เช้าวันนี้หลังจากแวะพักผ่อน และชมความงามของดอยหลวงเชียงดาว ที่ใคร ๆ ก็คงได้ยินชื่อกันมาบ่อย ๆ จากแผนเดิม ที่คิดว่าขับรถกลับตัวเมืองเชียงใหม่เลย เราตัดสินใจขับรถสู่ดินแดนที่ได้ฉายาว่า "ลับแลแห่งเชียงใหม่" อาจจะเป็นเพราะอำเภอเล็ก ๆ แห่งนี้ อยู่ท่ามกลางหุบเขา ที่ซับซ้อนและตั้งอยู่ใกล้ชายแดนพม่า นักท่องเที่ยวหลาย ๆ คน จึงยังอาจไม่เคยแวะไปเยือน การเดินทางไปเวียงแหงนั้น มีรถตู้และรถโดยสารจากตัวเมืองเชียงใหม่ให้บริการ แต่ถ้าหากเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. เอาจริง ๆ มันก็เหมือนขับรถขึ้นดอย ระหว่างทางสัญญาณโทรศัพท์มีขาด ๆ หาย ๆ บ้าง เราจอดแวะถ่ายรูประหว่างทางบ้าง เพราะอดใจไม่ไหวกับวิวสวย ๆ ของทุ่งนาเขียวขจี ต้นหญ้าที่ไหวลู่ลม และทิวเขาเขียว ๆ ที่โอบล้อม เมื่อมาถึงเวียงแหง เราแวะไปไหว้พระ ที่วัดฟ้าเวียงอินทร์ ตำบลเปียงหลวง ลักษณะสถาปัตยกรรมของวัดจะเป็นแบบไทใหญ่ วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ชายแดนไทย-พม่า จุดเด่นอยู่ที่มารชินเจดีย์ หรือเจดีย์ชนะมาร ซึ่งสันนิษฐานว่า สร้างมาตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่บริเวณฐานเจดีย์ช มีการจารึกพระธาตุมารชินะเจดีย์ เป็นภาษาไทใหญ่ เกี่ยวกับประวัติที่มาและการก่อสร้างวัด วัดแห่งนี้เป็นที่เคารพนับถือของชาวไทใหญ่และบุคคลทั่วไป นอกจากวัดจะมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม แปลกตาแล้ว ยังมีจุดชมวิว ทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเรา ได้มองเห็นภาพมุมสูงของเมืองได้อย่างชัดเจน หลังจากชมวิวจนสบายตา สบายใจ ท้องก็เริ่มหิว ทราบมาว่าผู้คนที่นี่ ส่วนใหญ่มีเชื้อสายกะเหรี่ยง เราเลยอยากแวะหาอาหารท้องถิ่นกินมากกว่า จริง ๆ ในตัวอำเภอก็มีร้านอาหาร และร้านกาแฟเก๋ ๆ นะ แต่เราแค่รู้สึกว่าอุตส่าห์มาตั้งไกล จะไปนั่งคาเฟ่ทำไม สรุปเลยแวะชิมบะหมี่ร้านนี้ ซึ่งขายดิบขายดีมากตกบ่ายก็หมดแล้ว มาช้าอดกินนะจ้ะ เป็นร้านยอดฮิตของคนท้องถิ่น รสชาติเหมือนกินบะหมี่เหนียวนุ่ม น้ำซุปกลมกล่อม ปริมาณเยอะมาก กินหมดชามนี่คืออิ่มยันเย็น เราแวะถ่ายรูปเล่น ๆ ระหว่างทางไปเรื่อย เป็นการเดินทางท่ามกลางธรรมชาติ ไม่รีบเร่ง อีกสถานที่สำคัญที่อยากจะแวะไป คือ พระบรมธาตุแสนไห กล่าวกันว่า มาเวียงแหงแล้วไม่แวะสักการะ ถือว่ามาไม่ถึงนะจ้ะ เราก็ย่อมต้องไม่พลาดแน่นอน มีตำนานเล่ากันว่า พระพุทธเจ้าทรงเสวยแตงโม ที่ชาวกะเหรี่ยงนำมาถวาย แล้วพระทนต์กะเทาะออกมา พระองค์จึงมอบพระทนต์นั้นให้ชาวกะเหรี่ยง พวกเขาจึงก่อสถูปและนำพระทนต์ไปบรรจุไว้ พระบรมธาตุแห่งนี้ ผ่านการบูรณะมาหลายยุคหลายสมัย เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองมายาวนาน หมดไป 1 วัน กับการเดินทางที่ได้สัมผัสกับความงดงาม ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของท้องถิ่น กับดินแดนที่ได้ชื่อว่า ลับแลแห่งเชียงใหม่ **ภาพประกอบทั้งหมด ถ่ายโดยผู้เขียน**