ภูมิปัญญาชาวบ้าน ซึ่งมีหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการทำอาหาร การคิดประดิษฐ์ผลงานที่ทำด้วยวัสดุที่หาได้ภายในหมู่บ้าน หรือพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นผลงานศิลปะที่มีค่า แม้ว่าราคานั้นจะไม่แพง แต่ราคาความพยายามความตั้งใจ ประเมินราคาไม่ได้ ยิ่งเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาโดยการทำทุกขั้นตอนด้วยแล้ว ยิ่งมีมูลค่ามากต่อจิตใจ การเดินทางครั้งนี้ ได้มีโอกาสไปสัมผัสเมืองเมืองหนึ่งซึ่งแยกออกไปจากกรุงพนมเปญ แต่ไม่ได้แยกโดยเขตของดิน แต่ที่ต้องแยกออกไปนั้นเพราะสายนที หรือสายน้ำ เกาะนี้เป็นเกาะที่ชาวกรุงพนมเปญรู้จัก เมื่อได้ยินชื่อ อยู่ไม่ห่างจากพนมเปญ แต่ในการเดินทางเข้าไปในเกาะนี้ เราจะต้องนั่งเรือข้ามฟาก ประมาณครึ่งชั่วโมง เราก็จะถึงเกาะแห่งนี้ เกาะดัจ เกาะดัจ เป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ห่างจากพนมเปญไม่มากนัก ซึ่งเกาะนี้ได้ตัดออกไปจากกรุงพนมเปญ เป็นเหมือนเกาะกลางน้ำ จึงได้ชื่อว่าเกาะดัจ ดัจแปลว่าตัด ประชาชนในเกาะดัจนั้นประกอบอาชีพชาวสวน ปลูกข้าวโพด ปลูกผักตามฤดูกาล หญ้าวัวและหญ้าควาย เกาะนี้เลี้ยงวัวตัวใหญ่มหึมามาก แต่ที่สำคัญชาวบ้านที่เกาะดัจทุกหลังคาเรือนนั้นทอผ้า และส่งขายที่กรุงพนมเปญ สายน้ำคั่นกลางเขตแดนเมืองพนมเปญ ความเจริญของเทคโนโลยีก้าวไกลมาก จากกรุงพนมเปญพอถึงสถานที่แห่งนี้เหมือนอยู่กันคนละโลก จริงๆแล้วแค่เราข้ามแม่น้ำเท่านั้น สิ่งที่น่าตื่นเต้นสำหรับการเดินทางไปที่นี่คือ รถขนเรือข้ามฟากที่ขนรถข้ามฝั่ง สถานที่แห่งนี้ชาวบ้านจะมาทำงานที่กรุงพนมเปญและตอนเย็นก็จะกลับบ้านกันเป็นจำนวนมาก ดูจากสีน้ำก็รู้ว่าเรือนั้นข้ามฟากวันละกี่รอบ ถนนหนทางบนเกาะ เดินทางบนเกาะนั้นนอกจากถนนหนทางจะยังไม่ได้สร้างแบบดี ยังเป็นถนนราดยางบ้าง บางเส้นทางก็ยังเป็นถนนแดง ถ้าไปรถเล็กก็จะต้องหลบฝุ่นเพราะเมื่อถนนเป็นทางสีแดง และดินทราย เมื่อรถคันใหญ่วิ่งผ่านก็จะเต็มไปด้วยฝุ่นละออง สองข้างทางหญ้าขาวคลุกฝุ่น และในการขับรถนั้นต้องขับอย่างระมัดระวังเพราะอาจจะมีเด็กหรือสัตว์เลี้ยงวิ่งผ่านหน้ารถ การขึ้นเรือข้ามฟาก ขั้นตอนในการขึ้นเรือนั้นไม่ยาก เพียงแต่ต้องรอเวลาเรือกลับมา