ในช่วงวันหยุดยาว 4-7 กันยายน หลายคนคงเริ่มมองหาที่เที่ยวแบบใกล้ชิดธรรมชาติ และบรรยากาศดี ๆ วันนี้เราจึงขอแนะนำให้เพื่อน ๆ รู้จักกับ “เขื่อนเชี่ยวหลาน” หรือชื่อที่เป็นทางการว่า “เขื่อนรัชชประภา” ซึ่งเป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งที่สองของภาคใต้ตั้งอยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ความงามของเขื่อนเชี่ยวหลานนี้ทำให้หลาย ๆ คนที่เคยมาเยือนยกย่องให้เป็น “กุ้ยหลินเมืองไทย” เพราะที่นี่มีทัศนียภาพของเทือกเขาหินปูน ที่รายล้อมด้วยผืนน้ำสีเขียว ทำให้คล้ายกับกุ้ยหลิน ในประเทศจีน สำหรับการไปเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลานนั้น เราสามารถไปเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลานได้ตลอดทั้งปี แต่ที่นี่จะสวยมากหากอากาศเย็น ๆ มีหมอกปกคลุม และสามารถพักกับที่พักได้หลายแบบคือ 1. พักบนแพ ที่ตั้งอยู่ภายในเขื่อน 2. หาที่พักใกล้ ๆ กับเขื่อนและเช่าเรือหางยาวเพื่อไปเที่ยวชมความงามของเขื่อนในเวลาเช้า เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น หรือตอนเย็นเพื่อชมพระอาทิตย์ตกดิน 3. พักโรงแรมในจังหวัดสุราษฎร์ฯ หรือจังหวัดใกล้เคียงแล้วซื้อทัวร์แบบไปเช้าเย็นกลับ หากใครมีเวลาหลายวันและต้องการที่จะพักแบบใกล้ชิดธรรมชาติจริง ๆ เราแนะนำให้ค้างคืนที่บนแพ ซึ่งจะมีให้เลือกหลาย ๆ แห่งตามงบประมาณที่เรามี แพแต่ละแห่งก็จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกแตกต่างกันออกไป มีตั้งแต่เรียบง่าย อยู่กับธรรมชาติจริง ๆ แบบมีแค่พัดลม ไปจนถึงห้องแอร์ เหมือนพักอยู่ในโรงแรมสี่หรือห้าดาว การเดินทางมาที่เขื่อนเชี่ยวหลานที่สะดวกที่สุดคือทางรถยนต์ หากเราจองที่พักไว้ก็สามารถใช้บริการรถรับส่งจากทางโรงแรมได้ หรือจะเช่ารถยนต์จากสนามบิน แล้วขับไปจอดที่ลานจอดรถก็ได้เช่นกัน ตัวอย่างที่พักบนแพ เช่น ของอุทยานแห่งชาติ ซึ่งเป็นแบบราคาไม่แพง มีให้เลือกหลายแพ เช่น แพนางไพร แพไกรสร แพโตนเตย สามารถโทรไปจองได้ 0-2562-0760 หรือทางเว็บไซต์ที่ www.dnp.go.th ส่วนแพที่เหมือนกับพักในโรงแรมสี่-ห้าดาว ก็เช่น แพพันวารีย์ รีสอร์ตหรูกลางทะเลสาบที่มีฉากหลังภูเขาหินปูน หรือแพ 500 ไร่ ที่วิวสวยและ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน สำหรับคนที่ไม่ชอบพักในแพ เพราะช่วงกลางคืนจะไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ จะพักในเมืองใกล้เคียงแล้วใช้บริการบริษัทนำเที่ยวต่าง ๆ แบบไปเช้าเย็นกลับได้ โดยมีหลาย ๆ บริษัทที่มีบริการรับส่งทั้งจากในจังหวัดสุราษฎร์ธานีเอง และจังหวัดใกล้เคียงอย่าง กระบี่ และภูเก็ต ตัวอย่างบริษัททัวร์ที่ให้บริการนำเที่ยวที่รวมรถรับส่งจากที่พัก กิจกรรมต่าง ๆ เช่น พายเรือแคนู ล่องแพไม้ไผ่ สำรวจป่า ถ้ำปะการัง และอาหารกลางวันบนแพ หรือหากจะหาที่พักบริเวณรอบ ๆ เขื่อนก็มีให้เลือกหลายราคา หลายแบบซึ่งเหมาะกับคนที่ไม่ชอบนอนในแพ แต่ก็ยังอยากอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ แต่ก็ยังสามารถเลือกใช้บริการเช่าเรือหางยาวเพื่อล่องเรือเที่ยวในเขื่อน และไปเดินเล่นในแพต่าง ๆ หรือจะไปแวะทานอาหารกลางวัน บนแพ รวมทั้งไปทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่นพายแคนู ได้ด้วย กิจกรรมต่าง ๆ ที่เราสามารถทำได้ เมื่อมาเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน เช่น นั่งเรือเล่นเพื่อชมความงามของเขื่อนและชมเขาสามเกลอแลนด์มาร์คสำคัญของเขื่อนเชี่ยวหลาน, เดินสำรวจป่าเพื่อชมธรรมชาติ, ชมหินงิกหินย้อยในถ้ำปะการัง, เดินขึ้นไปบนยอดเขาเพื่อชมวิวจากมุมสูง, เที่ยวน้ำตก, ล่องเรือชมวิถีสัตว์ป่า, พายแคนู, ให้อาหารปลา เป็นต้นค่ะ นอกจากค่าที่พักแล้ว จะมีค่าเข้าชมอุทยาน ผู้ใหญ่ 50 บาทต่อคน - เด็ก 30 บาทต่อคน ค่าเข้าชมถ้ำปะการัง ผู้ใหญ่ 200 บาทต่อคน - เด็ก 100 บาทต่อคน ในเรื่องของอาหารการกิน ภายในบริเวณรอบ ๆ อุทยาน ก็มีร้านอาหารให้เลือกหลายแบบ ทั้งอาหารไทย, อาหารตะวันตก, ร้านกาแฟ ซึ่งร้านอาหารส่วนใหญ่จะตั้งอยู่บริเวณสองฝั่งของสะพานก่อนที่เข้าไปในตัวอุทยาน ดังนั้นแล้วเขื่อนเชี่ยวหลานจึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ ที่ห่างไกลความวุ่นวาย ให้ได้ใช้เวลาพักผ่อนกับธรรมชาติอย่างเต็มที่ แต่ยังตอบโจทย์ในเรื่องความสะดวกสบาย เดินทางง่ายและราคาสบายกระเป๋า ภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียน