Trip นี้เหมาะสำหรับคนที่มีวันหยุดไม่มากนัก แค่ประมาณ 2 คืน 3 วัน ก็ไปเที่ยวที่นี่ได้ แม้จะขึ้นชื่อว่า "ต่างประเทศ" แต่ก็เป็นประเทศใกล้ๆแค่นี่เอง นั่นก็คือ "รัฐปีนัง" ประเทศมาเลเซีย... สำหรับ trip นี้ผู้เขียนออกเดินทางจากจังหวัดสุราษฏร์ธานี และแน่นอนที่สุดเส้นทางที่จะเดินทางท่องเที่ยวไปยังปีนังที่ใช้งบประมาณแบบสบายๆ ประหยัด และใกล้สุดๆ นั่นก็คือการเดินทางด้วยรถไฟ...โดยผู้เขียนเริ่มจองตั๋วรถไฟผ่านระบบออนไลน์ ที่เว็บไซต์การรถไฟแห่งประเทศไทย สามารถเลือกขบวนรถ เลือกที่นั่ง และ print ตั๋วได้ด้วยตัวเอง การจ่ายเงินก็ได้ทั้งผ่านบัตรเครดิต และไปจ่ายที่สถานีรถไฟใกล้บ้าน นับว่าสะดวกมาก สำหรับใครที่ยังไม่เคยเดินทางโดยรถไฟ อยากได้บรรยากาศที่แตกต่างไปจากที่เคยก็ลองดูนะคะ แต่สำหรับการเดินทางไปปีนังไปได้หลายวิธีมากค่ะ ทั้งทางเครื่องบิน ทางรถไฟ หรือขับรถไปเองก็ได้ หรือจะไปรถไฟแล้วต่อด้วยรถตู้ก็ยังได้แต่สำหรับ trip นี้ ขอไปด้วยรถไฟยาวๆไปเลยนะคะหน้าจอเว็บไซต์และตัวอย่างตั๋วรถไฟที่จองออนไลน์ เปลี่ยนบรรยากาศนั่งรถไฟเที่ยวกันค่ะ สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนไปปีนังนอกจากจองตั๋วรถไฟ แล้วก็อย่าลืมหนังสือเดินทาง หรือ passport กันนะคะ และทริปที่ผู้เขียนใช้คือรถไฟแบบยาวๆรวดเดียวกันไปเลย สำหรับผู้สูงอายุ หรือผู้ที่เดินไม่สะดวก ไม่อยากแนะนำให้ไปโดยวิธีนี้ค่ะ เพราะเส้นทางระหว่างจุดต่างๆ ค่อนค้างไม่เอื้อต่อสุขภาพของผู้สูงวัยและผู้ที่ร่างกายไม่พร้อมมีลิฟท์ขึ้นลงก็จริงแต่ระยะจุดต่างๆค่อนข้างไกล และจำนวนผู้คนค่อนข้างหนาแน่น ภาษาอังกฤษสำคัญสำหรับการสื่อสารเพื่อถามข้อมูลเจ้าหน้าที่ หรือถามเส้นทางต่างๆ สำหรับการเดินทางไปปีนังครั้งนี้ผู้เขียนใช้เวลา 3 วัน 2 คืน โดยเริ่มเดินทางจากสุราษฏร์ธานี-หาดใหญ่, ค่ารถ 105 บาท รถออกจาก สถานีรถไฟสุราษฏร์ธานี 01.30 น.โดยประมาณ ถึงชุมทางหาดใหญ่ 07.30 น. จากนั้น นั่งรถไฟจากหาดใหญ่ต่อ-ปาดังเบซาร์ ค่ารถ 50 บาท ถึง ปาดัง เบซาร์ 08.30 น. รถไฟลงปุ๊บก็ปรับนาฬิกาให้เร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง เพราะเวลามาเลเซีย(UTC+8) ก็จะเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง จากนั้นก็ควักหนังสือเดินทาง(passport) ออกมาได้เลย เข้าแถวเพื่อประทับตราออกจากประเทศไทยที่ด่าน ต.ม. (Passport control ฝั่งThai immigration) ซึ่งออฟฟิศจะอยู่ด้านขวามือ ลงรถไฟปุ๊บก็สังเกตได้เลยง่ายๆ ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง จะลงตราประทับออกจากประเทศไทย จากนั้นก็เดินต่อไปเพื่อประทับตราเข้าประเทศมาเลเซีย ที่ฝั่งต.ม.มาเลเซีย (Malaysia immigration) เมื่อด้านเอกสารเรียบร้อยก็ไปแลกเงินสกุลมาเลเซีย นั่นก็คือ ริงกิต (MYR) ตอนแรกผู้เขียนกะว่าจะแลกเงินที่หาดใหญ่ปรากฏว่า เวลาไม่ทันเนื่องจากรถไฟหาดใหญ่-ปาดังฯ ออก 07.35 ฉะนั้นเลยต้องไปแลกที่ฝั่งปาดังเบซาร์ฝั่งมาเลเซีย ขออธิบายนิดหนึ่งก่อนว่า ปาดังเบซาร์ มี 2ฝั่ง เมื่อเรานั่งรถไฟจากหาดใหญ่ไป จะเจอปาดังเบซาร์ฝั่งไทยก่อน จากนั้นอีกประมาณ5นาที ก็จะถึงปาดังเบซาร์ฝั่งมาเลเซีย เมื่อถึงตรงนี้ถึงลงได้ โอเค...รอประทับตราออกจากประเทศไทย ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองปาดังเบซาร์ เมื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้ว แลกเงินแล้ว ก็ไปซื้อตั๋วรถไฟ (KTM Komuter) จากปาดังเบซา์ไป บัตเตอร์เวอร์ธ(Padang Besar-ButterWorth) สนนราคาค่าตั๋ว จะอยู่ที่ 11.40 ริงกิต (วันที่ไปค่าเงินอยู่ที่ประมาณ 7.79-8บาท ) คิดง่ายๆ ก็เอา 8 ไปคูณ ก็ตกประมาณ 91.20 บาท นั่งรถไฟ KTM ประมาณ 1.40 - 2 ชั่วโมงแล้วแต่ว่ารถเสียเวลาหรือไม่ เพราะตอนขาไปผู้เขียนต้องบอกว่าก็นานอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง แต่พอวันกลับ จับเวลาดูประมาณ1.40ชั่วโมงฉะนั้นคิดว่าบวกลบไม่เกินนี้ สำหรับตั๋วที่ได้ ผู้เขียนได้รอบ 10.35 น. และขอบอกเลยว่ารถมาตรงเวลาและออกตรงเวลาค่ะถ้ามาช้าคือพลาดรอเที่ยวต่อไปได้เลย ***ย้ำกันนิดหนึ่งว่า ตั๋วรถหรือตั๋วเรือใดๆก็แล้วแต่ให้เก็บรักษาให้ดี เพราะที่นี่ใช้ระบบสแกนประตูเปิดปิด หากทำตั๋วหายจะต้องวุ่นวายจ่ายค่าปรับ แถมเสียเวลาด้วยนะคะ ฉะนั้นเก็บตั๋วให้ดีค่ะช่องขายตั๋ว ซื้อตั๋วรถไฟปาดังเบซาร์ไปบัตเตอร์เวอร์ธ ซื้อที่ช่องหมายเลข 1ตัวอย่างตั๋วและหน้าตารถไฟ KTM Komuter จากปาดังเบซาร์ไป บัตเตอร์เวอร์ธ ที่ Butterworth Railway Station นั่งบนรถไฟซึ่งลักษณะคล้ายๆรถไฟฟ้าที่ประเทศไทย ประมาณ 2 ชั่วโมงก็มาถึงสถานี Butterworth ประมาณ 12.35 น. ยังนะคะยังไม่ถึงปีนังต่อไปเราจะไปซื้อตั๋วเรือเฟอรี่เพื่อเดินทางจากButterworth ไปปีนังกันค่ะ เส้นทางจากสถานีรถไฟ ไปเคาเตอร์ขายตั๋วเฟอรี่ก็บอกเลยว่าเดินกันยาวๆ สำหรับตั๋วเรือเฟอรี่มีราคา 1.20 ริงกิต คิดเป็นเงินไทยก็ตกอยู่ที่ 9.6 บาท ซื้อแค่ขาเดียว ขากลับขึ้นฟรี เนื่องจากแถวยาวมาก กว่าผู้เขียนจะได้ตั๋วเรือปรากฏว่าไม่ทันเรือรอบบ่ายโมง ฉะนั้นจึงต้องรอรอบต่อไปคือ บ่าย 2 โมงค่ะ ระหว่างนั้นก็ได้เวลา Charge battery มือถือเพราะด้านในเป็นห้องปรับอากาศมีบริการให้ charge ฟรี ขอแนะนำให้นำขนมปัง แซนวิช หรือของกินเล็กๆน้อยๆ น้ำดื่ม นมหรือเครื่องดื่มที่ชอบติดกระเป๋าไว้นะคะ จะได้ไม่เสียเวลามาซื้อที่ฝั่งมาเลเซีย ให้เตรียมมาตั้งแต่ฝั่งไทยเลยจะดีกว่า เพราะเวลากระชั้นชิด และภาษาอังกฤษ ยังเป็นสิ่งจำเป็นค่ะเข้าแถวซื้อตั๋วเรือเฟอรี่ไป ปีนัง สนนราคาอยู่ที่ 1.20 ริงกิต ตั๋วเรือเฟอรี่ไปปีนัง ใช้สแกนเพื่อเข้าไปรอด้านในเพื่อขึ้นเรือท่าเรือเฟอรี่FeriของSentralKTM (Ferry ไป Penang) เพื่อขึ้นเรือไปปีนังค่ะ ช่องทางเดินหลังจากซื้อตั๋วแล้ว เดินไปลงเรือเฟอรี่ไปยังปีนังต่อไป ใช้เวลาแค่ 15 นาทีก็ถึงปีนังค่ะ ผู้เขียนขึ้นฝั่งถึงปีนังประมาณ บ่าย 2 โมง 25 นาที จากนั้นก็นั่งรถ taxi จากท่าเรือไปเช็คอินที่โรงแรมที่จองไว้ ซึ่งอยู่ที่เมืองหลวงของปีนังนั่นก็คือ "จอร์จทาวน์" ค่ะ ค่าแท็กซี่ 12 ริงกิต(ประมาณ96 บาท) โชคดีมีคนไทยนั่งไปด้วย ก็ หาร 3 ตกคนละ 32 บาท รถจอดหน้าโรงแรมเลยค่ะ แต่ถ้าจะให้ประหยัดกว่านี้ก็นั่งรถประจำทางได้ สาย 204 ไปลงที่ หน้าตึกKomtar ก็จ่ายแค่ 2 ริงกิต 16 บาทที่พักย่านจอร์จทาวน์ #Apollo Inn Penang สรุปว่าผู้เขียนเดินทางถึงปีนังโดยสวัสดิภาพค่ะ มาง่าย สะดวก และประหยัดมากๆ ค่ะ ใครๆก็มาได้ ไว้คราวต่อไปจะมาเล่าให้ฟังกันว่าผู้เขียนได้ไปเที่ยวที่ไหน และทานอาหารอะไรกันบ้างในปีนังค่ะ คอย follow #udyอยู่นี่นะไว้นะคะ สำหรับครั้งนี้เป็นการรีวิวการเดินทางโดยรถไฟ ทั้งไปและกลับนะคะ ค่าเดินทางขาไปก็ประมาณ 373บาท ขากลับผู้เขียนจองรถไฟนอนชั้น 2 จากหาดใหญ่มาสุราษฏร์ก็จะเพิ่มขึ้น เป็น 698 บาท สรุปค่าเดินทางทั้งไปและกลับ 1,071 บาทค่ะ ปีนัง... ไปง่ายใกล้นิดเดียว แถมราคาไม่แพงด้วยค่ะ เครดิตภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน @udyอยู่นี่นะ#udyอยู่นี่นะYoutube : udyอยู่นี่นะ🗺 แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”