ประเทศไทยนั้นสวยไม่แพ้ประเทศไหนในโลก เรื่องนี้ไม่เกินจริงแต่จะดีกว่านี้ถ้าสามารถพัฒนาเรื่องการคมนาคมให้เอื้อต่อคนทุกระดับและให้มันกระจายไปในต่างจังหวัดด้วย ถ้าสามารถทำได้มันจะทำให้ความน่าเที่ยวเพิ่มสูงขึ้น มองแบบเป็นกลางไม่คลั่งชาติและไม่ชังชาติ เรื่องคมนาคมประเทศไทยไม่ไหวจริงๆ นะ แล้วทุกคนก็แก้ปัญหาที่ปลายเหตุโดยไล่ให้คนบ่นเรื่องคมนาคมไปซื้อรถซึ่งมันไม่ใช่ว่าทุกคนเขาจะอยากมีรถนะ ดังนั้นปัจจุบันนี้เราไม่แปลกใจเลยที่ผู้คนมักจะเลือกเที่ยวต่างประเทศแทนเที่ยวไทย แต่ก็ยังมีคนหลายกลุ่มที่ยังอยากเที่ยวไทยแต่ก็ไม่มีรถส่วนตัว ก็ไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้น เพราะมันก็ยังมีที่เที่ยวที่ไปง่ายแม้ไม่มีรถส่วนตัว จะมีที่ไหนบ้างนั้นมาชมกันเลย 1. คลองแม่ข่า เชียงใหม่ เวลาเราอยากเที่ยวไทยแล้วนึกอะไรไม่ออกก็เชียงใหม่นี่แหละค่ะ เพราะการเดินทางนั้นสามารถไปได้ทั้งรถบัส รถไฟ เครื่องบิน และถ้าไปเที่ยวชิลๆ เน้นถ่ายรูป กินของอร่อย แค่ตัวเมืองเชียงใหม่ก็สามารถทำให้เราเอนจอยได้แล้ว ซึ่งในปัจจุบันนี้นอกจากประตูท่าแพ จุดเช็คอินสุดฮิตตั้งแต่อดีตกาลก็ยังมีคลองแม่ข่า ที่เที่ยวเชิงชุมชนให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับทั้งการถ่ายรูปชิคๆ และหาของกินอร่อยๆ มีทั้งของคาว ของหวาน เครื่องดื่ม บอกเลยว่าอิ่มอร่อย แถมได้รูปสวยอีก 2. แม่กำปอง เชียงใหม่ใครยังพอมีเวลาลางานเพิ่มได้ ตระเวนตัวเมืองแล้วสามารถนั่งรถตู้ไปยังหมู่บ้านแม่กำปอง หมู่บ้านบนเขาที่บรรยากาศดีมาก แนะนำให้ไปหน้าฝนหรือหน้าหนาวจะฟินมาก ยิ่งถ้าไปนอนโฮมเสตย์ของชาวบ้านด้วยบอกเลยว่าดีมาก แต่ต้องรีบจองนะคะ เพราะส่วนมากโฮมเสตย์จะเต็มไวมาก และข้อแนะนำสำหรับการไปเที่ยวที่นี่คือพยายามอย่าไปในวันหยุดยาว เนื่องจากที่นี่เป็นหมู่บ้านบนเขา ดังนั้นถนนจะแคบมากพอวันหยุดยาวทุกคนแห่มาพร้อมๆ กัน ทั้งคนทั้งรถจะแน่นไปหมดจนเที่ยวไม่สนุก แถมร้านอาหารก็เต็มทุกร้าน จากเอนจอยอาจกลายเป็นหงุดหงิดได้เลย 3. เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ลพบุรีเส้นทางนี้ง่ายมากไปกับรถไฟนําเที่ยวก็ได้ แต่ต้องจองให้ทันแค่นั้นเอง เพราะเส้นทางนี้จะไม่ได้เปิดนำเที่ยวทุกเดือน จะเป็นตามเทศกาลหรือวันหยุด เหมาะกับคนมีเวลาน้อยไม่ชอบจัดการอะไรยุ่งยาก ไม่ต้องหาข้อมูลเองหรือหารถรับส่งระหว่างสถานี ขึ้นที่กรุงเทพ และไปตามแพลนของการรถไฟแห่งประเทศไทย เขาจะจัดโปรแกรมและให้เวลาผู้โดยสารสามารถเที่ยวและหยุดถ่ายรูปได้ หรือถ้าใครอยากไปเอง ก็สามารถจองเส้นทางรถไฟกรุงเทพไปลพบุรี และหารถรับจ้างพาเที่ยวก็ได้ อีกทั้งลพบุรีก็ไม่ได้มีแค่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยังมีโบราณสถานสำคัญๆ รวมถึงร้านอาหารและคาเฟ่อีกมากมาย 4. โบราณสถานอยุธยา จะสายมูหรือไม่มูก็สามารถไปอยูธยาได้ และเวลาเราเอ่ยถึงอยุธยาหลายคนจะคิดถึงแค่วัดต่างๆ นานา จริงๆ แล้วจังหวัดนี้นอกจากวัดแล้วยังมีโบราณสถานให้เราสามารถไปเที่ยวชม ถ่ายรูป หรือใครจะหาชุดไทยไปใส่ถ่ายรูปก็ได้อีก และต่อให้ไม่ใช่คนอินกับวัดหรือโบราณสถานแต่อินกับของกิน บอกเลยว่าอยุธยานั้นโดดเด่นในเรื่องของเมนูกุ้งแม่น้ำ ใครชอบกินกุ้งต้องรีบไปแล้วค่ะ5. กรุงเทพฯให้คนกรุงไปเที่ยวต่างจังหวัดแล้ว เรามาเที่ยวกรุงเทพกันบ้างดีกว่า กรุงเทพนั้นเที่ยวง่ายสุดแล้วเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นเพราะกรุงเทพมีรถไฟฟ้าแบบทั่วถึงทุกมุมเมืองแต่ต่างจังหวัดไม่มี มันก็เลยทำให้การเดินทางในกรุงเทพนั้นง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก แต่ข้อเสียคือค่าครองชีพสูงมาก งบวันละ 500 บาท นี้ไม่พอนะคะ เราเคยเข้าไปแบบวัดเดย์ทริป วางงบไว้พันเดียวแต่มันไม่พอค่ะ ค่ารถไฟฟ้า ค่าเข้าชมสถานที่ ค่ารถนั่งกลับบ้าน ค่ากินมื้อหลัก ค่าขนม และไหนจะอากาศที่ร้อนจนต้องหาคาเฟ่เข้าไปหลบแดดอีก แต่ถามว่ามีที่เที่ยวน่าสนใจและเที่ยวง่ายไหมนั้น... ตอบเลยว่าเที่ยวง่ายจริงค่ะ 6. เกาะพยาม ระนอง ขยับไปเที่ยวใต้บ้าง เกาะพยามอาจไม่ได้ถูกพูดถึงเป็นวงกว้างเพราะมันต้องใช้ความพยายามในการไปนิดหนึ่ง โดยระนองนั้นไม่มีเครื่องบิน และไม่มีรถไฟ เราต้องไปด้วยรถบัส นั่งแบบข้ามคืนไปถึงเช้า แต่ที่ขนส่งฯ นั้นจะมีรถสองแถววิ่งตรงไปยังท่าเรือ เราแค่บอกว่าจะไปขึ้นเรือไปเกาะพยาม และก็ไปซื้อตั๋วขึ้นเรือและรอเรือออก ตัวเกาะนั้นจะเป็นเกาะเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก การเที่ยวบนเกาะนี้เราอาจเลือกนอนฝั่งใดฝั่งหนึ่งของเกาะแล้วเที่ยวชม ถ่ายรูปเป็นโซนๆ ไป หรือใครจะเช่ามอเตอร์ไซค์ขับชมเกาะก็ได้ แต่บางช่วงต้องระวังนิดหนึ่งนะคะ ส่วนตัวมองว่าเกาะนี้เหมาะกับคนที่อยากจะหลบเร้นจากความวุ่นวายไปพักเงียบๆ น่ะค่ะ7. ย่านเมืองเก่า ภูเก็ตภูเก็ตจะฟีลคล้ายกรุงเทพตรงที่หนทางในการไปจะง่าย แต่การเที่ยวในจังหวัดนี้ต้องเตรียมงบประมาณสูงกว่ากรุงเทพมากเลย เพราะไม่มีรถไฟฟ้า หนำซ้ำรถสามล้อหรือวินมอไซค์ยังเรียกเก็บในราคาที่สูงมากอีกด้วย แต่ถ้าเราเลือกเที่ยวแบบโซนใดโซนหนึ่งจะช่วยเซฟงบประมาณและจัดการการเดินทางได้ง่ายกว่า เช่น ย่านเมืองเก่าภูเก็ต เราสามารถนั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบินภูเก็ตแล้วนั่งรถชัทเทิลบัสมาลงตัวเมือง จากนั้นใช้วิธีการเดินได้เลยค่ะ และที่เที่ยวภายในย่านเมืองเก่าส่วนมากจะเป็นสตรีทอาร์ต คาเฟ่ แหล่งช็อปปิ้ง และภายในย่านเมืองเก่านี้มีคาเฟ่แมว ชื่อว่า B cat Cafe และคาเฟ่น้องหมาอย่าง Box Box Dog cafe ด้วยนะ 8. หาดป่าตอง ภูเก็ตสำหรับใครอยากเที่ยวทะเล ใส่บิกินี่ แอ้วฝรั่ง เพลิดเพลินไปกับอาหารอร่อย ให้เปลี่ยนจากนั่งชัทเทิลบัสไปลงย่านเมืองเก่าไปลงที่หาดป่าตองแทน แต่ชัทเทิลบัสจากสนามบิน ณ วันที่เราไปมีแค่สองเส้นทาง คือตัวเมืองกับหาดป่าตอง สำหรับหาดอื่นๆ เราสามารถหารถสองแถวที่ตลาดในตัวเมืองได้ รถสองแถวหรือที่หลายคนเรียกมันว่ารถหวานเย็น ที่เรียกแบบนั้นเพราะเป็นรถที่ขับช้ามาก เราเคยนั่งจากตัวเมืองไปหาดกะรน โอ้โห้...