การเดินทางครั้งนี้ นับเป็นการเดินทางที่ประทับใจของเราอีกทริปเพราะทุกอย่างมันผิดแผนไปหมด แต่กลับอดคิดไม่ได้ว่าหรืออะไรๆ ตั้งใจให้การเดินทางครั้งนี้ของเราผิดแผนจากเดิมถ้าเป็นแผนเดิม การเดินทางไปเชียงใหม่ด้วยรถไฟขบวนอุลตราวิถีของเราต้องถึงเชียงใหม่ในเวลา 7.00 น.จากนั้นต่อรถสองแถวเที่ยว 11.00 น. ขึ้นดอยเข้าที่พัก ระหว่างทางบนรถไฟเป็นช่วงเวลามืด วิวข้างทางอย่าหวังเลยว่าจะมองเห็น จะมาเห็นอีกทีก็น่าจะตอนใกล้ๆ ถึงเชียงใหม่แล้วนั่นแหละ18.00 น. รถไฟกรุงเทพ - เชียงใหม่ ออกจากสถานี ทุกอย่างปกติดี จนกระทั่งพนักงานมาแจ้งว่า มีรถไฟขบวนก่อนหน้าเราตกราง ทำให้ขบวนเราถึงเชียงใหม่สายจากเดิม / ใจไม่ดีแล้วฉัน แต่ถึง ใจไม่ดียังไง ก็ได้วิวระหว่างทางจากที่มีแต่ความมืดกลายเป็นค่อยๆ มีแสงพระอาทิตย์ขึ้น เหมือนเปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดีในใจกลับเริ่มขอบคุณที่เกิดเหตุการณ์นี้ เพราะไม่ใช่บ่อยๆ ที่เราจะเดินทางไกลแบบนี้ จนใจคิดว่าเหมือนมีอะไรอยากให้เราได้เห็นในสิ่งที่การเดินทางปกติไม่ได้เห็น แค่ต้องแลกกับการตกรถเข้าที่พักแค่นั้นเอง ฮาา ดูวิวไป ใจก็คิดไปจะทำยังไงต่อ จะไปที่พักยังไง ต้องเหมารถละหนึ่ง จะหมดกี่พัน ได้แต่นึกในใจไปๆ มาๆ ทักบอกที่พักก่อนละกันว่า ไปถึงช้าหน่อย เพราะมีรถไฟตกรางจบบทสนทนา ยิ่งทำให้ฉันแปลกใจขึ้นไปอีก ทำไมมันบังเอิญแบบนี้ เพราะในรถไฟขบวนเดียวกันนี้มีเพื่อนสาวอีกคนที่มีจุดหมายปลายทางเดียวกันกับเรานั่งอยู่เบาะถัดไปจากเรานิดเดียว และเราก็หากันจนเจอ .... มีเพื่อนหารค่ารถแล้ว / คิดในใจ ทำไมโชคดีจังวะ ได้แต่คิดในใจ คิดว่าทุกอย่างลงตัวแล้วใช่มั้ยคะ บอกเลยว่ายังค่ะ มีลงตัวกว่านี้ให้ได้เซอร์ไพรกันอีก .พี่โอม เจ้าของที่พัก โทรมาบอกว่า เดี๋ยวจะมีรถของที่พักลงมาทำธุระในตัวเมืองเชียงใหม่พอดี ให้เราสองคนไปรอที่ร้านกาแฟนะ เดี๋ยวรถจะเข้ามารับ ก็เฮสิคะ รออะไร .... ไม่ต้องหารค่ารถ ไม่ต้องเสียตังเพิ่มแล้วจ้า ฮาาสุดท้ายเราถึงเชียงใหม่บ่ายโมงกว่า ๆ รอรถมารับและเดินทางถึงที่พักก็เคารพธงชาติรอบเย็นพอดี และด้วยการเดินทางครั้งนี้นอกจากจะได้รู้จักอิ๋วที่ตกรถเหมือนกัน คนขับรถก็คือคุณพ่อพี่โอมเจ้าของที่พัก แถมยังได้รู้จัก วายน์ ผู้ฝรั่งหัวใจไทยที่ไท๊ยไทยอาศัยติดรถขึ้นไปที่พักด้วยกันกับเราไทยขนาดไหน เป่าแคนคล่องปรื๋อ รำกันไม่หยุดเตรียม speak english เต็มที่ แต่วายน์พูดไทยใส่เฉย โคตรอยากนั่งสัมภาษณ์ว่าทำไมมาเลือกใช้ชีวิตแบบนี้ การได้เจอ วายน์ ทำให้เราได้เห็นความหลากหลายของการใช้ชีวิต เราไม่รู้ว่าเขาต้องการเลือกใช้ชีวิตแบบนี้หรือเปล่า แต่ที่เห็นก็เป็นไปแล้ว18.00 น.ของอีกวัน ฉันถึงแล้ว Doolay lay ที่รัก เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ 12 ชม. ฮาาาา กินข้าว อาบน้ำ นั่งล้อมวงร้องเพลง กระดกน้ำที่คุณก็รู้ว่าอะไร เราขึ้นไปนอนแบบตื่นมา ใครกางมุ้งให้อะและลุกมาอ้วกตอนตีสี่ พอ 7.00 น. ต้องรีบลงดอยแบบมึนๆ ทั้งเมาเหล้าและเมารถแต่ดีที่ไม่อ้วก ให้อายขายขี้หน้า มึนไปหน่อย ขึ้นห้องไม่ไหว นอนมันตรงนี้ละกันสำหรับการเดินทาง แน่นอนเราก็คงใจจดใจจ่ออยู่กับจุดหมาย คิดว่าความสุขคงอยู่ที่นั่น แต่กับการเดินทางครั้งนี้และเรื่องราวระหว่างทางที่เกิดขึ้น มันทำให้เราเลือกจะมองเห็นและให้ความสำคัญกับระหว่างทางมากขึ้น ระหว่างทางที่ไม่ใช่แค่การเดินทาง แต่เป็นระหว่างทางของการใช้ชีวิต ที่อย่าลืมให้ความสุขกับตัวเองบ้างก่อนจะถึงจุดหมายที่เราตั้งไว้มองย้อนกลับไปก็นึกขอบคุณตัวเองที่ออกไปหาเรื่องราวให้ตัวเองได้มีความทรงจำดีๆ มาแทนที่ความทรงจำบางอย่างที่ไม่ค่อยน่าจดจำ เราว่าการออกเดินทางน่าจะเป็นอีกคำตอบหนึ่งสำหรับใครที่อยากจะทำให้ความทรงจำที่ไม่น่าจดจำกลายเป็นความทรงจำสีจางๆ ที่จะไม่คอยมาทำร้ายจิตใจเราอีกต่อไป เครดิตรูปประกอบ รูปปกโดยผู้เขียนวันลาเหลือใช่ไหม อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !