หลายคนคงคิดถึงการเดินทางไปเยือนต่างประเทศกันแย่แล้ว โดยเฉพาะญี่ปุ่น แต่ครั้นจะไปช่วงนี้ก็ลำบาก เพราะสถานการณ์ COVID-19 ยังค่อนข้างน่าเป็นห่วง แถมยังมีความเสี่ยงจากโรคใหม่อย่างฝีดาษลิงอีก... ถ้างั้นก็ไม่เป็นไรครับ ไปชมแสงสีแห่งญี่ปุ่นกันกับไพ่เราเผาเรื่องดีกว่า เดินทางไม่ไกล ไม่ต้องเตรียมวีซ่าหรือเก็บกระเป๋า เพราะญี่ปุ่นที่เราจะไปเที่ยวกันแบบทิพย์ ๆ นี้อยู่ที่ House of Illumination ชั้น 8 (ฝั่งเซ็นทรัล) ของห้างสรรพสินค้าใจกลางกรุงเทพฯ อย่าง centralwOrld!House of Illumination แกลเลอรีงานศิลปะจากแสงและดิจิทัลอาร์ตที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน กลับมาอีกครั้งกับนิทรรศการ Japan Illumination ซึ่งนำเทคโนโลยีสุดล้ำยุคด้านแสงสีมาจำลองบรรยากาศไฮไลต์ต่าง ๆ ของแดนอาทิตย์อุทัย ทำให้ผู้เข้าชมงานได้สัมผัสประสบการณ์เสมือนไปเดินเล่นในประเทศหมู่เกาะอันเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมตลอดกาลของคนไทย นิทรรศการ Japan Illumination จะจัดแสดงที่ House of Illumination ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม - 15 สิงหาคม 2565 แต่ละวันเปิดให้เข้าชมระหว่าง 11.00 - 20.00 น. (ซื้อบัตรเข้าชมได้ถึง 19.00 น.) สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ HouseofIllumination.com หรือ Facebook: House of illumination ครับถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลยครับว่าแต่ละส่วนของนิทรรศการครั้งนี้ ใช้เทคนิคแสงสีอะไรมาจำลองบรรยากาศของญี่ปุ่นให้เราได้รับชมกันบ้างหลังจากผ่านประตูทางเข้างานมา เราจะเจอโถงทางเดินมืด ๆ ฝั่งซ้ายและขวาประดับโคมไฟแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ติดและดับตามจังหวะเสียงเครื่องดนตรีญี่ปุ่นอย่างซามิเซ็ง หรือบางครั้งก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูเหมือนดอกซากุระกันหมด บนโคมแต่ละดวงเขียนคำว่า "ようこそ" (โยโคะโซะ) ซึ่งแปลว่า "ยินดีต้อนรับ" ส่วนปลายทางมีเสาโทริอิหรือซุ้มประตูศาลเจ้าสีแดง เป็นการตกแต่งที่ชวนให้นึกถึงงานเทศกาลในญี่ปุ่นซึ่งมักจัดขึ้นตามศาลเจ้าผนังด้านหลังแนวโคมไฟทั้งสองข้างทางเป็นกระจกเงาที่สะท้อนเข้าหากัน ทำให้เกิดภาพหลอกตาว่าดูเหมือนมีโคมไฟจำนวนนับไม่ถ้วน นอกจากนั้นบนเพดานและโครงเหล็กสองข้างทางยังประดับหลอดไฟดวงกลมเล็ก ๆ ที่ดูคล้ายแสงหิ่งห้อย และหลอด LED RGB ที่เปล่งแสงสีขาวสลับแดง ตามสีธงชาติญี่ปุ่นสิ่งที่รอต้อนรับหลังผ่านเสาโทริอิในห้องแรกมาคือ เทศกาล "ฮานามิ" หรือการชมดอกซากุระผลิบานในฤดูใบไม้ผลิ ห้องนี้จำลองบรรยากาศให้เราเหมือนได้มาอยู่ในสวนที่มีต้นซากุระกำลังผลิดอกสะพรั่ง แถมบนพื้นยังมีลวดลายเป็นกลีบดอกซากุระที่ร่วงลงมาปกคลุมพื้นจนดูละลานตา นอกจากนั้นยังมีหุ่นน้องหมา น้องแมว และน้องจักรยานไว้ให้ถ่ายรูปจุดที่น่าสังเกตของห้องนี้คือ การจัดแสงให้ดูคล้ายเรากำลังชมดอกซากุระในคืนจันทร์เต็มดวง โดยตรงกลางห้องมีการฉายแสงสีเหลืองจากไฟวอร์มไวต์ ส่วนรอบ ๆ ฉายแสงสีน้ำเงินจากไฟคูลไวต์ ทำให้ดูคล้ายแสงจันทร์ที่ส่องลงมาจากท้องฟ้ายามค่ำคืนนอกจากนั้นห้องนี้ยังใช้เทคนิคผนังกระจกเช่นเดียวกับห้องที่แล้ว ทำให้สวนซากุระใต้แสงจันทร์แห่งนี้ดูราวกับแผ่ขยายออกไปไม่มีที่สิ้นสุดหลังจากเพลิดเพลินกับความงามของธรรมชาติ (จำลอง) กันเต็มอิ่มแล้ว คราวนี้เรามาชมความงามแบบมหานครกันบ้าง เพราะห้องถัดมานี้จะพาทุกคนไปชมแสงสียามค่ำคืนของกรุงโตเกียว ดาวเด่นของห้องที่รอต้อนรับทุกคนหลังข้ามทางม้าลายและอักษร "東京" (โตเกียว) บนพื้นก็คือ โครงหลอดไฟรูปเจ้าแมวกวัก หนึ่งในสัญลักษณ์นำโชคของชาวญี่ปุ่น โดยมีฉากหลังเป็นป้ายไฟนีออนซึ่งดัดเป็นข้อความต่าง ๆ รวมถึงป้ายโฆษณาสินค้าแบบทื่มักพบเจอตามย่านที่มีผู้คนพลุกพล่านของโตเกียวและเมืองใหญ่ต่าง ๆ ในญี่ปุ่นส่วนด้านในสุดของห้องมีมุมถ่ายรูปสุดเก๋อยู่ 2 จุด เป็นช่องกระจกทรงหกเหลี่ยมสะท้อนแสงสีออกชมพู - ม่วงของป้ายไฟนีออนในห้อง มองเข้าไปแล้วจะเห็นคล้ายภาพในกล้องคาไลโดสโคป (Kaleidoscope) นอกจากนั้นยังติดสติกเกอร์เป็นรูปช่องคำพูดและเอฟเฟกต์แบบในมังงะ เพียงเดินอ้อมไปด้านหลังแล้วยื่นหน้าเข้ามาในช่องหกเหลี่ยม ก็จะได้รูปโปรไฟล์ที่ดูเท่ไม่เหมือนใครเลยค่รับห้องที่ 4 มีจุดเด่น 2 จุด จุดแรกอยู่ทางซ้ายมือ (ถ้ามองจากประตูทางเข้า) เป็นยกพื้นที่มีหินก้อนใหญ่ ๆ วางอยู่ 2 ก้อน และมีการฉายภาพโปรเจกเตอร์ลงบนพื้นและผนังห้อง ภาพที่ฉายหมุนเวียนสลับกันไป บนผนังฉายรูปน้ำตกในช่วงฤดูใบไม้ผลิบ้าง รูปดอกไม้ใบไม้ร่วงโปรยปรายบ้าง ส่วนบนพื้นฉายรูปผิวน้ำที่มีปลาคาร์ปตัวใหญ่ว่ายน้ำไปมาในจุดนี้ ถ้ามีใครไปยืนหรือนั่งบนโขดหิน จะมองเห็นเป็นเพียงภาพซิลลูเอตหรือเงาร่างดำ ๆ ที่ดูคล้ายกำลังนั่งชมวิวน้ำตกหรือดูปลาคาร์ปในบ่อน้ำอยู่ เป็นมุมถ่ายรูปอีกมุมที่ขอแนะนำว่าห้ามพลาดเลยครับส่วนทางขวามือ มีแท่นดิสเพลย์ติดตั้งหลอด LED ขนาดเล็กนับแสนดวงที่สว่างและดับสลับกันไปมา เกิดเป็นภาพแสงสีกึ่ง 3 มิติที่ดูคล้ายดอกไม้ไฟตามเทศกาลรื่นเริงในญี่ปุ่นส่วนถัดมาไม่ค่อยมีรายละเอียดอะไรเท่าไร เป็นทางเดินยาวนำไปสู่ห้องถัดไป ลูกเล่นเพียงอย่างเดียวในส่วนนี้คือ ผนังสุดปลายทางเดินที่เป็นหน้าจอฉายภาพสีสันสดใส ซึ่งล้วนแต่เป็นรูปวาดและลวดลายแบบงานศิลปะของญี่ปุ่น จากนั้นภาพที่ฉายออกมาก็จะสะท้อนลงบนผนังกระจกและพื้นกับเพดานที่มีผิวมันวาวคล้ายกระจก กลายเป็นภาพลวดลายที่สะท้อนกลับไปกลับมา มองจากที่ไกล ๆ แล้วก็ดูสวยงามไปอีกแบบพอออกจากโถงทางเดินภาพสะท้อนก็จะมาถึงห้องที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดในงานนิทรรศการครั้งนี้ ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วนหลัก ๆส่วนแรกเป็นฉากจำลองบรรยากาศที่มักพบเห็นตามเมืองขนาดเล็ก ๆ ของญี่ปุ่น ตามผนังฉายโปรเจกเตอร์ภาพฉากในเมืองแต่ละมุม ทั้งร้านรวง ย่านชุมชน แยกถนน โดยภาพมุมต่าง ๆ ของเมืองที่ฉายเป็นแบ็กกราวนด์นี้จะมีลักษณะเป็นไทม์แลปส์ (Time-lapse) ซึ่งแสดงภาพพื้นที่เดียวกันในช่วงเวลาและบรรยากาศที่แตกต่างกันไป ทั้งยามอากาศแจ่มใส ฝนตก ใบไม้ร่วง และหิมะโปรยปราย เป็นห้องที่คุ้มที่สุดสำหรับใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศญี่ปุ่นให้ครบทุกฤดูกาลนอกจากภาพแบ็กกราวนด์บนผนังแล้ว ในส่วนนี้ยังมีของประกอบฉากที่ช่วยเสริมบรรยากาศแบบเมืองเล็ก ๆ ในญี่ปุ่นให้ดูสมจริงด้วย เช่น ทางม้าลาย ป้ายและสัญญาณไฟที่เตือนให้ระวังน้องหมาน้องแมวข้ามถนน แถมยังมีรูปปั้นสุนัขที่มีขนาดและสายพันธุ์แตกต่างหลากหลาย ไว้ให้คนรักหมาได้เลือกถ่ายรูปตามอัธยาศัยอย่างไรก็ตาม ในห้องนี้มีอย่างหนึ่งที่ดูค่อนข้างแปลกและไม่ค่อยเข้ากับบรรยากาศโดยรวมเท่าไร นั่นคือมุมหนึ่งที่ตกแต่งโดยการห้อยแท่งไฟ LED สีชมพูหลายสิบแท่งลงจากเพดาน ตรงนี้เป็นไปได้ว่าอาจผสมระหว่างดอกซากุระสีชมพูกับหลอดไฟนีออนตามป้ายโฆษณาในเมือง (แบบในห้องที่ 3)อีกส่วนของห้องที่ 6 จะเป็นการจำลองบรรยากาศงานเทศกาลที่ญี่ปุ่น ซึ่งจะเต็มไปด้วยของตกแต่งฉาก ไม่ว่าจะเป็นโคมประดับ กลองไทโกะ ป้ายธงร้านขายอาหาร ธงปลาคาร์ป ฯลฯ อีกทั้งบนผนังก็มีการฉายโปรเจกเตอร์ภาพแอนิเมชันของเทศกาลเฉลิมฉลองในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเป็นแบ็กกราวน์ด้วยและสำหรับผู้เข้าชมงานที่เป็นเด็ก วัยรุ่น หรือคนที่ชอบกิจกรรมสันทนาการ ในบริเวณใกล้ ๆ มีบ่อบอลพร้อมผนังจอ Interactive ให้ปาลูกบอลใส่ผนังเพื่อทำคะแนนด้วยครับและแล้วเราก็มาถึงห้องสุดท้าย... ห้องนี้มองแวบแรกจะเห็นแค่หุ่นแมวกวักนั่งอยู่บนกองกลีบซากุระกลางห้องโล่งกว้างที่มีผนังสีขาวล้อม 3 ด้าน จากนั้นบนผนังก็จะมีการฉายโปรเจกเตอร์ภาพแอนิเมชันหลากหลายสไตล์ที่นำเสนอด้านต่าง ๆ ของประเทศและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นซามูไร เกอิชา เสื่อตาตามิ หรือกระทั่งบรรยากาศของบ่อออนเซ็นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว กล่าวได้ว่าเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันขนาดสั้นที่มีให้รับชมเพลิน ๆ แทนการส่งท้ายก่อนออกจากนิทรรศการครั้งนี้บริเวณใกล้ ๆ กันนั้นยังมีเคาน์เตอร์บาร์ Eat, Drink, Art ของทาง House of Illumination ซึ่งเสิร์ฟเครื่องดื่มสีสันสวยงามในขวดรูปทรงหลอดไฟ รวมทั้งมีบันไดขึ้นสู่ชั้น 2 ซึ่งมองลงมาเห็นน้องแมวกวักและภาพโปรเจกเตอร์ที่ฉายรอบห้องได้ชัดเจนและครอบคลุมสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ด้านในของชั้น 2 มีโต๊ะยาวที่เป็นจอฉายภาพท้องฟ้ายามค่ำคืนซึ่งประดับประดาด้วยแสงหิ่งห้อยและกลีบดอกซากุระที่ร่วงโรยจากกิ่ง บนโต๊ะมีชามวางอยู่ 2 ใบ และมีการฉายโปรเจกเตอร์รูปดอกไม้ลงบนก้นชาม ทำให้เห็นภาพคล้ายดอกไม้ในชามลอยไหวไปมา และบางครั้งก็เปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ขึ้นหรือเล็กลงสลับกัน ดูแล้วเพลิดเพลินไม่ต่างจากแอนิเมชันบนผนังห้องชั้นล่างเลยครับก่อนจบการนำเที่ยวนิทรรศการแห่งแสงสีญี่ปุ่นในครั้งนี้ ขอรีวิวทิ้งท้ายสักเล็กน้อยครับ พอดีผมเคยเข้าชมนิทรรศการที่จัดขึ้น ณ House of Illumination ก่อนหน้างานนี้ นั่นคือ Snoopy Space Odyssey เลยมองเห็นอะไรหลายอย่างที่ทำให้อดนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ปฏิเสธไม่ได้ว่า นิทรรศการ Japan Illumination ใช้ลูกเล่นแพรวพรางด้านแสงสี ดิจิทัลอาร์ต รวมถึงการตกแต่งสถานที่ เนรมิตบรรยากาศญี่ปุ่นจำลองในพื้นที่ไม่กี่ตารางเมตรของ House of Illumination ได้ออกมาน่าประทับใจและชวนตื่นตาตื่นใจ แต่พอเทียบกับงานก่อนหน้าอย่าง Snoopy Space