เป็นความโชคดีอย่างมาก เมื่อได้ทราบข่าวประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา ถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศตอนต้นฤดูหนาว และโชคดียิ่งขึ้นไปอีกที่เป็นวันเสาร์ไม่ต้องลาป่วยไปตามล่าหาแม่คะนิ้งบนยอดดอย เพราะบ่อยครั้งที่ทราบเรื่องสภาวะอากาศแล้วรีบบึ่งรถขึ้นไป ไม่เคยได้เห็นปรากฏการณ์แม่คะนิ้งแบบนี้เลย การเตรียมพร้อมบุกขึ้นยอดดอยอินทนนท์ เสื้อผ้าหน้าผมต้องพร้อม แต่งตัวกันแบบเกาหลีกันเลยทีเดียว มีหมวกไหมพรมฟูฟ่องก็โปะไว้บนหัว มีถุงมือหนานุ่มก็ใส่ไป กางเกงเลคกิ้งตัวหนาใส่ไว้ด้านใน ด้านนอกเป็นกางเกงยีนส์ สวมเสื้อยืดตัวหนาแล้วตามด้วยสเวตเตอร์คอเต่า ทับชั้นสุดท้ายด้วยแจคเก็ตตัวใหญ่อีกที มาถึงที่จุดชมวิวกิ่วแม่ปานตอนฟ้าสาง ตรงจุดนี้อยู่ก่อนถึงยอดดอยประมาณ 10 กิโล จะมีผู้คนมากมายมหาศาลมารอชมพระอาทิตย์ขึ้น โดยเฉพาะช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์หรือวันหยุดตามเทศกาล ผู้คนก็จะมากเท่าทวีคูณ ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเหน็บและลมแรงพัดตลอดเวลา เสื้อผ้าที่โปะตัวมาดูจะไม่ได้ผล ความสั่นสะท้านของร่างกายเป็นอุปสรรคต่อการถ่ายรูปถ่ายวิดีโอเป็นอย่างมาก ไม่ได้สั่นแค่มือแต่สั่นไปทั้งตัว ขาเป็นตะคริวแข็ง หายใจแต่ละครั้งมีควันพวยพุ่ง แต่ก็ไม่มีใครยอมถอยห่างหรือละสายตาจากตะวันที่กำลังโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมา ขึ้นถึงยอดดอยตอนประมาณแปดโมงเช้า เทอร์โมมิเตอร์แจ้งอุณหภูมิตอนนั้น 1 องศา แต่เจ้าหน้าที่อุทยานแจ้งว่าเมื่อเช้ามืด -2 องศา สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาเราคือรถที่จอดอยู่ตามลานจอดรถมีน้ำค้างแข็งปกคลุมขาวโพลนตลอดคัน มีร่องรอยความมือบอนของนักท่องเที่ยวบางคนสลักชื่อไว้เป็นอนุสรณ์แด่คนรุ่นหลัง มีชื่อมากมายเต็มกระจกทั้งหน้าและหลังรถ พอเริ่มมีหนึ่งคนถ่ายรูป ผู้คนที่เดินผ่านไปมาสนใจหันมามองและเริ่มถ่ายรูปบ้าง ถ่ายวิดีโอบ้าง จากหนึ่งคนสองคน จนในที่สุดก็ล้อมรอบคันรถ นึกสงสารเจ้าของตอนกลับมาเห็นรถตัวเองสภาพแบบนี้จะทำหน้าอย่างไรหนอ พอได้รูปจากจุดจอดรถแล้วก็ไปตามล่าหาแม่คะนิ้งบนยอดหญ้ากันต่อไป เดินไปตามสนามหญ้าใกล้ทางเดินขึ้นไปถ่ายรูปคู่กับป้าย 'สูงสุดแดนสยาม' เราจะสังเกตุเห็นฝ้าสีขาว ๆ บนยอดหญ้า ถ้าก้มลงสังเกตุดี ๆ จะเห็นเป็นหยดน้ำที่จับตัวเป็นน้ำแข็ง เกาะอยู่ตามใบหญ้าทั่วบริเวณ ประกายเล็กๆ นั้นดูคล้ายๆ น้ำตาลทรายที่ส่องประกายวาววับยามต้องแสงแดด ความสวยงามของมันขึ้นอยู่กับรูปทรงของใบไม้ที่มันเกาะอยู่ มองดูเหมือนขนมใบไม้กรอบเคลือบน้ำตาลน่ากิน แม่คะนิ้ง คือผลึกน้ำแข็งที่เกิดจากไอน้ำในอากาศใกล้ผิวดินที่อุณหภูมิลดลงถึงจุดกลั่นตัวเป็นน้ำค้าง และหากอุณหภูมิยังคงลดลงเรื่อย ๆ จนถึงจุดเยือกแข็ง น้ำค้างเหล่านั้นจะแข็งตัวเป็นเกล็ดนำแข็งเกาะอยู่ตามใบหญ้า แม่คะนิ้งเป็นชื่อที่นิยมเรียกกันทางภาคอิสาน ส่วนทางภาคเหนือจะรู้จักกันในนาม 'เหมยขาบ' หากปีไหนเกิดแม่คะนิ้งจำนวนมากและกินเวลานาน จะสร้างความเสียหายกับพืชไร่ เพราะน้ำค้างแข็งที่เกาะอยู่ตามใบพืชผักจะทำให้ใบไหม้เกรียมและเหี่ยวเฉาตายไปในที่สุด ด้วยเหตุนี้กระมัง ถึงเรียกได้ว่าเป็นความมหัศจรรย์ของแม่คะนิ้ง ภายใต้ความสวยงามที่ปรากฎกลับมีภัยร้ายต่อพืชผัก และอีกหนึ่งความมหัศจรรย์ของมันก็คือ ใครอยากเห็นจะไม่ได้เห็น แต่ด้วยความบังเอิญเมื่อขึ้นไปสัมผัสอากาศเย็นจัด บางครั้งก็จะได้เห็นเป็นบุญตา