พอเริ่มเข้าเดือนพฤศจิกายน ความอยากเดินทางท่องเที่ยวก็เริ่มก่อตัวขึ้น มันรู้สึกว่าเป็นเดือนที่อากาศดี ไม่มีฝน และไม่ร้อนจนเกินไป จึงตัดสินใจไปเที่ยวกันดีกว่า เกาะกูดมั้ย? มีคนเสนอขึ้นมา ตอบทันทีว่าเอาซิ แต่มันอยู่ที่ไหนนะ? เกาะกูด อยู่ในเขตจังหวัดตราด ตั้งอยู่ภาคตะวันออกของไทย มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ หาดทรายขาว น้ำทะเลใส รอให้ผู้คนได้ไปสัมผัส และชื่นชมมนต์เสน่ห์ของเกาะสุดท้ายแห่งน่านน้ำตะวันออกไทย ที่จะเติมเต็มพลังกายพลังใจให้กับผู้มาเยือน ช่วงเวลาที่เราเดินทาง: วันที่ 8-10 พ.ย. 2563 ขอเริ่มทริปอย่างเป็นทางการ กับสถานที่ที่อยู่บนฝั่งก่อน "เขาระกำ" ซึ่งเป็นทางผ่านไปยัง ท่าเรือแหลมศอก ท่าเรือที่เราจะขึ้นไปยังเกาะกูด เขาระกำ เป็นที่ตั้งของ "เรือนจำชั่วคราวเขาระกำ" เรือนจำธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของไทย เป็นสถานที่ฝึกอาชีพของผู้ต้องขังที่ใกล้พ้นโทษ เรือนจำโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ บรรยากาศเหมือนสวนสาธารณะ ให้ผู้คนได้มาพักผ่อน ชมวิวทิวทัศน์ มีแปลงดอกไม้ รูปปั้นต่าง ๆ และมุมสวย ๆ ให้ได้ถ่ายรูปเช็กอินมากมาย ภายในมีร้านอาหารที่ผู้ต้องขังเป็นผู้จัดการดูแล มีเมนูกาแฟ ขนม ของหวาน ไปจนถึงอาหารจานหลัก สำหรับไว้บริการแก่ผู้มาเยือนได้มานั่งพักทานของว่าง พร้อมกับชมวิวที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ที่นี่อากาศดีเลยทีเดียว มีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปเยอะ เหมาะที่จะมาดื่มด่ำบรรยากาศพร้อมกับเก็บภาพสวย ๆ และแวะมาให้กำลังใจผู้ต้องขังที่กำลังจะได้กลับคืนสู่สังคมอย่างมีคุณภาพ มีเม่นให้นักท่องเที่ยวให้อาหารด้วย แต่กลิ่นน้องค่อนข้างแรงหน่อยนะ ไปต่อยังท่าเรือแหลมศอก จุดเริ่มต้นที่จะพาเราไปยังเกาะกูด ก่อนถึงท่าเรือจะมีจุดเช็กอินขึ้นเรือ เราใช้บริการของบริษัท เกาะกูด ปริ๊นเซส สำหรับคนที่นำรถส่วนตัวมา สามารถจอดรถไว้ที่นี่ได้เลย เพราะมีบริการที่จอดรถให้ (เกาะกูดไม่สามารถนำรถข้ามไปยังเกาะได้) ไปถึงก็วัดอุณหภูมิ ติดสติ๊กเกอร์ นำสัมภาระต่าง ๆ ลงจากรถ ซักพักก็มีรถสองแถวมารับไปท่าเรือ ใช้เวลาประมาณ 3 นาทีก็ถึง ที่ท่าเรือมีทั้งเรือลำเล็ก ลำใหญ่ แตกต่างกันไปตามบริษัท เมื่อกายพร้อมใจพร้อมก็ขึ้นเรือได้เลย เราเดินทางรอบเวลาเที่ยงครึ่ง ท้องฟ้าสดใสดีมาก ขึ้นไปถ่ายรูปบนดาดฟ้าเรือ น้ำทะเลสีครามจรดกับท้องฟ้าสีฟ้าอ่อนสวยงามสบายตา 1 ชั่วโมงครึ่งผ่านไป เรือก็พาเรามาถึงเกาะกูด เกาะสุดท้ายแห่งน่านน้ำตะวันออกไทย ขนสัมภาระขึ้นมาจากเรือ ก็จะมีรถมารอรับ เมื่อเจอรถที่ใช่ของเราก็ขึ้นโล่ดดด ทริปนี้พักกันที่ "บ้านคลองเจ้า โฮมสเตย์" เป็นที่พักติดธรรมชาติ อยู่ริมคลองเจ้าอันเงียบสงบ ห้องติดริมน้ำมี 4 ห้อง เราเลือกห้องริมสุดที่ยื่นออกไปหาน้ำมากสุด ในห้องมีแอร์ ทีวี สิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานต่าง ๆ หน้าห้องเป็นเรือนชานไว้นั่งเล่นพักผ่อน ดูรวม ๆ ก็สะอาดดี แต่ห้องแอบมีกลิ่นฝุ่น และผ้าห่มค่อนข้างเก่า อาจเป็นเพราะว่าปิดไปนานเนื่องจากโควิด แต่เราก็รับได้นะ คิดซะว่าได้อารมณ์แบบบ้าน ๆ ดี มาถึงคือหิวมาก เพราะระหว่างเดินทางจากฝั่งมาเกาะเป็นช่วงเที่ยงพอดี แนะนำให้หาข้าวเที่ยงทานก่อนขึ้นเรือ หรือพกของมากินระหว่างทางเพื่อรองท้อง สำหรับข้าวกลางวัน (ตอนบ่าย 3) มื้อแรกของเราที่เกาะกูด ฝากท้องไว้ที่ "ร้าน ระเบียงไม้" อยู่ตรงหน้าโฮมสเตย์เลย รู้สึกว่าจะเป็นร้านของลูกเจ้าของโฮมสเตย์ โต๊ะเราสั่งผัดไทยทะเล และราดหน้าทะเล ทานแล้วรู้สึก หืมมม อร่อยเกินคาด วัตถุดิบสด เนื้อแน่น ฟินมาก ระหว่างกินข้าวก็คิดไปด้วยว่าเวลาที่เหลือของวันนี้จะทำอะไรดี เลยถามเรื่องเช่ามอเตอร์ไซค์กับพนักงานร้านอาหาร เพราะเค้ามีบริการมอเตอร์ไซค์ให้เช่าด้วย เรทอยู่ที่วันละ 200 บาท เลยตัดสินใจเช่ามอเตอร์ไซค์เพื่อเที่ยวรอบเกาะ ด้วยความที่ไม่ได้เตรียมตัวมาว่าจะไปจุดไหนบ้าง ก็เลยเสิร์ชกูเกิลดูตอนกินนี่แหละ กินไปเสิร์ชไป และไปสะดุดใจที่ "แหลมต้นสน" เพราะเห็นรูปที่รีวิวในกูเกิล พระอาทิตย์ตกสวยมาก เลยปักหมุดไว้ กินอิ่มก็ออกแว้นกันทันที ขี่ไปตามถนนใหญ่ซักพัก แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนเล็ก ๆ ซึ่งไม่ค่อยมีรถผ่าน และเปลี่ยวพอสมควร แต่ด้วยความเปรี้ยวก็ไปเรื่อย ๆ ระหว่างทางคือตื่นเต้นมาก กลัวหลงสุด ๆ กลัวรถล้มด้วย เพราะพื้นที่บนเกาะมีเนินสูงชัน ใจแอบแป้วเบา ๆ แต่ก็รู้สึกผจญภัยดี ขี่มาจนเจอต้นมะพร้าวเยอะมาก และทางก็ขรุขระมากเช่นกัน ไปต่อไม่ไหวเลยหาที่จอดรถ และลงไปเดินดูหาดที่อยู่ตรงนั้น เดิน ๆ ไปก็พอจะเห็นแสงพระอาทิตย์ที่กำลังจะตก เลยได้รูปมานิดหน่อย หาดและน้ำทะเลที่แหลมต้นสนนิ่งสงบมาก ใครที่ต้องการมานั่งมองฟ้า ดูน้ำทะเล เพื่อซึมซับบรรยากาศและความเงียบสงบ แนะนำที่นี่เลย ได้ความเป็นส่วนตัวสุด ๆ หลังจากนั้นก็ขี่รถออกมา ก่อนเข้าที่พักแวะ "หาดคลองเจ้า" ซึ่งอยู่ใกล้กับที่พักเรา และเราก็มาที่หาดนี้ทั้ง 3 วันเลย หาดคลองเจ้ายามเช้า ไฮไลท์ของหาดนี้ คือ ต้นมะพร้าวคู่ ที่เอนลงสู่ท้องทะเล จุดถ่ายรูปยอดฮิตของเกาะกูด เราเพิ่งรู้ในวันที่ 2 ว่ามันอยู่ที่หาดนี้ ต้นมะพร้าวขนานไปกับพื้นสวยงามแปลกตา รู้สึกว้าวมาก ๆ ในช่วงเย็นน้ำจะขึ้น ทำให้เหลือหาดทรายนิดเดียว ถ้าอยากเห็นหาดทรายกว้าง ๆ ต้องมาช่วงเช้า หรือจะมาดูพระอาทิตย์ตกที่หาดแห่งนี้ก็สวยไม่เบา หลังจากแวะแตะน้ำทะเลที่หาดคลองเจ้าก็เข้าสู่ที่พัก ทานมื้อเย็นที่จัดสรรโดยโฮมสเตย์ เค้ามีเมนูมาให้เลือก เราจัดเมนู ปลาต้มส้ม กับยำปลาหมึก วัตถุดิบดีมาก สด อร่อย เนื้อแน่น ชักติดใจอาหารของที่นี่แล้วหล่ะสิ ระหว่างทานมื้อเย็น เจ้าของโฮมสเตย์ก็มาคุยด้วย เลยขอคำแนะนำเรื่องเช่ารถพร้อมคนขับ เพราะจากประสบการณ์เมื่อตอนเย็น คิดว่ามอเตอร์ไซค์คงไม่เหมาะกะพวกเราซักเท่าไหร่ เจ้าของโฮมสเตย์เลยติดต่อกับคนรู้จักให้ ซึ่งเป็นคนท้องถิ่นที่นำเที่ยวเป็นประจำอยู่แล้ว เราก็ตกลงเช่ารถพร้อมคนขับเพื่อเที่ยวรอบเกาะกูด วันที่สอง ณ เกาะกูด (9 พ.ย. 2563) เที่ยวรอบเกาะโดยเช่ารถพร้อมคนขับ ตื่นเช้าเปิดประตูออกมา ก็เจอกับหมอกขาวลอยเหนือผืนน้ำสีเขียว ฉากหลังเป็นป่าโกงกาง อากาศก็เย็นสบาย มันฟินไปถึงหัวใจเลย มีชาวบ้านพายเรือผ่านมาพอดี ได้ฟีลสโลว์ไลฟ์มาก ๆ สามารถดื่มด่ำกับวิว และบรรยากาศหน้าที่พักได้อย่างหนำใจเลยหล่ะ จากนั้นก็ไปทานข้าวเช้า อาหารเช้าวันนี้เป็นข้าวต้มทะเล รสชาติไม่ผิดหวัง ซดน้ำร้อน ๆ สดชื่น โล่งคอมาก แปดโมงครึ่ง รถที่เจ้าของโฮมสเตย์นัดไว้ก็มารอรับ เราสามารถบอกกับคนขับได้เลยว่าอยากไปไหนบ้าง เค้าก็จะช่วยแนะนำสถานที่เพิ่มเติมให้ เพราะเค้าเป็นคนท้องถิ่น รู้จักแหล่งท่องเที่ยวและเส้นทางเป็นอย่างดี สถานที่แรกที่ไป คือ "ต้นมะค่ายักษ์" เกาะกูดเป็นเกาะที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์เลยทีเดียว ต้นมะค่ายักษ์สูงใหญ่ อายุหลายร้อยปี และแอบมีผ้าสามสีพันไว้ด้วย อะเมซิ่งไทยแลนด์ เห็นครอบครัวฝรั่ง พ่อ แม่ ลูก แวะมาดูด้วยเช่นกัน ต้นมะค่ายักษ์ ไปต่อกันที่ "ต้นไทรยักษ์" ความรู้สึกคือสูงใหญ่ อลังการกว่าต้นมะค่าเมื่อกี้อีก สัมผัสได้เลยว่าป่าไม้ของที่นี่อุดมสมบูรณ์ และอากาศก็เย็นสบายสดชื่นมาก ๆ และแล้วก็ได้เวลาสัมผัสกับหาดทราย ทะเล สายลม ที่ "หาดคลองมาด" อยู่ไม่ไกลจากต้นมะค่า และต้นไทรยักษ์เท่าไหร่ หาดสวย เงียบสงบ มีรีสอร์ตตั้งอยู่หน้าหาด แต่คนข้างนอกก็สามารถมาเดินเล่นและเล่นน้ำได้ มีสะพานไม้ทอดยาวลงไปสู่ทะเลให้ถ่ายรูป สะพานไม้ช่างลงตัวเหมาะเจาะกับน้ำทะเลสีครามมาก ๆ ถ่ายรูปเพลินเลย ส่วนหาดทรายก็ขาวละเอียด และยังมีโขดหินที่ขนานไปกับสะพานไม้ด้วย จะยืนหรือนั่งโพสท่าเป็นนางเงือกก็สุดแล้วแต่ใจ สถานที่ต่อมา "หาดบางเบ้า" สีน้ำสวยใสเป็นสีเขียวเทอควอยซ์เชียวแหล่ะ มองแล้วสบายตา สบายใจมาก ๆ มีชิงช้าให้นั่งแกว่งไกวลงไปในทะเล โพสท่าถ่ายรูปเก๋ ๆ สดใสท้าสายลม แสงแดด เผลอแป๊บเดียวก็ผ่านไปได้ครึ่งวันแล้ว เริ่มรู้สึกหิว จึงออกจากหาดบางเบ้า ตรงไปยัง "บ้านอ่าวใหญ่" ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวประมง ร้านอาหารส่วนใหญ่ในเกาะกูด ก็ใช้วัตถุดิบสด ๆ จากที่นี่ ข้าวกลางวันเรากินที่ร้าน ซีเดอะซัน ซีฟู้ด (ร้านอาหารตรงนี้มีให้เลือกไม่เยอะมาก) นั่งเติมพลังไปชั่วโมงกว่า ๆ ก็ออกเดินทางต่อ ที่นี่อาหารทะเลให้เยอะมาก ไม่แน่ใจว่าอาหารทะเลกะเนื้อหมู อันไหนจะแพงกว่ากันเมื่อมาอยู่ที่นี่ ริมถนนก่อนถึงบ้านอ่าวใหญ่จะมีจุดชมวิว มองไปจะเห็นหมู่บ้านชาวประมง ที่ถูกห้อมล้อมด้วยผืนฟ้าและน้ำทะเลสีคราม จากนั้นแวะที่ "อ่าวพร้าว" เข้ามาก็พอเดาได้ว่าทำไมถึงชื่ออ่าวพร้าว เพราะต้นมะพร้าวเยอะ หาดสงบ ไม่มีคน รู้สึกเหมือนหาดส่วนตัวยังไงยังงั้น หาดนี้น้ำใสมาก ต้องกับแสงแดดเป็นประกายระยิบระยับเลย มัลดีฟส์ก็มัลดีฟส์เถอะ เกาะกูดบ้านเราสู้ได้สบาย ๆ ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกรัว ๆ ไปต่อกับแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ไม่ใช่ทะเลกันบ้าง "เขาเรือรบ" ลักษณะเป็นก้อนหินใหญ่ ๆ ที่เค้ามองกันว่าเหมือนเรือรบมาจอดเทียบท่า เลยเป็นที่มาของชื่อ ซึ่งก็มีความคล้ายจริง ๆ ชุ่มฉ่ำกายใจกันต่อที่ "น้ำตกคลองเจ้า" เป็นน้ำตกขนาดกลาง ต้องเดินเข้าไปนิดนึง ระหว่างทางก็ชมนกชมไม้ไป ตรงทางเข้าจะมีเสื้อชูชีพให้เช่า สำหรับใครที่ต้องการเสื้อชูชีพก็เช่าได้เลย เดินไปเรื่อย ๆ ก็จะเริ่มเห็นโขดหินที่เป็นทางน้ำไหลของน้ำตก เสียงน้ำตกซู่ซ่า มันช่างเร้าใจจริง ๆ เดินต่อไปโดยเลาะโขดหินและปีนไปตามเชือก ข้ามหินหลายก้อนเหมือนกัน ทางตรงนี้จะค่อนข้างแอดเวนเจอร์ ต้องใช้ความระมัดระวัง เดินต่อมาอีกนิดก็จะพบกับจุดไฮไลท์ เป็นม่านน้ำตกที่ไหลจากหน้าผาลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง น้ำสีเขียวใส ท่ามกลางความร่มรื่นของป่าไม้ ละอองน้ำสาดกระเซ็นปะทะกับร่างกาย ช่างเย็นสดชื่นจริง ๆ น้ำตกเย็นมาก มีปลาเล็กปลาน้อยแหวกว่ายหยอกล้อเล่นกับเรา (ปลาตอด) ฟินมากกับการเล่นน้ำตก ปิดท้ายวันนี้ ด้วยการเล่นน้ำ และดูพระอาทิตย์ตก ที่หาดคลองเจ้าอีกครั้ง จากนั้นก็เดินกลับที่พักด้วยความแฮปปี้ มาเกาะกูดสามารถจัดวันเดย์ทริปไปดำน้ำ ดูปะการัง ที่เกาะใกล้เคียงได้ เช่น เกาะรัง เกาะไม้ซี้ น่าเสียดายที่ครั้งนี้เรามีเวลาไม่พอ อรุณสวัสดิ์วันสุดท้ายที่เกาะกูด (10 พ.ย. 2563) สำหรับเช้านี้ ขอพายเรือคายัคจากหน้าที่พักไปหาดคลองเจ้าซักหน่อย ที่พักมีเรือคายัคให้พายฟรี ตอนแรกไม่กล้าเพราะว่ายน้ำไม่เป็น พอได้ลองพายจริง ๆ เฮ้ย! มันก็ไม่ยากอย่างที่คิดนะ อาจทุลักทุเลบ้างตอนลงกับตอนขึ้น ถ้าทรงตัวและทำเรือให้สมดุล ก็พายได้สบาย ๆ เลย พายเรือไป... ถ่ายรูปไป... ชมวิวไป... ประมาณ 10 นาที ก็ถึงหาดคลองเจ้า รู้สึกทึ่งปนงงนิด ๆ ที่มันสามารถพายเรือไปหากันได้ และอีกจุดที่สามารถพายเรือไปได้ ก็คือ น้ำตกคลองเจ้าทั้ง 3 สถานที่ (ทะเล คลอง น้ำตก) เชื่อมต่อกันหมดเลย บรรยากาศในตอนเช้าคลื่นแรงเลยแหล่ะ น้ำลดเห็นหาดทรายกว้าง เหมาะแก่การเดินเล่นมาก หลังซึมซับบรรยากาศดี ๆ เก็บไว้ ก็ได้เวลาพายเรือกลับ จองเรือกลับฝั่งไว้รอบ 10 โมงเช้า รถก็จะมารับตรงที่พักประมาณ 9 โมงครึ่ง ตรงบริเวณท่าขึ้นเรือจะมีร้านขายของฝาก สามารถแวะดูแวะชมกันได้ ด้วยความที่วันนี้คลื่นแรง เรามองจากฝั่งอาจดูเหมือนว่าเป็นคลื่นธรรมดา แต่พอนั่งเรือไปซักพัก เราจะสัมผัสได้เลยว่ากำลังโต้คลื่นอยู่ คลื่นแรงมาก ยิ่งอยู่กลางทะเล อะดรีนาลีนยิ่งหลั่ง ให้ความรู้สึกเหมือนเล่นเครื่องเล่นหวาดเสียวอยู่ โต้คลื่นพักใหญ่เลยเรือโคลงเคลง ลุ้นระทึกเหมือนกัน แต่ก็ถึงฝั่งอย่างปลอดภัย ทริปนี้มีครบรส ทั้งสวยงาม สงบ ตื่นเต้นผจญภัย ประทับใจเกาะกูดมาก แล้วเจอกันใหม่โอกาสหน้า "เกาะกูด" รูปถ่ายทั้งหมดโดย : ผู้เขียน บริการต่าง ๆ ที่ใช้ เรือข้ามเกาะ: เกาะกูด ปริ๊นเซส ที่พัก: บ้านคลองเจ้า โฮมสเตย์ รถพร้อมคนขับ: เพจเฟซบุ๊ก พยอม สปีดโบ๊ท ดำน้ำดูปะการัง ตกหมึก ตกปลา เช่าเหมาลำ