สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ๆ นั้น อยากจะเดินทางไปท่องเที่ยวทั่วไทยให้ครบ แต่ทว่าวันหยุดก็น้อย หยุดได้แค่วันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น แถมลางานพักร้อนแต่ละทีก็ลายากลาเย็นเหลือเกินใช่มั้ยล่ะคะ? ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะเรามีที่เที่ยวแห่งหนึ่งที่สามารถไปได้ครบจบในวันเดียวและที่เดียว สถานที่ที่ว่านั้นก็คือ... “เมืองโบราณ” จังหวัดสมุทรปราการ รับรองว่าถ้าได้ไปเที่ยวที่นี่แล้วจะเหมือนไปเที่ยวทั่วไทยได้ครบ ถ้าพร้อมแล้วก็ตามมาเลยจ้า! แต่ก่อนที่จะเที่ยวชมภายในเมืองโบราณ มาฟังประวัติคร่าว ๆ ของที่นี่กันก่อนค่ะ เมืองโบราณเป็นพิพิธภัณฑ์เอกชนกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คือมีพื้นที่กว่า 800 ไร่ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานตากอากาศบางปูมากนัก โดยคุณเล็ก วิริยะพันธุ์เป็นผู้ริเริ่มและก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2506 ด้วยจุดประสงค์เพื่อต้องการให้คนไทยได้เรียนรู้สถาปัตยกรรมไทยและวัฒนธรรมไทยได้อย่างครบถ้วน และเมื่อได้กางแผนที่ที่ให้มาหลังจากเสียค่าเข้าชมแล้วจะสังเกตได้ว่าแผนที่ของพิพิธภัณฑ์มีรูปร่างคล้ายขวาน เหมือนกับแผนที่ประเทศไทย นอกจากนั้นสถานที่จำลองทุกแห่งยังมีสัดส่วนใกล้เคียงกับของจริงมากที่สุดอีกด้วยค่ะ หลังจากจ่ายค่าเข้าชมแล้วก็มาเลือกจักรยานที่ใช้ปั่นชมรอบเมืองโบราณ ซึ่งเหตุผลที่เลือกปั่นจักรยานแทนรถรางก็เพราะสามารถแวะหยุดได้ตลอด แถมได้ออกกำลังกายไปในตัวด้วยค่ะ เอาล่ะ...มาปั่นจักรยานชมเมืองไปพร้อมกันเลย ^^ ก่อนอื่นเลยเราก็ต้องแวะมาที่ตลาดบกหรือตลาดโบราณ เพื่อกินอาหารกลางวันเพิ่มพลังและซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งตลาดบกหรือตลาดโบราณนี้เป็นฟรีโซนที่คนทั่วไปสามารถเข้ามาได้โดยไม่เสียค่าบัตรค่ะ โดยจำลองบรรยากาศของชุมชนเมืองในอดีตที่มีทั้งร้านขายของ, สถานบริการต่าง ๆ, โรงละคร, แหล่งอบายมุข หรือแม้กระทั่งศาลเจ้าและที่สิงสถิตของเจ้าที่เจ้าทาง อนุสรณ์สถานสงครามยุทธหัตถี สถานที่จริงจะตั้งอยู่ที่อนุสรณ์ดอนเจดีย์ ซึ่งทางราชการได้สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทยเกี่ยวกับการทำสงครามยุทธหัตถีระหว่างพระมหากษัตริย์ไทย (กรุงศรีอยุธยา) กับพม่าที่หนองสาหร่าย สุพรรณบุรี วิหารเมืองสะเมิง เชียงใหม่ เป็นวิหารไม้เก่าแก่ขนาดเล็กที่สร้างตามประเพณีนิยมแบบล้านนา ซึ่งสร้างให้สอดคล้องกับธรรมชาติที่สวยงาม ภายในวิหารมีกู่หรือปราสาทขนาดเล็ก อันเป็นที่ประดิษฐานของพระประธานหรือพระพุทธรูปค่ะ วัดจองคำ ลำปาง ของเมืองโบราณเป็นผาติกรรมจากวัดจองคำที่อำเภองาว จังหวัดลำปาง ซึ่งมีลักษณะเป็นอาคารเครื่องไม้ที่สร้างตามสถาปัตยกรรมแบบไทใหญ่ คือ มีเขตพุทธาวาสกับเขตสังฆาวาสเชื่อมต่อหรือรวมกันไว้ในอาคารหลังเดียว โดยอาคารหลังนี้มีความโดดเด่นอยู่ตรงที่การฉลุไม้ประดับส่วนต่าง ๆ อย่างสวยงาม โดยเฉพาะเครื่องหลังคานั่นเองค่ะ เจดีย์จามเทวี ลำพูน ของเมืองโบราณนี้ได้ถ่ายแบบมาจากจังหวัดลำพูน มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “เจดีย์เหลี่ยมวัดกู่กุด” ซึ่งเจดีย์จามเทวีสร้างขึ้นในสมัยหริภุญไชยของ “พระนางจามเทวี ธิดากษัตริย์ละโว้” ก่อด้วยศิลาแลงประดับปูนปั้น รูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมซ้อนกันขึ้นไป 5 ชั้น และมีพระพุทธรูปยืนประดิษฐานอยู่ในซุ้มรอบเจดีย์ทุกชั้น ชั้นละ 12 องค์ โดยพระพุทธรูปเป็นรูปแบบผสมระหว่างศิลปะทวารวดีและศิลปะแบบอู่ทองค่ะ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท กรุงเทพฯ ของเมืองโบราณนั้น เราบอกเลยว่าที่นี่สร้างได้เหมือนมากจริง ๆ แถมยังเก็บรายละเอียดได้ครบด้วย เนื่องจากสร้างตามแบบของพระบรมมหาราชวังในกรุงเทพฯ นี่เอง ซึ่งต่อมาได้มีการสถาปนาพระที่นั่งองค์นี้ขึ้นเป็นพระมหาปราสาทประจำกรุงรัตนโกสินทร์ โดยอาศัยตามแบบอย่างจากพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์ในสมัยกรุงศรีอยุธยาค่ะ สำหรับแฟนละครเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” ต้องแวะมาที่ตลาดน้ำ เมืองโบราณเลยค่ะ เพราะที่นี่ก็เป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำในเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน โดยจำลองตลาดน้ำแบบโบราณที่สะท้อนถึงชุมชนริมน้ำในสังคมไทยเมื่อครั้งอดีตและชีวิตของผู้คนที่ตั้งบ้านเรือนอาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำลำคลอง มีทั้งย่านที่อยู่อาศัยและย่านการค้า หากต้องการตามรอยคุณพี่หมื่นกับแม่หญิงการะเกดก็สามารถมาเที่ยวชมที่นี่ได้ค่ะ ^^ อ้อ!!! แอบกระซิบนิดหนึ่งว่าช่วงนี้เมืองโบราณกำลังปิดปรับปรุงตลาดน้ำอยู่ อาจต้องรอให้เขาปรับปรุงเสร็จแล้วค่อยมาเที่ยวชมกันนะคะ อีกไม่นานเกินรอแน่นอน วิหารหลวงวัดมหาธาตุ สุโขทัย เป็นวิหารหลวงขนาดใหญ่ เสาทำด้วยศิลาแลงตัดเป็นแผ่นกลมและหนา วางเรียงซ้อนกันเป็นรูปเสาโคนขนาดใหญ่ปลายเรียว ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่นามว่า “พระศรีศากยมุนี” ซึ่งเมืองโบราณได้สร้างวิหารตามแบบสถาปัตยกรรมสุโขทัยขึ้นใหม่ให้สมบูรณ์ เพื่อสะท้อนถึงความเจริญในอดีตค่ะ พระมหาธาตุเจดีย์ สุโขทัย เป็นเจดีย์ประธาน ตั้งอยู่ในวัดมหาธาตุ ติดกับบริเวณวิหารหลวงขนาดใหญ่ ซึ่งพระมหาธาตุเจดีย์ก่อด้วยศิลาแลงและอิฐ มีลักษณะเจดีย์รูปแบบทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ อันเป็นเอกลักษณ์เด่นพิเศษในศิลปะแบบสุโขทัย ส่วนฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมและมีรูปพระสาวกปูนปั้นเดินประนมมือประดับอยู่โดยรอบค่ะ หากใครเคยชมละครฟอร์มยักษ์เรื่อง “เพลิงพระนาง” ที่ออกอากาศเมื่อปี พ.ศ.2560 ทางช่อง 7 อาจคุ้นเคยกับคำว่า “หอคำ” เป็นอย่างดี ซึ่ง “หอคำ”นี้ เป็นภาษาทางภาคเหนือ แปลว่า “หอทองคำ” หรือ “ปราสาททอง” เทียบได้กับคำว่า “วัง” ใช้สำหรับเรียกอาคารที่ประทับและออกว่าราชการของกษัตริย์หรือเจ้าผู้ครองนครในดินแดนล้านนา โดยเมืองโบราณใช้ไม้ใหญ่สร้างขึ้นตามรูปแบบหอคำของเจ้าเมืองลำปางในอดีต อันเป็นรูปแบบของสถาปัตยกรรมเรือนไม้เครื่องสับที่แสดงถึงฐานันดรชั้นสูงในแบบวัฒนธรรมล้านนา ปัจจุบันใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงวัตถุโบราณหายากนั่นเองค่ะ วิหารวัดภูมินทร์ ถ่ายแบบมาจากจังหวัดน่าน สร้างขึ้นในสมัยเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ ต่อมาได้รับการปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่โดยเจ้าอนันตวรฤทธิเดช ซึ่งวิหารแห่งนี้มีความโดดเด่นกว่าวิหารในวัดแห่งอื่นตรงที่ทำเป็นจตุรมุขและมีบันไดทางขึ้นลงทั้งสี่ด้าน อีกทั้งราวบันไดทางเข้าหลักยังมีการตกแต่งเป็นพญานาคในลักษณะเลื้อยออกจากวิหาร เมื่อเข้าไปภายในวิหารก็จะมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยประดิษฐานอยู่ทั้งหมด 4 องค์ที่ผินพระพักตร์ออกไปทั้ง 4 ทิศ และมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องคัทธกุมารชาดก แต่ที่ขาดไม่ได้เลยคือภาพ “กระซิบรักบันลือโลก” อันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองน่าน โดยมีลักษณะเป็นภาพปู่ม่าน (ชายหนุ่ม) แสดงท่าทางกระซิบบอกรักย่าม่าน (หญิงสาว) หากใครที่เคยไปวัดภูมินทร์ที่จังหวัดน่านจากสถานที่จริงแล้ว ลองเข้ามาชมภาพนี้กันดูนะคะว่าเหมือนจริงมากน้อยแค่ไหน ^^ วิหารทวารวดีเป็นซากวิหารที่มีพระประธานเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ สร้างขึ้นเพื่อสะท้อนให้เห็นว่าสมัยต้นประวัติศาสตร์ของไทย ราวพุทธศตวรรษที่ 12 ได้มีอาณาจักรโบราณคือ “รัฐทวารวดี” ที่เป็นเสมือนศูนย์กลางในการนับถือศาสนาพุทธ นิกายเถรวาทและมีการสร้างงานศิลปะเนื่องในทางพุทธศาสนาจนเกิดเป็นรูปแบบทางศิลปะเรียกว่า “ทวารวดี” อีกทั้งยังมีการรับวัฒนธรรมอินเดียมาปรับใช้ให้เป็นรูปแบบของตนเองอีกด้วย โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่จังหวัดนครปฐมและแพร่หลายมาจนถึงเขตภาคอีสาน เมืองโบราณจึงได้สร้างวิหารทวารวดีขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าศิลปะทวารวดีเคยเจริญรุ่งเรืองในดินแดนภาคอีสานมาแล้วเมื่อครั้งอดีตกาลค่ะ ตึกแดงสร้างขึ้นในสมัย ร.ศ.112 หรือ พ.ศ. 2436 เมื่อฝรั่งเศสยึดครองจังหวัดจันทบุรี ตั้งอยู่บริเวณหาดปากน้ำแหลมสิงห์ ซึ่งตึกแดงนั้นใช้สำหรับเป็นที่พักของนายทหารชาวฝรั่งเศสและเป็นกองอำนวยการ มีลักษณะเป็นอาคารชั้นเดียว สร้างด้วยอิฐฉาบปูนและทาสีแดงค่ะ เรือสำเภาไทยของเมืองโบราณเป็นเรือสำเภาเก่าที่ได้ขอซื้อมาจากอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี แล้วนำมาดัดแปลงให้คงทนถาวรมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงรูปลักษณ์ของเรือสำเภาโบราณได้อย่างครบถ้วน ซึ่งผู้คนในสมัยอยุธยามักนิยมใช้เรือสำเภาไทยอย่างแพร่หลาย แต่ค่อย ๆ หมดความนิยมไป เนื่องจากมีเรือกลไฟที่ทันสมัยกว่าเข้ามาแทนที่ค่ะ สะพานรุ้ง เป็นสะพานที่มีสายรุ้งพาดไปอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งสายรุ้งนั้นเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอันงดงามที่มักปรากฏขึ้นหลังฝนตกใหม่ ๆ และคนไทยสมัยโบราณมักเรียกกันว่า “รุ้งกินน้ำ” เนื่องจากว่ามักมีรุ้งกินน้ำในเวลาที่ฝนหยุดตก หากมองในแง่สัญลักษณ์ รุ้งกินน้ำจะหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ ความสุข และความงดงามทางธรรมชาติของบ้านเมืองค่ะ เขาพระสุเมรุในเมืองโบราณนั้นสร้างขึ้นตามแบบจากภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดใหญ่อินทราราม จ.ชลบุรี ถ่ายทอดให้เป็นงานสถาปัตยกรรมเพื่อสะท้อนถึงคติความเชื่อเรื่องพุทธจักรวาลของคนไทยเกี่ยวกับโลกและจักรวาลจากวรรณกรรมอิงพระพุทธศาสนาเรื่อง “ไตรภูมิพระร่วง” ส่วนรอบ ๆ เขาพระสุเมรุนอกจากจะเป็นที่อยู่ของวิญญาณในภพภูมิต่าง ๆ แล้วยังมีป่าหิมพานต์, สระอโนดาต และมหาสมุทรอันกว้างใหญ่อย่าง “นทีสีทันดร” ล้อมรอบไว้โดยมีปลาอานนท์หนุนอยู่ค่ะ บนยอดเขาพระสุเมรุเป็นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อันเป็นที่ตั้งของนครไตรตรึงษ์ที่มีพระอินทร์เทวราชเป็นผู้ปกครอง ศาลารามเกียรติ์เป็นศาลาโถงกลางน้ำห้าหลังที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่พักร้อนและประกอบพิธีกรรมในงานนักขัตฤกษ์ต่าง ๆ ของผู้คนในสังคม โดยมีภาพรามเกียรติ์ประดับไว้ในศาลา ซึ่งรามเกียรติ์เป็นวรรณกรรมศักดิ์สิทธิ์บ้านเมืองในประเทศไทยและเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รับถ่ายทอดมาจากอินเดียค่ะ ศาลาพระอรหันต์ เป็นศาลาที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างพระอรหันต์ 500 รูป นับเป็นอุบายสำคัญอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าถึงแม้ผู้คนทุกหมู่เหล่าจะมีชาติกำเนิดและความประพฤติธรรมที่แตกต่างกันก็สามารถบรรลุเป็นพระอรหันต์และพระนิพานได้เช่นกันค่ะ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรปางแสดงปาฏิหาริย์ เป็นอีกมิติหนึ่งของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรหรือเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งปรากฏในรูปพระพุทธเจ้าที่ทรงมงกุฎเหนือพระนลาฏและใช้พระเดชานุภาพในการแสดงปาฏิหาริย์ปราบปรามหมู่มารหรือฝ่ายอธรรมที่มาย่ำยีโลกและมวลมนุษย์ เพื่อรักษาความยุติธรรมและพระพุทธศาสนาให้ยังคงอยู่ค่ะ ขบวนเสด็จพยุหยาตราชลมารค เป็นขบวนเรือพระราชพิธีที่ใช้ในการต้อนรับพระราชอาคันตุกะหรือแขกบ้านแขกเมือง, แห่พระราชสาส์น และเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคของพระมหากษัตริย์ในพระราชกรณียกิจต่าง ๆ อย่างการเสด็จพระราชดำเนินไปนมัสการพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรีกับการถวายผ้าพระกฐินตามวัดสำคัญ ๆ ของไทย ซึ่งได้มีการจัดเป็นกระบวนเรือที่งดงามและแห่แหนมาตามลำน้ำอย่างใหญ่โตค่ะ เห็นมั้ยคะว่า...แค่ปั่นจักรยานเที่ยวชมเมืองโบราณก็เหมือนได้เที่ยวทั่วไทยเลยล่ะค่ะ แต่ก็ยังเที่ยวไม่ครบอยู่ดี เพราะสถานที่เที่ยวในนั้นเยอะมากจริง ๆ 5555 และสถานที่เที่ยวที่เรายกตัวอย่างมานี้เป็นแค่บางส่วนเท่านั้น สำหรับใครที่ต้องการเที่ยวให้ครบต้องมาเที่ยวที่เมืองโบราณเลยค่ะ รับรองว่ามีมุมให้ท่องเที่ยวอีกเพียบ แล้วมาเที่ยวกันเยอะ ๆ นะคะ คุ้มค่าคุ้มราคาแน่นอนค่ะ ^^ หากใครอยากมาเที่ยวชมเมืองโบราณก็ปักหมุดตามข้อมูลข้างล่างนี้ได้เลยค่ะ... 📍 ปักหมุดได้ที่: 296/1 หมู่ 7 ถนนสุขุมวิท ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ 10280🚘 GPS: https://goo.gl/maps/wd3mqQQPSCpM7F9Y6✉ Email: pr.muangboran@gmail.com👍 Facebook: https://www.facebook.com/muangborantheancientcity/💻 เว็บไซต์: https://www.muangboranmuseum.com/📞 โทร. 02-026-8800-9, 086-324-7658💸 เสียค่าเข้าชม: คนไทย >> เด็ก (อายุ 6 - 14 ปี) ราคา 200 บาท / ผู้ใหญ่ ราคา 400 บาท สำหรับใครที่เที่ยวที่นี่บ่อยหรือชอบเที่ยวแนวนี้ แนะนำว่าให้ซื้อบัตรแบบรายปีในราคา 850 บาทจะดีกว่าค่ะ ซึ่งราคานี้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ซื้อบัตร ก็ถือว่าคุ้มมาก ๆ ชาวต่างชาติ >> เด็ก ราคา 350 บาท / ผู้ใหญ่ ราคา 700 บาท (ราคาทั้งหมดรวมรถราง, จักรยาน และเรือ ซึ่งรถรางมีให้บริการเฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้น)⏰ เปิด: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 - 18.00 น. เครดิตหน้าปกและภาพประกอบบทความทั้งหมดโดย: ผู้เขียน (Windy_55)ขอบคุณแหล่งอ้างอิงข้อมูลจาก muangboranmuseum : ตลาดบกหรือตลาดโบราณ / อนุสรณ์สถานสงครามยุทธหัตถี / วิหารเมืองสะเมิง / วัดจองคำ / เจดีย์จามเทวี / พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท / ตลาดน้ำ / วิหารหลวงวัดมหาธาตุ / พระมหาธาตุเจดีย์ / หอคำ / วิหารวัดภูมินทร์ / วิหารทวารวดี / ตึกแดง / เรือสำเภาไทย / สะพานรุ้ง / เขาพระสุเมรุ / ศาลารามเกียรติ์ / ศาลาพระอรหันต์ / พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรปางแสดงปาฏิหาริย์ / ขบวนเสด็จพยุหยาตราชลมารค*STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี`คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565