Odyssey แล้วก็ต้องบอกว่าดูแผ่วไปบ้าง เพราะงานสนูปปี้จัดหนักจัดเต็มยิ่งกว่านี้ ทั้งเรื่องแสงสีและการใช้สถานที่ เช่น ห้องเล็ก ๆ ก่อนถึงทางออก มีการจัดดิสเพลย์ของสะสมในเครือการ์ตูน Peanuts ให้คนที่มาเดินงานได้ชมก่อนออก แต่พื้นที่ตรงจุดนี้กลับถูกปล่อยว่างในงาน Japan Illumination อย่างน่าเสียดาย แล้วก็มีบางจุดที่คล้ายจะนำการตกแต่งเดิมจากงานสนูปปี้มารียูส แต่ไม่ได้นำไปปรับให้ดูแตกต่างอย่างน่าสนใจเท่าไร อย่างเช่นมุมแท่งหลอด LED ในห้องที่ 6 เป็นต้นทว่านอกเหนือจากจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ ข้างต้นแล้ว Japan Illumination ก็เป็นนิทรรศการแสงสีที่มีสิ่งสวยงามและน่าสนใจให้ได้สำรวจและเก็บภาพเป็นที่ระลึกไว้เพียบครับ ถึงจะแทนที่การเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นของจริงแบบเต็ม 100% ไม่ได้ แต่ก็มากพอจะทำให้ขายคิดถึงบรรยากาศของแดนอาทิตย์อุทัยไปไม่น้อย กล่าวได้ว่าเป็นการเที่ยวทิพย์ที่คุ้มค่าบัตรเข้าชมทีเดียวครับว่าแล้วก็ขอพูดถึงบัตรเข้าชมงานในครั้งนี้เป็นการปิดท้าย มี 4 ราคาด้วยกันนะครับ ได้แก่เด็ก (ส่วนสูงไม่เกิน 110 ซม.) 250 บาท/คนนักเรียนนักศึกษา (ต้องแสดงบัตรประจำตัว) 300 บาท/คนผู้ใหญ่ 350 บาท/คนครอบครัว (ประกอบด้วย ผู้ใหญ่ 2 คน + เด็ก 2 คน) 1,000 บาท/ครอบครัวย้ำอีกครั้งว่า นิทรรศการ Japan Illumination จะมีที่ House of Illumination จนถึงวันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม 2565 แต่ละวันเปิดให้เข้าชมระหว่าง 11.00 - 20.00 น. แต่ซื้อบัตรเข้าชมได้ถึง 19.00 น. ถ้าแสงสีแห่งญี่ปุ่นคือสิ่งที่คุณกำลัง "หิว" ขอเชิญเสพให้อิ่มอกอิ่มใจที่งานนี้เลยครับปล. ไพ่เราเผาเรื่องขอขอบคุณการสนับสนุนบัตรเข้าชมนิทรรศการ Japan Illumination จาก Lightinghouse มา ณ ที่นี้ด้วยครับติดตามรับชมคอนเทนต์รีวิวสื่อบันเทิงประเภทต่าง ๆ ทั้งภาพยนตร์ หนังสือ การ์ตูน ซีรีส์ เกม เพลง ฯลฯ รวมถึงคอนเทนต์เกี่ยวกับไพ่ทาโรต์ ไพ่พยากรณ์ และการเปิดไพ่ทำนายดวงชะตาอีกมากมายของไพ่เราเผาเรื่องได้ที่รวมบทความทางทรูไอดี และที่ Facebook: ไพ่เราเผาเรื่อง นะครับภาพประกอบทั้งหมด เป็นผลงานการถ่ายภาพของไพ่เราเผาเรื่องเอง*STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี`คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 11 สิงหาคม 2565