ก ๆ มุงสังกะสีวัดบ้านช่องเหนือแขวงแก่งคอย ต่อมาหลวงพ่อลาได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดแก่งคอยครับ หลวงพ่อลาท่านเป็นพระวิปัสสนากรรมฐานสวดมนต์นั่งสมาธิทุกค่ำคืนแล้วทำน้ำมนต์เทียนไร้น้ำตามหัศจรรย์ ตามที่ชาวบ้านร้านตลาดต่างมาขอน้ำมนต์เทียนไร้น้ำตาไปกิน ไปอาบ เป็นสิริมงคล และชาวตลาดสดแก่งคอยเล่าให้ฟังว่าหลวงพ่อลา ท่านชอบฉันขนนครกมาก ๆ ทุกวันจะมีญาติโยมนำขนนครกมาถวายเป็นประจำครับ ต่อมาในปี พ.ศ. 2488 สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กองกำลังทหารญี่ปุ่นได้เข้ายึดพื้นที่แขวงแก่งคอยโดยเฉพาะชุมทางรถไฟแก่งคอย เพื่อลำเลียงอาวุธและเสบียงอาหารลงล่องเรือในแม่น้ำป่าสักครับ ทหารญี่ปุ่นยึดครองแขวงแก่งคอยนานถึง 4 ปี และแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เครื่องบิน B 24 ของฝ่ายทหารพันธมิตรได้บินมาทิ้งลูกระเบิดขับไล่ทหารญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2488 ชาวบ้านย่านตลาดแก่งคอยต่างพากันหนีเพื่อเอาชีวิตรอดครับ ไปไหนดี! และที่ ที่เดียวกันจะรอดปลอดภัยได้ ต้องพึ่งบารมีหลวงพ่อลาภายในวัดแก่งคอย เมื่อชาวบ้านเข้ามาอยู่รวมกันในวัดทั้งหมดแล้ว หลวงพ่อลาออกมาปัดเป่าปรากฎว่ามีลูกระเบิดลูกหนึ่งทิ้งลงมาในวัดแก่งคอย แต่ไม่ระเบิดครับ นี่คือสิ่งมหัศจรรย์ของหลวงพ่อลาแห่งวัดแก่งคอย ที่ยังคงเล่าขานสืบต่อกันมาถึงทุกวันนี้ครับ ส่วนหลวงพ่อลา ท่านมรณภาพแล้วในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2497 สิริอายุ 71 ปี 50 พรรษาครับ ปัจจุบันวัดแก่งคอยเป็นวัดติดแม่น้ำป่าสักทุกวันยามเช้า ๆ ชาวตลาดแก่งคอยจะนำขนนครกมาถวายในวิหารหลวงพ่อลากันมากเต็มบริเวณพื้นที่ทุกวันนี้และภายในบริเวณวัดแก่งคอยได้จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเล่าเรื่องราวของระเบิดลูกหนึ่งที่ทิ้งลงมาในบริเวณวัดแต่ไม่ได้สร้างความเสียหายให้วัดแก่งคอยด้วยความเชื่อของชาว อ.แก่งคอยเพราะบารมีหลวงพ่อลาช่วยคุ้มครองให้รอดพ้นภัยจากระเบิด หนุ่ม-สุทนเข้าไปกราบขอพรหลวงพ่อลาแล้วยังได้กินขนนครกแบบโบราณแสนอร่อยของชาวแก่งคอยด้วยครับ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี น่าไปเที่ยวครับจะเดินทางท่องเที่ยวโดยรถไฟก็ดี เมื่อถึงชุมทางแก่งคอยเดินมาตลาดเก่าประมาณ 500 เมตร ชมตลาดเก่าเข้าวัดแก่งคอยหรือจะคอยนางที่แก่งคอยตามชื่อแก่งเป็นโขดหินยื่นออกมาในแม่น้ำป่าสักเมื่อก่อนนู้น! ยาวนานมากคล้ายท่าเรือโดยสารแต่เขาบอกคือที่นัดพบหรือรอคอยเรือเดินทางเข้าเมืองหลวงกรุงรัตนโกสินทร์ จึงเรียกขานว่าแก่งคอย แต่อีกเรื่องราวหนึ่งก็น่าจะมาเป็นชื่อเรียกคำว่าแก่งคอย ย้อนรอยคำกล่าวขานสมัยโบราณผู้คนต้องเดินเท้าเปล่าหรือมาทางเกวียนเส้นทางปาวเปรียวไร้ผู้คนเกิดเจ็บป่วยด้วยไข้ป่าเสียชีวิตระหว่างทาง นกอีแร้งจะรอคอยกินเนื้อมนุษย์และกลายเป็นคำเรียกขานว่าแร้งคอยแล้วก็เรียกแขวงแร้งคอย เรียกกันมาเรื่อย ๆ เพี้ยนมาชื่อแก่งคอยย้อนรอยอดีตถึงปัจจุบันนี้แหละครับ จบแล้วเรื่องเขียนเล่าให้อ่านต้องติดตามตอนต่อไปนะจะบอกให้ แล้วเจอกันใหม่ครับผม เรื่องและภาพโดย : หนุ่ม-สุทน รุ่งธัญรัตน์ แฟนเพจเฟสบุ๊ค : https://www.facebook.com/sutonfm100.5/ #เก็บเรื่องมาเล่าโดยหนุ่มสุทน #ตะลอนชิมกาแฟทั่วไทย #เที่ยวทั่วไทยคลื่นข่าว100.5fm #คนรักษ์กาแฟ #bigmaptravel #เที่ยวเพลิน