การเดินทางไม่มีที่สิ้นสุด จนกว่าจะหยุดลมหายใจ ชีวิตของคนเราช่วงที่ก้าวเดินออกมาจากอ้อมกอดของครอบครัว มีไม่กี่ครั้งที่เราจะมีคนคอยดูแลและร่วมเดินทางคอยช่วยเหลือ เพราะแท้แล้วคนเราเกิดมาคนเดียว ชีวิตต้องต่อสู้ดำเนินไปข้างหน้า มีหลายครั้งที่เราต้องช่วยเหลือตัวเอง บางครั้งมีเพื่อนรายทางคอยช่วยเหลือ ก่อนขึ้นรถห้ามสื่อสารด้วยภาษาไทย จนกว่าจะถึงปลายทาง โลกคงไม่โหดร้ายกับใครเกินไปในการเดินทาง ทุกครั้งที่เราเดินทาง จะมีเรื่องราวให้ตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา อย่างแรกคือเราตื่นเต้นกับเส้นทาง อย่างที่สองคือตื่นเต้นกับเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นเพื่อให้เรานั้นได้แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ไม่ว่าจะเป็นการหลงทาง นอนหลับเพลินจนเลยที่ลง แต่อย่าลืมว่าไม่ว่าเราจะไปในสถานที่แห่งไหนในที่ที่เรานั้นยังไม่เคยไป เราต้องเอาปากไปด้วย นั่นก็คือการถามทาง สอบถามคนที่อยู่ในพื้นที่ ครั้งนี้จะต้องเดินทางกลับมาทำธุระหลังจากที่เดินทางโดยเครื่องบิน แม้ว่าภาษาถิ่นที่อาศัยอยู่จะยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่จะต้องเดินทางไปให้ได้ เพราะคิดเสมอว่า ไม่ว่าเราจะไปที่ไหนบนโลกใบนี้ไม่เคยน่ากลัวสำหรับเรา แต่มันคือความสุขคือกำไรของชีวิต เดินทางได้ในครั้งแรกครั้งต่อไปก็สบาย ไม่เคยรู้สถานที่ในทางข้างหน้า ครั้งนี้กับการเดินทางที่ไม่รู้ว่าสถานที่ปลายทางมีหน้าตาเป็นอย่างไร เมื่อลงจากรถแล้วต้องเดินทางต่ออย่างไร แต่สิ่งที่ทำได้คือทักทายกับเพื่อนร่วมทางที่อยู่บนรถ หรือคนที่นั่งข้างๆเรา อย่างแรกที่เราจะถามคือ เขาจะลงที่ไหนถ้าหากว่าลงที่เดียวกันเราจะได้สบายใจ แต่ถ้าลงก่อนเราอาจจะถามว่าสถานที่ที่เราจะต้องลงจากรถคือที่ไหน การที่ถามไม่ได้เพราะอะไร เพราะความสบายใจในการเดินทาง เบาะนอนทั้งคืน รถนอนความสุขในการเดินทางที่เหมือนกับนอนอยู่ที่บ้าน รถที่วิ่งตามถนนในยามค่ำคืน ที่ทำให้คนทำงานได้พักผ่อนเต็มที่ จนถึงที่หมาย เป็นการเดินทางที่ได้หลับพักผ่อนเต็มที่เป็นครั้งแรก หรืออาจจะเป็นเพราะว่าก่อนหน้านั้นเราทำงานหนักแบบไม่ได้นอนหลับเต็มที่ต้องตื่นนอนตามเข็มนาฬิกา เบาะนอนเป็นเบาะฟูกขนาดสามเมตร หนาพอประมาณ มีขอบด้านข้างที่ป้องกันไม่ให้ตกได้ง่าย เบาะนอนคู่ เบาะนั่งมีทั้งเดี่ยวและคู่ ถ้าคู่สำหรับเราเดินทางสองคน ส่วนเดี่ยวเราเดินทางคนเดียว แต่การที่เราจะจองเดี่ยวได้นั้นต้องเร็วเพราะว่ามีจำนวนไม่เยอะ แต่ถ้าหากเราไม่ต้องการให้มีคนนอนด้วยกับเรา เราจะจองโดยการจ่ายเงินสองที่นั่งเพื่อความสะดวกของตนเอง รถทั้งหมดมีสองชั้น แต่ละชั้นจะมีเบาะประมาณสิบห้าเบาะ โดยประมาณ ด้านล่างนั้นจะมีเบาะเพียงชั้นเดียว แต่ละเบาะมีปลั๊กไว้รองรับการทำงาน ไม่ว่าจะเสียบโทรศัพท์ ทำให้ส่งงานได้แม้เรากำลังเดินทาง มากกว่านั้นบนรถยังมีอินเทอร์เน็ตไร้สายให้ใช้ทั้งคันรถ ทำให้การนั่งรถไม่เป็นปัญหาหรือขี้เกียจอีกต่อไป การจองตั๋วรถนอน ราคาในการจองรถนั้นถือว่าไม่แพงมากนัก ถ้าเป็นราคาสำหรับชาวต่างชาติจะค่อนข้างแพง ถ้าราคาของคนกัมพูชาจะราคาไม่แพงเท่าราคาของคนต่างชาติ การจองใช้การโทรศัพท์เพื่อจองตั๋วที่นั่ง หลังจากนั้นเราจะไปรับตั๋วรถอีกครั้ง หรือถ้าไม่สะดวกสามารถรับได้ก่อนที่จะขึ้นรถได้ การเดินทางในครั้งนี้ได้รับความช่วยเหลือจากน้องสาวชาวกัมพูชาที่จัดการจองตั๋วให้ และหลังจากนั้นให้เราเดินทางไปพบที่จุดขึ้นรถพร้อมมอบตั๋วให้ ไม่รู้ว่าจุดที่รถจะเดินทางไปถึงคือที่ไหน แน่นอนว่าการเดินทางในครั้งนี้ ไม่รู้ว่าจุดหมายตรงที่เราไปนั้นอยู่ตรงไหน รู้เพียงแต่ว่าเมื่อถึงแล้วจะต้องเดินข้ามไปฝั่งของไทย และนั่งรถเพื่อไปขึ้นรถเดินทางต่อไปบ้าน คิดเสียว่าคงไม่มีเพียงเราคนเดียวทั้งคันรถที่จะข้ามฝั่งไปไทย ต้องมีคนสองคนหรือหลายคน เราถามได้สนทนาหรือถ้าไม่ได้ก็เดินตามเขาไป คนเยอะตรงไหนนั่นละจุดผ่านแดน จุดตรวจคนด่านแรก ก่อนจะออกนอกประเทศ หรือที่เราเรียกว่า(ด่าน ตม.) พอลงจากรถเดินข้ามมาอีกฝั่ง เริ่มใจชื้นเพราะว่ามีคนจำนวนมากรอเข้าแถว เพื่อข้ามฝั่ง คิดในใจเห็นไหมไม่ได้มีเพียงเราคนเดียว แถวยาวจนเลยที่ที่จัดไว้ ซึ่งทุกคนต้องการที่จะข้ามฝั่งเพื่อไปทำงาน มีหนังสือเดินทางหลายแบบ บางแบบนั้นมีสีไม่เหมือนกัน รายวันก็มี รายเดือนแตกต่างกันไป รออะไรเราก็เดินไปเข้าแถวเช่นเดียวกัน การเข้าแถวเพื่อตีตรา ก่อนอื่นเราต้องสังเกตป้ายให้ดี เพราะถ้าหากว่าเรานั้นยืนผิดที่ พอถึงคิวเราจะต้องมาต่อแถวใหม่ เพราะแถวแต่ละแถวแยกกันชัดเจน ว่าหนังสือเดินทางของคนไทย หรือของกัมพูชา หรือต่างชาติ การแบ่งแบบนี้เพื่อง่ายต่อการตรวจสอบ ในการประทับตราออกนั้นจะต้องสแกนนิ้วมือหลายรอบมาก ทั้งหมดห้านิ้ว และต้องถ่ายภาพทุกครั้ง ไว้เพื่อเป็นหลักฐาน ว่าหน้าตาเราตอนที่ออกมากับตอนกลับเหมือนเดิมแต่อาจจะหัวยุ่งและเพิ่งตื่นนอน จุดแลกเงินเป็นเงินไทย หลังจากที่ตรีตราเสร็จแล้วเราจะกลับมายาก เพื่อความสะดวกเพราะเราอาจจะต้องใช้เงินไทย การแลกเปลี่ยนฝั่งของกัมพูชาจะได้จำนวนมากกว่า เพราะถ้าหากเราไปแลกที่ธนาคาร บางครั้งส่วนต่างที่เล็กน้อยอาจจะโดนตัด แต่เราไม่ควรแลกเยอะเพราะอัตราการเงินมีการเปลี่ยนแปลงตลอด และถ้าเราจะไปแลกในธนาคาร 1$ 5$ จะแลกยากส่วนมากธนาคารรับแต่ใบ 50$ 100$ การแลกก่อนที่จะเดินข้ามไปจะสะดวกกว่าที่ธนาคาร แลกรวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน ร้านแลกเงินจะเปิดประมาณ 8 นาฬิกา พร้อมๆกับด่าน แต่บางครั้ง 7.30 ก็จะเปิดแล้วเพราะเป็นบ้านของเจ้าของบ้าน เราสามารถเดินไปสอบถามหน่วยเงินตราได้ ซึ่งบริเวณวงเวียนนั้นมีอยู่หลายร้านราคาจะไม่เท่ากัน ตามธนาคารหน่วยต่างๆ แต่ใช้เวลาไม่นาน ยื่นเงินให้ นับเงินยื่นให้กับเราเลย เดินข้ามแดน หลังจากเรียบร้อยเราจะเดินข้ามไปฝั่งของไทย ระยะทางเดินประมาณ 700 เมตร ถ้าเรามีของเยอะสามารถใช้คนลากรถได้ แต่จะต้องตกลงราคากันให้เรียบร้อย และเราจะต้องตามไปด้วยเพราะมีบางครั้งหายไปทั้งคนลากและของ แต่ทางที่ดีเราพอยกได้เราก็ลากไปเอง หรือจะใช้บริการรถมอเตอร์ไซต์นั่งไปที่หน้าทางเข้าได้เลย 20 บาท แบบนี้ก็จะรวดเร็ว แต่เราเดินไปก็ใช้เวลาไม่มาก ถ้าไม่รีบเดินเองจะดีกว่า มีป้ายนำทางตลอด เราเดินทางครั้งนี้ไม่ต้องกลัวเพราะว่า มีคนจำนวนมากและมีป้ายบอกตลอดทาง สำหรับคนไทยจะมีจำนวนไม่เยอะเราสามารถขึ้นด้านบนไม่ต้องเข้าแถวรอด้านล่าง ใช้หนังสือเดินทางอัตโนมัติได้เพิ่มความรวดเร็วเพื่อเราะจะได้เดินทางแบบไม่ติดขัด ข้อควรระวังในขณะเดินข้ามแดน เวลาที่เรานั้นเดินผ่านแดนสิ่งที่เราต้องระมัดระวังคือสมบัติของเราเอง อย่างที่สองคือคนที่คอยมาเดินถาม ว่าต้องการที่จะผ่านแบบเร็วไหม จ่ายเงินจำนวนเท่านั้นเท่านี้ไม่นานก็จะได้ ขอบอกว่าให้เราตามระบบจะดีกว่าการจ่ายเงิน และอีกอย่างการช่วยเหลือตัวเอง เชื่อตัวเองจะดีกว่า เพราะระหว่างทางข้ามแดนจะมีมิจฉาชีพค่อนข้างเยอะ ที่คอยเดินตามเรา และแอบมองเรา อย่าทำเป็นเหมือนบ้านนอกเข้ากรุง ให้ทำเป็นรู้ทั้งหมด ถ้าเมื่อไหร่ที่เรานั้นทำเหมือนว่าเราไม่รู้จักทาง จะเป็นเหยื่อได้ง่าย ถ้าผ่านจุดตรงนี้ไปถือว่าถึงแผ่นดินไทยเรียบร้อย เดินไปได้สบายเลยเพราะว่าจะมีคนขายของจำนวนมาก ก่อนทางเดินไปขึ้นรถที่หน้าเซเว่น การเดินทางกลับกัมพูชา การเดินทางกลับสู่กัมพูชาผ่านทางช่องแดนปอยเปต จะมีช่องทางเดินตรงไป ซึ่งเราต้องเดินลากกระเป๋าเข้าในฝั่งทางซ้ายมือ ช่องแดนปิดประมาณสองทุ่ม แต่ฝั่งทางไทยจะปิดประมาณหนึ่งทุ่มช้าสุด ถ้าหากว่าเรานั้นต้องการที่จะกลับค่ำให้นัดตั้งแต่วันเดินทางออกมาแล้ว ขอเบอร์โทรศัพท์ไว้ เพื่อโทรบอกว่าถึงจุดไหนแล้ว ประสบการณ์ข้ามแดนเวลาสองทุ่ม ครั้งแรกกับการข้ามแดนในเวลาสองทุ่ม ฝั่งทางไทยมีคนจำนวนมาก คิดว่าการเดินทางในครั้งนี้เป็นครั้งที่นั่งรถยาวนานที่สุด เพราะเดินทางในช่วงเทศกาล รถติดหนักมากตรงบริเวณเขาก่อนจะถึง ออกจากจุดเริ่มต้นเวลา ตีสี่กว่า แต่ถึงจุดหมายเวลาหนึ่งทุ่ม แต่ได้โทรนัดกับรถที่จะรับส่งเรากลับพนมเปญไว้แล้ว ซึ่งตอนนั้นเหมาไปคนเดียวบนรถมีเพียงเรากับคนขับสองคน ในระหว่างทางรถแท็กซี่พยายามโทรถามว่าเรานั้นถึงไหนแล้ว และบอกกับเราว่า มาถึงแล้วข้ามด่านเข้ามาเลย จะรอรับอยู่ฝั่งกัมพูชา รถมาถึงหนึ่งทุ่ม เมื่อรถจอดรีบเดินข้ามไปทันที ซึ่งพนักงานได้บอกกับเราว่า นอนฝั่งไทยไหม เช้าค่อยเดินทางออกไปฝั่งกัมพูชา แต่ด้วยหน้าที่เราต้องสอนพรุ่งนี้เช้า ถ้าหากเรานั้นเดินทางแล้วเช้าที่พนมเปญสามารถไปทำงานได้เลยจึงตัดสินใจข้ามไป เพราะนัดรถกลับไปพนมเปญไว้แล้ว และแล้วภาระกิจวันนั้นก็สำเร็จ เราเดินทางถึงพนมเปญเวลาตีสี่ และรถจอดส่งถึงหน้าบ้านอย่างปลอดภัย เดินทางไปไหน จะต้องติดต่อกับรถที่เราจะไปไว้ เดินทางแต่ละครั้งจะต้องวางแผนเรื่องรถ เพราะถ้าเมื่อไหร่เราผิดเวลา ยังมีรถและคนขับที่พร้อมรอเราด้วยความซื่อสัตย์ ระหว่างทางจะมีรถจอดจำนวนมาก ขากลับพนมเปญ ในช่วงที่เราเดินนั้นจะผ่านรถหลายคัน แต่เรานั้นไม่ต้องไปสนใจ เพราะว่าถ้าเราจะไปขึ้นรถหรือไปถามเราอาจจะต้องจ่ายเงินเพิ่ม เราจะต้องบอกคนรถว่า เราจองรถไว้เรียบร้อยแล้ว ครั้งนั้นกับการขึ้นรถบัสประจำทาง ครั้งแรกที่เดินทางกลับกัมพูชา เราจอดคุยกับรถข้างถนน และเขาบอกว่าจะไปส่งขึ้นรถประจำทาง พอถามราคาคือถูกมาก เลยตัดสินใจไปตาม ถ้าเป็นในไทยคือรถร่วมที่จอดตลอดทาง วิ่งช้ามาก และคนเยอะมาก เสียงตลอดทางไม่ยอมหลับยอมนอน จนถึงจุดหมายปลายทาง รถประจำทางกับรถแท็กซี่จะไปคนละทาง และระยะทางนั้นจะใกล้กว่าเยอะจึงทำให้การเดินทางใช้เวลาต่างกัน นอนฟังเสียงเด็กน้อยร้องไห้ ครั้งนั้นคือจำเลย ว่าไม่ต้องเชื่อคนอื่น เชื่อตัวเองเดินไปในที่เราเคยขึ้นรถจะดีกว่า ที่ประลองฝีมือ ของคนไทย เคยลองเข้าไปในสถานที่ประลองฝีมือกับยายคนหนึ่งซึ่งเป็นคนไทย เพราะวันนั้นเรามาทำธุระ และรอรถมาส่งของ ต้องนั่งรอนาน เลยเดินเข้าไปกับยายเพราะยายบอกว่าที่นั่นมีร้านอาหาร และอาหารอร่อย เข้าไปทานข้าวเที่ยงกัน พอเข้าไปต้องตกใจเพราะภาษาที่ใช้นั่นคือภาษาไทยทั้งหมด การเดินทางทุกคนมีครั้งแรกเสมอ ไม่ว่าจะเป็นใคร เพียงแต่การเดินทางนั้นอาจจะมีเพื่อนไม่ได้เดินทางเพียงลำพัง การเดินทางลำพังคนเดียวก็พบกับความตื่นเต้นไม่เบา เราสามารถลองผิดลองถูกได้ เพราะตัวคนเดียวถ้าหากเรานั้นหลงทาง เราก็จะหลงเพียงคนเดียว การเดินทางแต่ละครั้งใช่ว่าเราจะต้องเจอเหตุการณ์เหมือนเดิมตลอด บางครั้งอาจจะต้องเจอกับการตกรถไม่ทันรถ ต้องเปลี่ยนเส้นทางเพื่อต่อรถ เพื่อให้เราเดินทางถึงจุดหมายที่เราต้องการ ไม่ว่าระหว่างทางจะเป็นอย่างไร ต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เรานั้นถึงจุดหมายเราจะมีความสุขกับการเดินทางครั้งนี้และจดจำมันไปตลอดอย่างแน่นอน ภาพถ่ายทั้งหมดเป็นของผู้เขียน (อุ้งเท้าแมว)🗺 แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”