เมื่อเรือจอดรถที่จะลงไปก่อนคือรถมอเตอร์ไซค์ ต่อจากนั้นก็จะปล่อยรถยนต์ลง ตรงกลางของเรือ และต่อท้ายด้วยรถมอเตอร์ไซค์อีกรอบ เพื่อเป็นการปิดท้าย และปิดท้ายเรือ จากนั้นไม่นานเรือก็จะเคลื่อนออก รถทุกคันจะต้องดับเครื่องเพราะในเรือนั้นมีน้ำมันอาจจะเกิดอันตรายได้ เมื่อรถดับเครื่องผู้คนในรถก็จะพากันออกมายืนด้านนอกเพื่อชมวิวสองข้างทางแม่น้ำ บอกเลยว่าบรรยากาศดีมากเพราะลมแรง ใช้ชีวิตติดแม่น้ำ บ้านทุกหลังนั้นหลังบ้านจะติดกับแม่นำ้ เรื่องของการปลูกผักกินเอง ปลูกพืชตามฤดูนั้นจึงมีค่อนข้างมาก อย่างเช่นข้าวโพด ข้าวโพดที่นี่นุ่มเหนียวและอร่อยมาก เมื่อมีคนมาเยี่ยมบ้าน ชาวบ้านก็จะพากันหิ้วผลไม้ข้าวโพด กล้วย มาให้แขกได้ทานกัน เป็นความอบอุ่นและเป็นกันเอง ชุมชนที่นี่รู้จักกันเกือบทุกหลัง เวลาที่รถขับผ่านก็จะทักทายกันถามไถ่ทุกข์สุขกัน ด้วยรอยยิ้ม เครื่องมือในการทำมาหากิน เมื่อเดินทางถึงรถได้ขับเข้าไปเรื่อยๆเพื่อตามหาบ้านที่ทอผ้าและขายผ้า ซึ่งในทุกบ้านมีทุกหลัง แต่เราจะต้องหาหลังที่เป็นแหล่งรวมผ้าทุกแบบ และแล้วไม่นานก็พบบ้านหลังนั้นจากป้ายหน้าบ้าน ซึ่งพอเดินเข้าไปในบ้าน ชาวบ้านกำลังทำพอดี และในภาพด้านบนคืออุปกรณ์ในการทำมาหากินของชาวบ้าน ที่เตรียมด้ายสำหรับทอผ้า และลูกสาวกำลังทอผ้า กี่ทอผ้า กี่ทอผ้าที่นี่ดูจะยาวและใหญ่กว่าที่บ้านที่เคยเห็น ใหญ่และกว้าง ซึ่งดูแรกๆอาจจะดูปกติ แต่พอเดินเข้าไปดูลายของผ้านั้นทำให้ถึงกับว้าวเพราะว่าลายที่ทอนั้นสวยและแปลกตามาก อีกอย่างคือสีนั้นสวย การที่จะทอออกมาแต่ละเส้น ต้องใช้เวลานานมาก ตั้งแต่การสืบ จนถึงการขึ้นลาย ซึ่งลายในการทอนั้นจะไม่เหมือนกันทุกครั้ง และการทอถ้าหากคนไหนทอแล้วจะต้องทอตั้งแต่แรกจนเสร็จ เพราะถ้าเปลี่ยนคนทออาจจะทำให้ลายเปลี่ยนเพราะแรงในการทอของแต่ละคนต่างกัน ลูกสาวของทุกบ้านจะต้องทอผ้าได้ เป็นเรื่องปกติของชาวบ้านที่นี่ ที่ถ้าหากมีลูกสาว จะต้องทอผ้าใส่เอง เสื้อผ้าที่นี่มีการตัดเย็บเอง ไม่ต้องเสียเงินในเรื่องของเครื่องนุ่งห่ม เรื่องการเรือนจะเป็นเรื่องผู้หญิง การขับรถเข้าไปในหมู่บ้านนี้ จะไม่ค่อยพบกับผู้ชาย เพราะตอนที่เข้าไปนั้นเป็นเวลาประมาณเกือบเที่ยง ชาวบ้านที่นี่จะเดินทางไปทำงานที่พนมเปญ และจะกลับมาในตอนเย็น ในหมู่บ้านตอนกลางวันจึงมีแต่ผู้หญิงและคนแก่เด็กๆในวันหยุด เรียงกันนับได้ทั้งหมด 42 ซึ่งนี่จะทำให้ลายนั้นเกิดขึ้นต่างกัน ลายที่ทอนั้นเป็นรูปนกยูงสีแดง ซึ่งทอออกมาแล้วสวย ราคาก็จะหนักตามไปด้วย ลายผ้าที่ประทับใจ ซึ่งในเกาะดัจมีผ้าลายมากกว่าร้อยลาย เรียกได้ว่าเลือกตามความพอใจ และที่แน่ๆคือราคานั้นถูกจนน่าใจหาย ถูกมาก ลายนกยูงคู่ ส่วนในผืนนี้ เป็นผ้าที่ทอด้วยไหมแท้ ที่ทำเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่เลี้ยงจนกลายมาเป็นเส้นไหม ราคาจึงแพงกว่าเพื่อน ชิ้นนี้คือผ้าไหมเต็มผืน ซื้อผืนเดียวสามารถนำมาตัดชุดได้ทั้งชุด ลายสัปปะรด ลายนี้ก็ราคาหนักเพราะนอกจากการขึ้นลายจะยากแล้ว การทอไหมแต่ละเส้นถือว่าลำบาก ใช้เวลาค่อนข้างนาน ความแตกต่างจากการทอผ้าธรรมดาคือการทอผ้าของที่นี่เป็นสินค้าขึ้นชื่อในเรื่องของการทอผ้าที่สวย การทอนั้นจะมีการสอดดิ้นทองเข้าไปด้วย ทำให้เกิดความสวยงามระยิบระยับ การทอลายว่ายากแล้ว การใส่ดิ้นเข้าไปให้ตรงกันยากยิ่งกว่า การทอผ้าทำมือนั้นทำให้ผ้าที่ทอมีมูลค่ามากขึ้น แต่ที่นี่ยังขาดในเรื่องของการตลาด เมื่อทั้งหมู่บ้านทอผ้ากันทั้งหมด จึงทำให้การส่งขายมีปัญหาเพราะเมื่อสินค้ามีจำนวนมาก การซื้อก็ลดราคาลง พอเรานั้นเข้าไปถึงที่จึงได้ราคาถูกจนน่าเกรงใจ และนอกจากถูกแล้วยังมีของแถมกลับมาด้วย เรียกได้ว่าเดินทางมาแล้วยิ้มกริ่มกลับบ้าน เสน่ห์ของคนที่นี่ คนที่นี่นั้นมีความเป็นกันเอง แม้ว่าจะไม่ได้รู้จักกันมานาน ความน่ารักของชาวบ้านที่ไม่ได้มีการปรุงแต่ง กลิ่นอายของความเป็นชนบทนั้นมีเสน่ห์มาก ไม่ว่าจะชีวิตความเป็นอยู่ที่เป็นนายตัวเอง ตื่นเช้ามานำวัวออกไปกินหญ้ากลับมาทำกับข้าว ทานข้าวด้วยกัน จากนั้นทุกคนก็ทำหน้าที่ของตนเอง คือการทอผ้า ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ เมื่อเราได้พบเห็นทำให้อิจฉาการใช้ชีวิตของคนที่นี่ เงียบสงบแต่มีเสน่ห์ ถ้าเมื่อไหร่ที่เราเบื่อการใช้ชีวิตของคนในสังคมที่เร่งรีบแล้วทุกคนต่างทำหน้าที่ตนเองโดยไม่สนใจคนอื่น ก็ลองเดินทางมาที่เกาะดัจแห่งนี้ แล้วคุณจะพบกับความสุขเครดิต : ภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียนเอง (อุ้งเท้าแมว) 🗺 แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “ต๊ะตอนยอน”