เมื่อคิดถึงตลาดน้ำ คงไม่มีใครไม่รู้จัก “ตลาดน้ำอัมพวา” ตลาดน้ำยามเย็นที่เหมาะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ แบบชิวๆ แห่งหนึ่งใกล้เมืองกรุง ด้วยเอกลักษณ์เรือนไม้สองฝั่งคลอง หลากหลายไปด้วยเมนูอาหารคาวหวานคับคั่ง พร้อมบริการล่องเรือนำเที่ยวชมวิถีชีวิตสายน้ำ และหิ่งห้อยบนต้นลำพูที่ขึ้นชื่อถึงความสวยงามและประทับใจ ผู้เขียนอยากนำเสนอมุมมองใหม่ๆ อีกด้านหนึ่งของอัมพวา ที่ไม่ได้มีแต่นักท่องเที่ยวที่พลุกพล่าน เรือ และสินค้าที่วางขาย แต่อยากให้ได้ลองมองแบบละเมียดละไม และสูดกลิ่นไอของเมืองต้องมนต์ ที่ผสมผสานวิถีชีวิตผู้คนไว้ได้อย่างลงตัว จุดมุ่งหมายครั้งนี้ คือ "การเดินเที่ยวถ่ายรูป" ว่าแล้วก็ออกเดินทางสู่ตลาดน้ำยามเย็น “อัมพวา” ในวันอากาศสบายๆ เวลาประมาณ 5 โมงเย็น จอดรถไว้ที่ฝั่งตรงข้ามมีลานจอดรถกว้างขวาง เรียกกันว่า “วัดภุมรินทร์กุฎีทอง” จ่ายเงิน 5 บาท เดินถ่ายรูปรอเวลานั่งเรือข้ามฟากแบบชิวๆ ผู้คนไม่พลุกพล่าน สูดลมหายใจรับอากาศสดชื่น รอเวลาไม่นานนัก เรือก็มาจอดเทียบท่า เลือกที่นั่งและมุมมองที่คิดว่าดีที่สุด ไม่ได้เบียดหรือเกะกะใคร สำคัญสุดคือ ต้องไม่ตกน้ำ (555) ยกกล้องขึ้นถ่ายรูปเป็นพักๆ ปล่อยใจไปกับบรรยากาศสบายๆ และความรื่นรมย์ ชมเรือนไม้โบราณ หลายหลังที่ปิดร้าง แต่ก็ยังคงมนต์ขลังและความเป็นเอกลักษณ์ของอาคารไว้ได้อย่างชัดเจน ท้องฟ้ายามเย็นวันนี้ สีหวานฉ่ำ แต่งแต้มด้วยแสงสุดท้ายจากพระอาทิตย์ที่ขอบฟ้า ยามแสงกระทบน้ำ ระยิบระยับเป็นประกายสวยจับตา นั่งอยู่ไม่นาน เรือก็จอดเทียบท่า พาตัวเองพร้อมกล้องคู่ใจสะพายขึ้นบก พระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าแล้ว ต้องรีบเดินไปให้ทันแสง และหามุมมองใหม่ๆ ต่อไป จุดที่เลือกไปปักหลัก ชมวิว ถ่ายภาพ คือบริเวณ “สะพานขุนนิกรนรารักษ์” สะพานเก่าอายุกว่า 50 ปี สร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511 โดยท่านขุนนิกรนรารักษ์ นายอำเภออัมพวาในสมัยนั้น รูปแบบเดิมเป็นสะพานไม้ ภายหลังได้มีการปรับปรุงเป็นสะพานปูน เพื่อความแข็งแรง และคงทนถาวร แต่ก็ยังคงชื่อไว้ เพื่อเป็นเกียรติ และอนุสรณ์แด่ท่านผู้มีคุณูปการต่ออำเภออัมพวาให้ลูกหลานได้จดจำ ในเวลานี้ผู้คนไม่มากนัก พอได้ซึมซับบรรยากาศ อาคารและบ้านเรือนแบบเก่าที่ยังมีให้เห็น ภาพเรือสัญจรไปมานำนักท่องเที่ยวค่อยๆ ล่องผ่าน ให้ได้พอกดบันทึกภาพ ยืนถ่ายอยู่จนฟ้ามืด อาจเพราะไม่ใช่วันหยุดยาว หรือวันหยุดนักขัตฤษ์ จากแสงไฟสว่างไสว ผู้คนพลุกพล่านก็เริ่มบางตา เวลาประมาณเกือบ 2 ทุ่ม พ่อค้าแม่ขายก็เริ่มเก็บของเดินชิวกลับบ้าน ร้านค้าปิดไปเกือบค่อนแล้ว เผยให้เห็นเรือนไม้ริมคลองอยู่เรียงราย ถือได้ว่าเป็นมุมที่ไม่ค่อยได้เห็นนัก ก็รีบยกกล้องขึ้นบันทึกภาพเก็บไว้ทันใด เก็บเกี่ยวความสุข และความทรงจำจนหนำใจแล้ว ก็ต้องลา “อัมพวา” เก็บไว้ในภาพถ่าย รอเวลาหวนกลับมาทบทวนความทรงจำใหม่อีกครั้ง