ด้วยความที่ว่ามันช้า อารมณ์ตอนนั้นคือสุดจะเบื่อ ง่วงแล้วก็ร้อนมาก ภายหลังเราเลยยอมจ่ายเงินให้วินมอไซค์แทน สำหรับใครที่คิดจะเช่ามอไซค์ เช่าได้นะคะแต่ที่นี่ค่ามัดจำโหดมาก เท่าที่เราไปเดินถามมาคือ เช่าวันล่ะ 2,000 บาท ( ต่ำสุด ) แต่ต้องวางมัดจำ 5,000 - 10,000 บาท เลยค่ะ ถ้าใครอยากเที่ยวแบบทั่วทั้งภูเก็ตเราแนะนำให้เช่ารถพร้อมคนขับ ที่เหมาเป็นวันหรือครึ่งวันจะคุ้มกว่า 9. เกาะสิมิลัน พังงาเกาะสิมิลัน ต้องซื้อทัวร์ ดังนั้นมีรถไม่มีรถไม่เกี่ยวแล้วค่ะ โดยทัวร์สิมิลันเราแนะนำเป็นเลิฟอันดามันค่ะ สามารถจองตรงกับเลิฟอันดามันก็ได้หรือจองผ่าน Klook ก็ได้เช่นกัน โดยถ้าซื้อบน Klokk เราสามารถเลือกได้ว่าให้รถตู้มารับเราจากตรงไหน เราเลือกเที่ยวต่อจากภูเก็ต รถตู้ของบริษัทก็มารับเราตามที่พักที่เราแจ้ง แล้ววนไปรับคนอื่นๆ แล้วไปที่ท่าเรือ ภายในท่าเรือมีของกิน มีสาธิตและให้ความรู้รวมถึงเรื่องที่ไม่ควรทำ จะบอกว่าน้องๆ พนักงานของเลิฟอันดามันเอนเตอร์เทนเก่งมาก เราไปคนเดียวแต่ไม่เหงาเลย แถวน้องๆ มาช่วยถ่ายรูปให้ด้วย ดีมาก 10. เกาะหลีเป๊ะ สตูล ปิดท้ายไปด้วยเกาะหลีเป๊ะ สตูล อันนี้ต้องใช้ความอดทนในการเดินทางนิดหนึ่ง แต่สามารถเที่ยวเองได้ ไปคนเดียวก็ได้ และจะมีรถไม่มีรถก็ไม่เกี่ยวเที่ยวได้หมด ที่บอกว่าต้องอดทนนั้นก็เพราะว่าวิธีการไปมันหลายต่อ เนื่องจากสตูลนั้นไม่มีบินตรง ไม่มีรถไฟ ถึงมีบัสแต่จุดจอดไกลจากท่าเรือ วิธีดีที่สุดสำหรับเราคือนั่งเครื่องบินไปลงสนามบินหาดใหญ่ แล้วจองรถตู้รับ-ส่ง + เรือไปกลับ ผ่านบริษัท Lipe Lover การเดินทางทั้งไปและกลับจะใช้เวลาค่อนวันถึงเต็มวัน ถ้าอยากให้เที่ยวสนุกไม่เหนื่อยเกินไปเราแนะนำวันเวลาในการเที่ยวคือ 4 วัน ไป 1 วัน ถึงแล้วพักก่อน วันที่ 2 ไปดำน้ำหรือเล่นน้ำ นั่งเรือหางยาวชมเกาะอื่น วันที่ 3 ชิลๆ เที่ยวเล่น กินดื่ม วันที่ 4 เดินทางกลับ หลีเป๊ะเป็นเกาะที่สวยมากและเหมาะกับทั้งคนที่ชอบทำกิจกรรมและไปพักเงียบๆ ค่ะ และนี่ก็คือ 10 ที่เที่ยวในประเทศไทยที่มีรถหรือไม่มีรถ เที่ยวคนเดียวหรือเป็นกลุ่มก็สามารถไปได้ ใดๆ ก็ตามที่เที่ยวในบทความนี้เป็นการคัดมาจากความชอบส่วนตัวเป็นหลักนะคะ ยังมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอื่นอีกมากมาย ถ้าหากใครกำลังอยากจะเที่ยวแต่ยังไม่รู้จะไปไหนก็รับตัวเลือกนี้ไปประกอบการพิจารณาตัดสินใจกันก็ได้น้าาา สุดท้ายนี้หากใครชอบบทความนี้ก็สามารถแชร์ออกไปได้เลยนะคะ และถ้าอยากติดตามเรื่องราวอื่นๆ ของหญิงเถื่อนนั้นก็สามารถติดตามกันได้ที่ twitter ที่ Artinime หรือ Facebook เพจ แบกกล้องชิวเที่ยวไปเรื่อย ได้เลยค่ะhttps://x.com/supamas_kpr/status/1801170951058739690เรียบเรียงและถ่ายภาพโดย หญิงเถื่อน อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !