"ลมหนาวมาเมื่อใด ใจฉันมันยิ่งเหงา.." ในฤดูหนาวที่อุณหภูมิยอดดอยลดลงเหลือเลขตัวเดียว “ดอยอ่างขาง” เป็นเป้าหมายหนึ่งของนักท่องเที่ยวสายบุกป่าฝ่าดง เพราะมีรูปแบบการท่องเที่ยวที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งแคมป์บนเขา ชมทะเลหมอก สัมผัสอากาศเย็นๆ สูดโอโซนให้เต็มปอด ผ่อนคลายกับความเขียวขจีสดชื่นของป่า และความงามของพรรณไม้ท้องถิ่น สัมผัสวิถีชีวิตของชุมชนชาวเขา ที่อยู่ร่วมกับสังคมสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว รวมไปถึงตามรอยเท้าพ่อหลวง ร.9 เรียนรู้พระราชกรณียกิจของพระองค์ ที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ตามรอยประวัติศาสตร์การพลิกพื้นผืนดินเสื่อมโทรม ที่กลายมาเป็น “ดอยอ่างขาง” ที่สวยงามเช่นทุกวันนี้ “ดอยอ่างขาง” ตั้งอยู่บนทิวเขาแดนลาว จ.เชียงใหม่ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย สามารถไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะอากาศบนดอยเย็นเสมอ ยิ่งถ้าไปช่วงเดือนมกราคม ถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ จะเป็นช่วงที่ดอกพญาเสือโคร่ง หรือที่รู้จักกันในชื่อ ซากุระเมืองไทย กำลังบานสะพรั่งสวยงาม เป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตอีกที่หนึ่งเลย โดยเฉพาะริมถนนทางหลวงเส้น 1178 ที่บานสะพรั่งสีชมพูสวยงามตลอดทาง การเดินทางไปดอยอ่างขาง สามารถไปได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถโดยสารสาธารณะ สามารถเลือกได้ตามความสะดวกของแต่ละคนเลยค่ะ รถยนต์ส่วนตัว : จะสะดวกมาก ๆ หากมีรถยนต์ส่วนตัว เพราะสามารถแวะพัก แวะเที่ยว หรือแวะถ่ายรูประหว่างทางได้ตามใจชอบเลย เส้นทางขึ้นดอย ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 มุ่งมาที่ อ.เชียงดาว จากนั้นเลี้ยวที่ถนนเส้นที่เชื่อมกับทางหลวงหมายเลข 1178 เพื่อขึ้นดอยอ่างขาง ซึ่งเดินทางไม่ยาก สามารถเปิด Google Map แล้วมาตามเส้นทางได้เลย รถโดยสารสาธารณะ : สามารถไปขึ้นรถได้ที่ตัวเมืองเชียงใหม่ มีทั้งรถบัสและรถสองแถว ลงที่วัดหาดสำราญ บอกคนขับได้เลยว่าลงที่ทางขึ้นดอยอ่างขาง ราคาตั้งแต่ 80-150 บาท/คน แล้วแต่ประเภทของรถ จากนั้นมาต่อรถสองแถวขึ้นไปยังดอยอ่างขาง ราคาอยู่ที่ 80 บาท/คน หรือถ้าใครอยากแวะพักจุดเที่ยวต่าง ๆ ก็สามารถเหมารถสองแถวได้เช่นกัน ราคาก็ตั้งแต่ 1,200 บาท ขึ้นไป/รอบ ขึ้นอยู่ที่การเจรจาต่อรองจ้า ทางขึ้นดอยจะค่อนข้างชัน และคดเคี้ยวอยู่สักหน่อย ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที จะถึงจุดกางเต๊นท์ แต่ไม่ว่าจะเดินทางโดยวิธีไหน วิวข้างทางก็สวยเสมอจ้า :) ที่พักบนดอย มีทั้งบ้านพักแนวรีสอร์ท โรงแรมเล็ก ๆ โฮมสเตย์ แต่ไหน ๆ ก็มาเที่ยวดอยทั้งที กางเต๊นท์นอนสัมผัสลมหนาวฟิน ๆ ก่อกองไฟทำกิจกรรมกับเพื่อน ๆ ก็น่าสนุกไปอีกแบบ จุดกางเต็นท์บนดอยอ่างขาง จะอยู่บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก หรือที่เรียกว่า “ม่อนสน” ค่าธรรมเนียมเข้าพักสำหรับผู้ใหญ่ 50 บาท / เด็ก 20 บาท ค่าพื้นที่กางเต๊นท์ 30 บาท/คืน/เต็นท์ ราคาเต็นท์อยู่ที่ 255 บาท/หลัง/คืน และหากใครไม่ได้นำหมอนหรือผ้าห่มมา ก็สามารถเช่าได้ในราคา 70 บาท/ชุด/คืน บริเวณอุทยานมีทั้งห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ และร้านอาหารให้บริการ อ้อ! แนะนำว่าต้องรีบไปจองที่กางเต๊นท์ตั้งแต่เนิ่น ๆ นะ จะได้พื้นที่ที่ตื่นมาเห็นวิวพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอก ฟินจนแทบอยากหยุดเวลาเลยทีเดียวล่ะ ในส่วนของอาหารการกิน แน่นอนว่าเมนูยอดฮิตคือ "หมูกระทะ" นั่นเอง ที่นี่เขามีบริการหลายร้าน ใครใคร่ทานที่ร้านก็ตามสะดวก หรือถ้าอยากทานที่เต๊นท์ เขาก็มีบริการจัดชุดอิ่มพอดีให้ถึงเต๊นท์ ลองนึกภาพการนั่งล้อมกองไฟ ทานหมูย่างร้อน ๆ ท่ามกลางความหนาวเย็นสิ ฟินอย่าบอกใครเลย! หรือถ้าใครอยากทานอาหารที่หลากหลายมากขึ้น ห่างจากจุดกางเต๊นท์ไปอีกหน่อย จะมีหมู่บ้านชาวเขาอยู่ ซึ่งนอกจากร้านอาหารที่หลากหลายละลานตาแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์จากชาวเขา ให้เลือกซื้อไปเป็นของฝากกันด้วยจ้า ไฮไลท์ของการมากางเต๊นท์นอนที่ดอยอ่างขาง ก็คงจะหนีไม่พ้นการรอชมวิว "พระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางม่านหมอก" งานนี้บอกได้เลยว่าถึงจะง่วงนอนแค่ไหน อากาศจะหนาวสะท้านเพียงใด ก็ต้องยอมลุกเพื่อมารอชมพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า เป็นความงามที่กล้องราคาแพงแค่ไหนก็ไม่สามารถบันทึกได้เพียงพอ ต้องใช้หัวใจบันทึกภาพนั้นเก็บไว้ในความทรงจำ เมื่ออิ่มเอมกับทิวทัศน์พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ก็สามารถมาทานอาหารเช้าที่หมู่บ้านชาวเชา เพื่ออิ่มเอมกันต่อกับภาพของ "หมู่บ้านในม่านหมอก" เป็นเช้าที่วิเศษมาก ๆ เลยล่ะคะ “ไร่สตรอเบอรี่บ้านนอแล” เป็นอีกจุดหนึ่งที่อย่าพลาดไปชม โดยเฉพาะช่วงเช้าตอนพระอาทิตย์ขึ้น นอกจากมาชมวิวสวย ๆ แล้ว ที่นี่ยังจำหน่ายสตรอว์เบอร์รี่พันธุ์พระราชทาน 80 ที่ชาวเขาในหมู่บ้านปลูกเอง เพื่อน ๆ สามารถแวะมาอุดหนุนสตรอเบอร์รี่หวาน ๆ สด ๆ จากไร่กันได้ที่นี่เลย แต่อย่าเผลอไปเด็ดจากไร่เชียวล่ะ เขาไม่อนุญาตให้เก็บนะ ซื้อที่จุดจำหน่ายดีกว่าจ้า ถัดจากไร่สตรอเบอร์รี่ ก็ต้องไปที่ “ไร่ชา แปลง2000” ไร่ชาสีเขียวขจีที่ถูกปลูกลดหลั่นเป็นขั้นบันไดไปตามแนวเขาที่กว้างใหญ่ ในช่วงฤดูหนาวจะเห็นหมอกลอยไล่ระดับกับภูเขา เป็นวิวหลักล้านที่ห้ามพลาดเลยจริง ๆ แน่นอนว่ามาไร่ชาทั้งที แวะอุดหนุนชาจากชาวเขาติดไม้ติดมือ หรือจะจิบร้อนๆที่คาเฟ่เล็ก ๆ ที่ไร่ คลายความหนาว ก็ฟินไม่แพ้กันเลย การเดินทางในหุบเขาแห่งม่านหมอก ณ ดอยอ่างขางแห่งนี้ ยังไม่สิ้นสุด บทความหน้า เราจะพาเพื่อน ๆ ไปตามรอยเท้าพระราชกรณียกิจของพ่อหลวง ร.9 ผู้ซึ่งพลิกฟื้นแผ่นดินที่เคยสิ้นหวังผืนนี้ ให้กลายมาเป็น "วิมานบนดิน" ดังเช่นทุกวันนี้ แล้วพบกัน..