ไม่เคยไปอินเดียมาก่อนค่ะ แต่เพื่อนชวนค่ะ เลยตื่นเต้นสุดๆ กับการเดินทางไปเลห์และลาดัก!มันเหมือนกับความฝันที่กำลังจะเป็นจริง ใจหวิวๆ กับการได้สัมผัสธรรมชาติสวยๆ และวัฒนธรรมที่แตกต่าง อ้อมไปวางแผนกับเพื่อนมาอย่างดี ตั้งแต่จะไปชมพระราชวังเลห์ที่สวยงาม ไปจนถึงการสำรวจตลาดท้องถิ่นที่เต็มไปด้วยของหัตถกรรมสุดเจ๋ง หวังว่าจะได้พูดคุยกับคนท้องถิ่นที่น่ารัก และเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตประจำวันรวมไปถึงพบเจอสิ่งใหม่ๆ นอกจากนี้ยังจินตนาการถึงการเดินทางผ่านภูเขาสูงตระหง่าน ทะเลสาบน้ำใสที่สะท้อนแสงแดด และอากาศที่สดชื่น ทุกอย่างดูน่าตื่นเต้นมาก รู้สึกเหมือนการผจญภัยที่รอคอยมานาน ไม่เพียงแต่การเห็นความสวยงามของธรรมชาติ ยังตั้งใจที่จะเปิดใจรับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่จะติดอยู่ในความทรงจำไปตลอด นี่คือโอกาสที่เราจะได้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ และกลับบ้านพร้อมกับเรื่องราวสุดเจ๋ง เมื่อถึงวันเดินทางก็ได้รู้เลยว่าจะได้สัมผัสกับเสน่ห์ของเลห์และลาดักที่ไม่เหมือนใคร และมั่นใจว่านี่จะเป็นการเดินทางที่จะไม่มีวันลืมแน่นอน ไปดูกันเลยว่าแต่ละวันไปไหนมาบ้าง วันแรก: ถึงสนามบินเลห์แบบหัวฟู ลงจากเครื่องก็โดนตบหน้าแรงๆ ด้วยความบางของอากาศ หายใจยากแบบ "นี่ฉันอ้วนหรือนี่มันที่สูง?" แต่เอาน่ะ มาแล้วก็ต้องลุย! เช็คอินที่โรงแรมเสร็จ นั่งจิบชาที่เค้าว่าช่วยให้หายใจง่ายขึ้น (แต่ในใจลึกๆ ก็แอบสงสัยว่า แค่หาเรื่องขายชาให้ฉันหรือเปล่า?) วันที่สอง: ขึ้นไปดูวิว ณ พระราชวังเลห์ จะบอกว่า "วิวดีมาก!" มันอาจจะไม่พอ พระราชวังเลห์เป็นตึกเก่าที่โดดเด่นกลางเมือง มองจากข้างบนคือเห็นวิวแบบ 360 องศา หันไปทางไหนก็มีภูเขาหิมะล้อมรอบ แถมเจอ "ธงธรรมนำโชค" หรือที่เรียกว่า Tibetan Prayer Flags แขวนโบกสะบัดไปตามสายลม บรรยากาศคือชิลสุดๆ อยากจะนั่งปักหลักถ่ายรูปนานๆ แต่พอหันมาเจอทัวร์จีน เลยรีบหนีจ้าละหวั่น! วันที่สาม: ขี่จักรยานทะลุหุบเขา ถ้าคุณไม่ฟิต อาจจะหอบเหนื่อยไปเลย แต่โชคดีที่ทิวทัศน์ช่วยให้ลืมความเจ็บขา! เส้นทางที่ลาดักนี้สวยจนไม่อยากปั่นไปไหนเลย อยากจอดหยุดถ่ายรูปทุกๆ ห้านาที แล้วก็มีจุดไฮไลต์คือ "ถนนสูงที่สุดในโลก" Khardung La Pass ที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนเป็นนักผจญภัยระดับโปร แต่อย่าเผลอเหม่อนาน เดี๋ยวหกล้มกลิ้งเป็นสโนว์บอลลงเขา! วันที่สี่: แคมป์ปิ้ง ณ ทะเลสาบ Pangong ที่นี่เป็นสวรรค์ของคนรักการถ่ายรูปจริงๆ! น้ำในทะเลสาบสีฟ้าใสที่สะท้อนภูเขาหิมะรอบๆ เหมือนโดนแต่งสีมาใน Photoshop แต่มันคือของจริง! อากาศตอนกลางคืนก็เย็นชนิดที่ทำให้ต้องนอนห่อตัวเป็นหมีแพนด้า ถ้าไม่มีผ้าห่มหรือหมอนอิงหนาๆ ก็อาจจะหนาวตายได้ (เอาแบบชิลๆ หน่อยนะ แต่จริงๆ นี่ไม่ตลก) วันที่ห้า: แวะตลาดเสื้อผ้าและของฝาก ถ้าใครชอบของแฮนด์เมด แบบพวกเครื่องประดับจากหินทิเบต ต้องมาที่นี่เลย ของแต่ละอย่างก็เก๋ไก๋ ราคาไม่แรงจนกระเป๋าฉีก แต่จะมีบ้างที่ต้องต่อราคา (แล้วต่อได้เยอะด้วย!) เดินเพลินๆ ลืมเวลาไปเลย แต่ระวังการซื้อมากเกินเพราะน้ำหนักกระเป๋าอาจจะพุ่งสูงตามความชิลของคุณ! วันที่หก: ทัวร์วัดฮิมิสและจิตวิญญาณ การเดินทางมายังเลห์ ลาดัก ไม่สมบูรณ์แบบถ้าไม่ได้แวะเยี่ยมชมวัดฮิมิส (Hemis Monastery) ซึ่งเป็นวัดทิเบตที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นลาดัก ขอบอกเลยว่าแค่ได้เห็นภาพวัดที่ตั้งอยู่กลางภูเขา ก็ทำให้เรารู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาในโลกนิยาย! มีพระที่นั่งสมาธิในห้องโถงใหญ่ คนก็เงียบสงบแต่ข้างในใจเรา…อยากตะโกนบอกทุกคนว่า "นี่มันสวยเวอร์!" แถมตอนเดินขึ้นวัดก็มีเสียงลมพัดผ่านธงธรรมนำโชค เหมือนพระพุทธเจ้าแอบแง้มประตูมาโบกมือให้เราเบาๆ วันที่เจ็ด: อำลาเลห์ ลาดัก ถึงเวลาต้องกลับบ้านแล้วสิ อารมณ์มันจะหน่วงๆ นิดๆ เหมือนกำลังเลิกกับแฟน (ฮ่าๆ) แต่ก็ต้องยอมรับว่าการผจญภัยครั้งนี้ทำให้ได้พบกับธรรมชาติที่งดงามไม่เหมือนที่ไหน ถ่ายรูปเก็บมาเต็มกล้องจนเมมโมรี่ใกล้ระเบิด และได้ความทรงจำที่ไม่สามารถบันทึกในรูปภาพได้ ตอนนั่งเครื่องบินกลับ ก็แอบหันไปมองภูเขาอีกครั้งแล้วคิดในใจว่า "เลห์ ลาดัก เราจะกลับมาหาแกอีกแน่!" แล้วก็อีกเรื่องนึง…ก่อนกลับอย่าลืมซื้อน้ำมันเนยทิเบต (yak butter) ไปฝากเพื่อนนะ! ไม่รู้จะให้เขาเอาไปทำอะไร แต่ก็เท่ห์ดีที่จะได้เล่าให้เพื่อนฟังว่า "ฉันไปซื้อเนยจากยาคมาจากลาดักนะเธอ!" ทริปนี้ขอจบด้วยเสียงหัวเราะแบบสบายๆ เพราะเลห์ ลาดักไม่ใช่แค่ที่เที่ยวธรรมดา แต่เป็นการผจญภัยที่ปลุกจิตวิญญาณแห่งความสนุกในตัวเรา! สรุปทริปนี้: ถ้าคุณอยากไปที่ไหนที่ไม่เหมือนใคร มีวิวที่สวยสะดุดตา แถมได้ตื่นเต้นกับการเดินทาง เลห์ ลาดักเป็นตัวเลือกที่ไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน! เตรียมกล้อง เตรียมใจ และเตรียมหัวเราะกับการผจญภัยของคุณ! แนะนำว่า เตรียมชุดกันหนาวให้พร้อม เพราะที่นั่นอากาศเปลี่ยนเร็วมาก เตรียมตัวลุยกับธรรมชาติแบบเต็มสูบ แล้วก็อย่าลืมหายใจลึกๆ บ่อยๆ เพราะอากาศที่นั่นบางกว่าปกติจริงๆ ภาพทั้งหมดจากผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !