หากมีโอกาสไปเที่ยวทางตอนใต้ของประเทศเยอรมนีในหน้าร้อน เราขอแนะนำให้ไปเที่ยวแถวอุทยานแห่งชาติ Berchtesgaden ในเทือกเขาแอลป์ แคว้นบาวาเรีย ซึ่งจะได้ชมความงามของหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในหุบเขา ทะเลสาบ ที่สวยเหมือนภาพวาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทะเลสาบเคอนิกส์ Königssee ที่เป็นทะเลสาบธรรมชาติ ที่พื้นที่ส่วนใหญ่ของทะเลสาบตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Berchtesgaden นี้ ทะเลสาบนี้ ยาวประมาณ ที่ 7.7 กิโลเมตร ส่วนที่กว้างที่สุดอยู่ที่ 1.7 กิโลเมตร น้ำในทะเลสาบเคอนิกส์นี้ใสมาก จนได้รับการยกย่องว่าเป็นทะเลสาบที่สะอาดที่สุดในประเทศเยอรมนี ทะเลสาบเคอร์นิกส์ เป็นที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมจากชาวเยอรมัน และเพื่อนบ้านใกล้เคียงอย่างออสเตรียที่ชอบมาที่นี่ในวันหยุด เพราะการเดินทางสะดวกมากไม่ไกลจากเมืองซัลบวร์กของออสเตรีย ทะเลสาบเคอนิกส์ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาและหน้าผาสูง ยกเว้นก็แต่บริเวณชายฝั่งของทะเลสาบที่เป็นที่ราบ บริเวณน้ำตื้นริมตลิ่งที่ไม่ลึกมากและสามารถว่ายน้ำเล่นได้ และน้ำจะลึกเมื่อออกไปจากฝั่ง จุดที่ลึกที่สุดอยู่ที่ 190 เมตร ถือว่าเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดอันดับสามของประเทศเยอรมนี ทะเลสาบเกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งบนเทือกเขาแอลป์เมื่อนานมาแล้ว การเดินทางมาที่ทะเลสาบสามารถมาได้ด้วยรถบัส เช่น FlixBus จากเมืองมิวนิค (ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง) แล้วมาต่อด้วยรถบัสมาที่ท่าเรือ หรือที่สะดวกที่สุดคือรถยนต์ส่วนตัว มีที่จอดรถไว้บริการ ใกล้กับท่าเรือ โดยจ่ายเงินค่าจอดที่เครื่องจำหน่ายบัตรจอดรถอัตโนมัติ เลือกได้ว่าจะจอด หนึ่งชั่วโมง สามชั่วโมงหรือ หนึ่งวัน แต่ก่อนที่นี่ก็มีสถานีรถไฟแต่ยกเลิกบริการไปแล้วตั้งแต่ปี 2012 สถานีรถไฟเดิมได้เปลี่ยนไปเป็นร้านอาหารแล้วในตอนนี้ รางรถไฟเดิมตอนนี้ก็ใช้เป็นทางเดิน เนื่องจากความงดงามของทิวทัศน์ใบบริเวณรอบทะเลสาบเคอร์นิกส์นี้เองทำให้ที่นี่เป็นที่ ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอันดับต้น ๆ ของแคว้นบาวาเรีย โดยเฉพาะผู้ที่รักการผจญภัยและกิจจกรรมกลางแจ้งอย่างเดินป่า/เดินเขา ขี่จักรยานภูเขา ว่ายน้ำ (ยกเว้นบริเวณที่จอดเรือ) หรือมาล่องเรือเล่นในทะเลสาบ ดังนั้นแล้วในหน้าร้อนที่นี่จึงมีนักท่องเที่ยวมากวันหนึ่งประมาณห้าพันคน สำหรับคนที่ชอบเดินป่า มีทางให้เลือกทั้งแบบยากและง่าย มีจุดที่สามารถเดินไปชมน้ำตก ในอุทยานแห่งชาตินี้ หรือจะเดินไปที่โบสถ์ซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของทะเลสาบ หากเลือกเส้นทางที่ง่ายใช้เวลาในการเดินประมาณหนึ่งถึงสองชั่วโมงในเส้นทางที่ไม่ยากนัก หากเป็นครอบครัวที่มีเด็กอายุประมาณสิบขวบก็สามารถเดินได้ ถ้าจะนั่งเรือเล่นในทะเลสาบ หรือไปที่โบสถ์ St. Bartholomä สามารถซื้อตั๋วได้ที่ท่าเรือ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-40 นาที ถ้าซื้อตั๋วแบบไปกลับสามารถกลับเรือเที่ยวไหนก็ได้ ในช่วงวันหยุดหน้าร้อน จะมีเรือออกทุก ๆ สิบนาที ควรดูตารางเวลากลับไว้ก่อนเราจะได้เผื่อเวลาถูกว่าควรใช้เวลาที่โบสถ์นานแค่ไหน แนะนำว่าควรใช้เวลาอยู่ที่นั่นประมาณหนึ่งถึงสองชั่วโมง ยกเว้นว่าจะไปทานอาหารกลางวันที่นั่นก็อาจใช้เวลานานกว่านั้น เรือวิ่งในทะเลสาบได้ทั้งปี ยกเว้นบางครั้งในเดือนมกราคม หรือ กุมภาพันธ์ ที่อากาศจะเย็นมากจนน้ำในทะเลสาบเป็นน้ำแข็ง หรือวันที่ทัศนวิศัยไม่ดีเพราะมีหมอกหนา ครั้งสุดท้ายที่ทะเลสาบเป็นน้ำแข็งจนสามารถลงไปเดินได้คือหน้าหนาวปี 2005/2006 เนื่องจากเราไม่ได้เตรียมตัวมาเพื่อปีนเขา เราจึงเลือกที่จะชมความงามของทะเลสาบโดยนั่งเรือ คนขับเรือของเราแต่งกายด้วยชุดพื้นเมือง เขาไม่ได้แค่ขับเรือเฉย ๆ แต่จะทำหน้าที่ไกด์ไปด้วย เขาจะแนะนำจุดสำคัญ ๆ ที่เรือแล่นผ่าน เช่น จุดที่เคยมีเรือที่มีผู้แสวงบุญ 70 ชีวิตร่มในปี 1688 บนผาจะมีไม้กางเขนสีแดงอยู่เพื่อละลึกถึงผู้เสียชีวิต และไปถึงจุดที่มีผาหินล้อมรอบ เขาก็จะหยุดเรือลงและเป่าทรัมเป็ต แล้วหยุดรอให้เราได้ฟังเสียงที่กังวาลสะท้อนกลับมา ได้ยินแล้วทำให้เรารู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา สำหรับเราแล้วเราชอบความสงบของทะเลสาบเคอร์นิกส์ ไม่ใช่แค่ธรรมชาติที่สวยงาม เพราะหลาย ๆ ทะเลสาบก็สวยเท่านี้หรือสวยกว่านี้ แต่ที่นี่แม้จะมีนักท่องเที่ยวมาที่นี่เป็นจำวนมากในแต่ละวัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ดูอึดอัดเลย เราสามารถหามุมสงบนั่งเล่นชิล ๆ ริมทะเลสาบได้โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะไปรบกวนใคร หรือจะมีใครเข้ามารบกวน ที่สำคัญคือคุณภาพอากาศในบริเวณทะเลสาบดีมาก ไม่ใช่เพราะที่นี่มีภูเขาล้อมรอบและต้นไม้เยอะนะ แต่เป็นเพราะที่นี่ไม่มีมลพิษเนื่องจากทางการห้ามเรือที่ใช้น้ำมันวิ่งในบริเวณทะเลสาบให้เฉพาะเรือที่โดยสารที่ใช้ไฟฟ้าวิ่งได้เท่านั้น ทำให้เราหายใจได้เต็มปอด ความประทับใจที่เรามีต่อทะเลสาบเคอร์นิกส์ ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เราชอบประเทศเยอรมนี และกลับไปเยือนประเทศนี้บ่อย ๆ @ภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียน