ใครกำลังอยากได้แรงบันดาลใจ กำลังใจ พลังใจใด ๆ ก็ตาม เราขอแนะนำทริปนี้ ชวนเพื่อนไปด้วย ไปสร้างพลังใจไปพร้อม ๆ กันโดยการไปกราบพระขอพรวัดดังถึง ๕ วัด แถมด้วยสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองกรุงเทพฯ ของเราอย่าง ศาลหลักเมือง แถมให้ด้วยกับมื้อพิเศษ อาหารระดับมิชลินสตาร์ และตบท้ายด้วยของหวานแสนอร่อย ที่คาเฟ่น่ารัก ๆ วัดที่ ๑ วัดยานนาวา เริ่มที่วัดแรกวัดยานนาวา เนื่องจากถือว่าเป็นจุดนัดพบกับเพื่อน ๆ ที่ดีมาก ไม่ว่าจะรถเมล์ รถไฟฟ้า หรือเรือก็ตาม ต่างก็ผ่านวัดยานนาวาด้วยกันทั้งนั้น จุดเด่นของวัดยานนาวาคือ เจดีย์เรือสำเภาเก่าแก่ที่ถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาที่ ๓ เป็นเจดีย์ที่มีความงดงามแตกต่างจากวัดอื่น ๆ วันนี้เราแนะนำให้ไปกราบสักการะพระพุทธรูปบนเจดีย์เรือสำเภากัน วัดที่ ๒ วัดสระเกศ (วัดภูเขาทอง) จากวัดยานนาวามายังวัดสระเกศ เราสามารถเดินทางโดยรถเมล์ สาย ๑๕ เมื่อลงรถเดินเข้ามาอีดนิดจะพบกับทางขึ้นภูเขาทอง ค่อย ๆ เดินหรือจะแวะตีฆ้อง หรือตีระฆังเป็นการพักเหนื่อยก็ได้ ถ้าพูดถึงวัดสระเกศทุกคนจะนึกถึง แร้ง เพราะในสมัยก่อนได้เกิดโรคระบาด (อหิวาตกโรค) ทำให้มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก ในสมัยก่อนห้ามเผาศพในเขตกำแพงเมือง ดังนั้นทุกวันจึงมีศพถูกลำเลียงออกมาทางประตูผี ซึ่งเป็นประตูเมืองเพียงประตูเดียวที่อนุญาตให้นำศพออกมา วัดสระเกศอยู่ใกล้ประตูผีมากที่สุด จึงต้องรองรับศพมากมาย บางทีเผาไม่ทัน จึงเป็นที่ดึงดูดแร้งจากที่ต่าง ๆ ให้มากินซาก ๑ ศาลหลักเมือง จากวัดสระเกศ เดินทางมายังศาลหลักเมือง เราใช้บริการแท็คซี่ ค่าเดินทางประมาณ ๕๐ บาท เมื่อมาถึงวัดจะพบกับจุดจำหน่ายเครื่องสักการะเสาหลักเมือง ซึ่งประกอบไปด้วย ธูป เทียน ดอกไม้ พวงมาลัย ผ้าสามสี และน้ำมันสำหรับเติมตะเกียง ทั้งหมดเพียงชุดละ ๖๐.- บาท ในอดีต เสาหลักเมือง มีเพียงอันเดียวเท่านั้น และมีเพียงศาลาปลูกไว้กันแดดกันฝนเท่านั้น ซึ่งชำรุดไปมากในสมัยรัชกาลที่ ๔ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นมาอีกเสาหนึ่ง ดังนั้นเราจึงเห็น ๒ เสานั่นเอง วัดที่ ๓ วัดพระแก้ว จากศาลหลักเมือง มายังวัดพระแก้ว เราสามารถเดินเท้าข้ามฝั่งมาได้ไม่ไกล สำหรับการแต่งกายมาวัดพระแก้ว ต้องใส่กางเกงขายาวเท่านั้น และห้ามแขนกุด สายเดี่ยวโดยเด็ดขาด วัดพระแก้ว เป็นวัดที่ รัชกาลที่ ๑ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น โดยถูกสร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ.๒๓๒๕ และมีพระราชประสงค์ให้เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต พระคู่บ้านคู่เมืองของพวกเราชาวไทย มื้อพิเศษ ระดับมิชลินสตาร์ 'ตงกิน อันนัม' มาพักอากาศร้อน ๆ ไว้ก่อนที่ร้านอาหารเวียดนามชื่อดังระดับมิชชินสตาร์ จากวัดพระแก้วสามารถเดินออกมาได้เลย พิกัดใกล้ท่าเตียน แนะนำเลยว่าให้โทรจองก่อน ๑ อาทิตย์ไปเลย ถ้า walk in มีโอกาสสูงที่จะรอคิวไม่ไหว โทรจอง: 093-469-2969 เวลาเปิดปิด: 11.00 น. - 21.30 น. เมนูที่ห้ามพลาดแน่ ๆ เลยก็คือแหนมเนืองนั่นเอง คุณจะได้รับรู้ถึงรสชาติความเป็น Original ของอาหารเวียดนามจริง ๆ ได้ที่นี่ นอกจากนี้เมนูอื่น ๆ ก็เด็ดไม่แพ้กัน เช่น สลัดหัวปลี, หมูย่างใบชะพลู เราชอบความปราณีตในการจัดตกแต่งอาหารมาก ๆ วัดที่ ๔ วัดโพธิ์ (วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม) อิ่ม อร่อย เพิ่มพลังกันเต็มที่แล้ว เดินเข้าวัดกันต่อที่วัดโพธิ์ วัดนี้ถือเป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๑ นอกจากนี้ยังเปรียบเสมือนเป็นมหาวิทยาลัยที่แรกของประเทศของเราอีกด้วย เนื่องจากเป็นที่รวบรวมจารึกสรรพวิชาหลากหลายแขนง แน่นอนว่ามาวัดโพธิ์เราจะต้องมากราบองค์พระไสยาส ซึ่งเป็นพระพุทธรูปนอนขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ ๓ ของประเทศ โดยลักษณะพิเศษคือ ที่พระบาทประดับมุกภาพมงคล ๑๐๘ ประการ วัดที่ ๕ วัดบวรนิเวศวิหาร จากวัดโพธิ์ มายังวัดบวร เราเดินทางโดยรถตุ๊ก ๆ ราคาเพียง ๖๐ บาทเท่านั้น เรียกได้ว่านั่งชมเมืองสบาย ๆ เลยหล่ะ วัดบวรเป็นวัดที่มีความพิเศษกว่าวัดอื่นคือมีพระประธาน ๒ องค์ ได้แก่พระพุทธชินสีห์ และพระโต งดงามมาก ๆ นอกจากนี้วัดบวรยังเป็นที่เก็บพระบรมราชสรีรางคาร ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ อีกด้วย โดยอัญเชิญบรรจุลงในถ้ำศิลาใต้ฐานบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ คาเฟ่น่ารัก แสนอร่อย 'ณ บวร' เราขอปิดทริปในวันนี้ด้วยค่าเฟ่ ณ บวร ซึ่งอยู่ข้าง ๆ วัดบวรนั่นเอง เดินข้ามถนน และเดินต่อไปอีกนิด ร้านเล็ก น่ารัก บริการดี เป็นกันเองมาก ๆ มีน้ำเปล่าให้กดทานได้ด้วย สำหรับเมนูเด็ดที่เราอยากแนะนำคือ ปังปิ้งสังขยา โดยมีให้เลือก ๒ อย่างคือ สังขยาชาไทย หรือสังขยาใบเตย บอกได้แต่ว่าอร่อยไม่แพ้กัน ควรได้ลองทั้ง ๒ อย่างจ้า ส่วนเมนูน้ำดื่ม เราชอบสุด ๆ คือช็อคโกแลตเย็น จะบอกว่าทำได้เข้มข้นมาก ๆ ดื่มแล้วสดชื่น ลืมเหนื่อยไปเลยจ้า ปิดทริปแบบหวาน ๆ ไว้มีทริปใหม่ ๆ แล้วจะมาแบ่งปันอีกนะคะ :) Credit: รูปทั้งหมดถ่ายโดยผู้เขียนค่ะ