หนทางของพระศาสดา ต้องใช้ความอดทนยิ่งกว่าเรา หนทางแห่งเขาดงคสิริ ต้องทนแดดทนร้อน หยาดเหงื่อแต่ละเม็ดที่ไหลริน เพื่อสักการะพระศาสดาของศาสนาพุทธ หนทางแสนยาวไกลแม้จะเป็นเพียงแค่สองกิโลเมตร แต่เป็นกิโลเมตรที่สูงและต้องใช้กำลังในการเดินขึ้น ครั้งพุทธกาลนั้นหนทางไม่ได้มีการปรับปรุงเหมือนในปัจจุบัน คงจะลำบากมากกว่านี้หลายเท่า เส้นทางก่อนที่จะมาถึงเขาดงคสิริ ซึ่งอยู่ที่เมืองพุทธคยา รัฐพิหาร ของประเทศอินเดีย สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา นั่นคือการทรมานตนเองให้ถึงที่สุด เพื่อหาวิธีหลุดพ้น จนทำให้ร่างกายนั้นซูบผอมเหลือแต่โครงกระดูก ก่อนการตรัสรู้ ของพระสัมมาสัมพุทธโคดม ที่เขาดงคสิริ พร้อมเหล่าพระภิกษุที่เลื่อมใส สิ่งที่พระพุทธเจ้าทำนั่นคือการทรมานร่างกายอันเน่าของตนเองให้ถึงที่สุด สภาพโดยรอบก่อนถึงทางขึ้นเขา พุทธคยา สถานที่สำคัญที่ชาวพุทธทุกคนได้เดินตามรอยพระศาสดา ซึ่งมีสถานที่สำคัญจำนวนมาก ถ้าหากเราได้เดินทางมายังเมืองพุทธคยา เราจะรับรู้ถึงความลำบากยากแค้นของคนที่ยากจนแสนเข็ญ ซึ่งบางคนนั้นไม่มีแม้กระทั่งที่หลับนอน แต่ก็ดิ้นรนเพื่อที่ตนเองจะอยู่รอด เส้นทางการขึ้นเขาดงคสิรินั้นทำให้เรานึกย้อนไปในอดีตเมื่อ 2500 กว่าปีมาแล้ว เพราะสองข้างทางนั้นเราจะได้ผ่านแม่น้ำเนรัญชราสถานที่พระพุทธองค์ลอยถาดเสี่ยงทาย ใกล้กันนั้น ถ้าเราเดินทางลงมาจากเขาดงคสิริ เดินทางตรงมายังบ้านของนาสุชาดา หญิงสาวที่ถวายอาหาร ก่อนคืนวันตรัสรู้ ซึ่งเป็นที่มาของ ข้าวทิพย์หรือข้าวมธุปายาส มาจนถึงปัจจุบัน หนทางสู่เขาดงคสิริ ถนนแห่งนี้ทอดยาวไปจนถึงทางขึ้นเขา เป็นถนนที่ไม่ได้มีการปรุงแต่งใดๆ สภาพยังเป็นถนนดินธรรมดา แต่รถบัสสามารถที่จะวิ่งขึ้นส่งได้ถึงทางขึ้นที่ลาดชัน ความแห้งแล้งของที่นี่ เป็นสถานที่ที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงเลือกแล้ว เมื่อผ่านสะพานข้ามแม่น้ำเนรัญชรา เลี้ยวขวาก็จะเข้าถึงเขาดงคสิริพิกัด>>>> google maps / Dungeshwari ทางสายนี้คือสายแห่งความพยายาม ลักษณะของถนนในช่วงแรกนั้นเป็นถนนที่ลาดด้วยซีเมนต์ แต่ก็จะทอดยาวไปไม่ไกลนัก ซึ่งหลังจากนั้นก็จะมีบันไดบ้างสลับกับซากก้อนดินก้อนหิน แยกได้สองทาง หรือที่เราพากันบอกว่ามันคือทางลัด ซึ่งจะลำบากมากกว่า แต่ถึงเร็วกว่า และพอใกล้จะถึงถ้ำที่พระพุทธเจ้านั่งบำเพ็ญทุกรกิริยาก็จะมีทางลาดยาวชันเกือบเก้าสิบองศาอีกครั้ง เรียกได้ว่าแทบคลาน แต่พอขึ้นถึง มีเปลหาบ บริการสำหรับคนที่เดินขึ้นไม่ไหว จุดด้านล่างถ้าหากคนที่ประเมินเส้นทางแล้วว่าไม่สามารถใช้กำลังแรงกายปีนขึ้นไปถึงได้ ก็จะมีกระเซ้าหรือเปลหาบขึ้นไป ซึ่งคนสองคนช่วยกันหาบขึ้น แต่เราก็จะต้องจ่ายค่าแรงให้ แต่ต้องต่อราคาและตกลงให้แน่ชัด แต่สำหรับคนที่ยังพอมีแรงอยากให้ พยายามเพียรเผาผลาญกิเลสเดินขึ้น แล้วเราจะภูมิใจเมื่อมองกลับลงมาอีกครั้ง การแต่งกาย เนื่องด้วยสภาพดินสภาพก้อนหินที่ต้องเจอระหว่างทาง รองเท้าที่เราสวมใส่แนะนำให้มิดชิด ผ้าใบหรือรัดส้นดีที่สุดเพราะป้องกันอันตรายถ้าหากพลาดะลั้งหกล้ม ชุดในการสวมใส่ขึ้นสักการะนั้นควรเป็นชุดที่สุภาพเรียบร้อย เนื่องจากว่าสถานที่แห่งนี้ เป็นสถานที่สำคัญของศาสนาพุทธ จึงจำเป็นที่จะต้องใส่ให้เรียบร้อย กางเกงขายาวขาวหรือดำ กางเกงไม่รัดมาก เสื้อสุภาพคือเสื้อสีอ่อนหรือเสื้อสีไม่ฉูดฉาดมาก อากาศ อากาศที่พุทธคยานั้นในตอนเช้าอากาศเย็น แต่ถ้าเป็นเวลาสายนั้นอากาศจะเริ่มร้อนการสวมใส่เสื้อแขนยาวบางๆ จึงมีความสำคัญเพราะแดดแรงอาจจะทำให้หน้ามืดได้ เพราะเมื่อเราเดินขึ้นที่สูงนั้น จะยิ่งใจหวิวมาก ระหว่างทางเดินขึ้น ระหว่างทางเดินที่เรากำลังเพียรพยายามนั้น จะมีเด็กๆจำนวนมากซึ่งเป็นกลุ่มของเด็กขอทานจะมาเดินวนใกล้ ๆ ถ้าเมื่อไหร่ที่เรานั้นเดินขึ้นไม่ไหวนั่งลง เขาจะพากันนำพัดมาพัดหน้าให้ แล้วก็จะขอเงิน เราไม่ต้องไปสบตาหรือสนใจกับเขาเหล่านั้น และห้ามนำเงินให้เด็กแม้แต่คนเดียว เพราะไม่อย่างนั้นคุณจะเอาชีวิตของคุณไม่รอด เพราะขอทานจะหลั่งไหลมาจากไหนไม่รู้ เยอะจนรุมคุณได้ สิ่งที่ทำได้คือห้ามสบตาห้ามมองห้ามสนใจ ทำหน้าตานิ่งๆขู่ไว้ดีที่สุด หรือในตอนที่คุณกำลังพยายามปีนอาจจะมีมือน้อยๆ มาแตะและฝ่ามือดันหลังให้เรา เราต้องหันไปทำหน้าไม่พอใจให้เดี๋ยวเขาจะไปเอง ถ้าเราไม่บอกเขาจะดันช่วยเราจนถึงแล้วเขาจะขอเงิน และเราต้องให้ ทางที่ดีเราตัดไฟตั้งแต่ต้นลมจะดีกว่า เมื่อขึ้นมาถึงจุดพักก่อนที่จะถึงถ้ำเราลองมองลงไปด้านล่าง ซี่งนั่นคือ หนทางแห่งความพยายามของเรา ซึ่งก็เหมือนการที่เรานั้นพยายามเพื่อให้พบกับความสำเร็จไม่ว่ามันจะยากขนาดไหน แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อเราสมหวังในสิ่งที่เราตั้งใจพอเรามองกลับไปเราจะมีความรู้สึกภูมิใจ เช่นเดียวกันกับความรู้สึกนั้น หน้าปากถ้ำ เราจะสังเกตถึงสถานที่สำคัญของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ว่าจะเป็นที่ประสูติ ตรัสรู้ หรือบำเพ็ญทุกรกิริยานั้น จะมีธจำนวนมาก นั่นเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญ ในการจะเข้าไปในถ้ำนั้น มีความจำกัดเรื่องของจำนวนคน เข้าได้ครั้งละไม่เกินห้าคน เพราะเนื่องจากสถานที่ด้านในนั้นมีความคับแคบ และอากาศแบบปิด ไม่มีช่องลม มีเพียงประตูเท่านั้น ซึ่งถ้าเข้าไปเมื่อเรามีการกล่าวสักการะ ออกซิเจนอาจจะน้อยดละประกอบด้วยอากาศร้อนจึงเข้าได้จำกัด บริเวณด้านหน้าของถ้ำและด้านข้างนั้นจะมีเขาหินหรือหน้าผาล้อมรอบ ถ้าเป็นในสมัยก่อนนั้น ไม่สามารถหาอาหารได้อย่างแน่นอน และนี่คงเป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ต้องการ เพราะเงียบสงบ และปลอดภัยจากสัตว์ดุร้ายและสัตว์มีพิษมีภัยทั้งหลาย ก่อนขึ้นบันไดไปยังหน้าถ้ำ ลานหินชั้นล่าง ซึ่งบริเวณนี้เราสามารถที่จะพักผ่อนดื่มน้ำดื่มท่า ชากาลัมจาย เพื่อดับร้อนในกาย หายเหนื่อยก่อนขึ้นสักการะ เพื่อความปลอดภัยด้านหน้าที่เป็นผาหินนั้นมีรั้วเหล็กกลั้นไว้ แต่เมื่อไปยืนใกล้ก็ยังเสียวเพราะลมค่อนข้างแรง สถานที่แห่งนี้สามารถนั่งรอสักการะได้ เพื่อลดการแออัด มองลงไปด้านล่างนั้นเห็นหมู่บ้าน ถ้ามองไกลหน่อยจะเห็นเจดีย์พุทธคยาสถานที่ตรัสรู้ ซึ่งถ้าแม่น้ำเนรัญชราไม่แห้งขอดลงจะสวยงามกว่านี้ การจากลา ความรู้สึกของการจากลา รู้สึกเหมือนกำลังเดินจากความรักความอบอุ่น ความสุขของการได้สักการะครั้งหนึ่งในชีวิต แม้ว่าจะเป็นครั้งที่สองหรือที่สามความรู้สึกย่อมไม่เหมือนเดิม ใครๆอาจจะบอกว่าสถานที่นี้เราเคยไปแล้ว้ราไม่อยากไปอีก แต่กลับสถานที่แห่งนี้ ยิ่งได้มาสักการะบ่อยครั้งยิ่งทวีคูณความสุข สถานที่บำเพ็ญทุกรกิริยานี้ เมื่อเรามาทำให้เราเห็นถึงความพยายามของพระพุทธเจ้า ซึ่งไม่มีคนไหนที่สามารถทำอย่างท่านได้ เพราะเป็นการทรมานที่สุดๆของชีวิต จนเกือบที่จะวายชีวา สิ่งนี้ทำให้เราได้รู้ว่าชีวิตของเรานั้นต่อให้เราทรมานมันมากขนาดไหน มันก็ไม่รู้สึกอะไรนอกจากจิตใจของเราเท่านั้นที่จะเจ็บปวด กายเป็นเพียงสิ่งที่จิตของเราได้อาซับอยู่ เหมือนท่อนไม้ท่อนฟืนเมื่อเวลาร่วงเลยไป มันย่อมต้องสลายกลับคืนสู่ธรรมชาติ ยังเหลือแต่จิตของเราเท่านั้นที่ยังคงเดินหน้าเวียนว่ายตายเกิดต่อไป สุดท้ายแล้วไม่มีสิ่งใดในโลกนี้เป็นของเรา ภาพถ่ายทั้งหมดเป็นของผู้เขียนเอง (อุ้งเท้าแมว)ห้องส่องร้านดังมาแรง รวมของกินอร่อยต้องโดน บอกสูตรเมนูลับที่ไม่ลับอีกต่อไป