รีวิวอีหยั๋งดีสวัสดีจร้า ห่างหายไปนานสำหรับการเขียนบทความ ถึงเวลากลับมาเริ่มเขียนอีกครั้งแล้ว เริ่มต้นปี 2025 ด้วยแพลนเที่ยวปีนี้ก็เป็นเยอรมนีเช่นเคย กลับมารอบนี้ก็จะมารีวิวสายการบินแขกที่เราได้ใช้บริการทริปเมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา ทริปนี้เราขอวีซ่าเยี่ยมเยียนเยอรมันไปทั้งหมด 23 วันนะคะ โดยไฟล์ทนี้เราจะบินกับสายการบิน Qatar Airways จะเป็นไฟล์ท QR 833 ซึ่งออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 03:30 น. ถึงสนามบินฮาหมัด (โดฮา) เวลา 06:15 น. ไปถึงสนามบินก็ทำการเช็คอินที่ตู้อัตโนมัติโดยมีพนักงานคอยให้บริการ (ผู้โดยสารที่มาเป็นกลุ่มหรือคณะทัวร์สามารถเข้าเช็คอินที่หน้าเคาน์เตอร์ได้เลย) เมื่อได้ Boarding Pass เรียบร้อยเราก็ไปที่หน้าเคาน์เตอร์เพื่อทำการโหลดกระเป๋าเดินทาง ตั๋วเครื่องบินที่เราจองได้น้ำหนักกระเป๋า 30 กก. สามารถโหลดกระเป๋ากี่ใบก็ได้แต่น้ำหนักรวมต้องไม่เกิน 30 กก. บินรอบนี้เราโหลดกระเป๋าทั้งหมด 2 ใบ นอกจากจะชั่งสัมภาระที่โหลดใต้เครื่องทุกใบแล้ว สัมภาระที่ถือขึ้นเครื่องทางพนักงานก็ให้เราชั่งน้ำหนักเช่นกัน ใครที่แพลนเดินทางกับสายการบินนี้ก็เตรียมความพร้อมเรื่องน้ำหนักกระเป๋าให้ดีนะคะ จะได้ไม่ต้องไปรื้อจัดกระเป๋าใหม่เพราะน้ำหนักกระเป๋าเกินกัน เมื่อโหลดกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย เราก็เดินเข้าไปรอที่ Gate S117A ซึ่ง Gate ที่เราต้องไปขึ้นเครื่องนั้น จะต้องนั่งรถไฟเพื่อไปอีก Terminal ด้านหลังของรูปปั้นกวนเกษียรสมุทรจะเป็นทางลงไปขึ้นรถไฟนะคะ ระยะทางที่เดินไปก็มีป้ายบอกทางตลอดไม่ต้องกลัวหลงทางจร้า จุดขึ้นรถไฟจะมีทั้ง 2 ฝั่งนะคะ ถ้าคันไหนมาถึงก่อนก็สามารถขึ้นไปใช้บริการได้เลย ตอนเราเดินไปถึงจุดขึ้นรถไฟ รอไม่นานรถไฟก็มา ระหว่างทางที่เดินไปก็มีสถานที่ให้ถ่ายรูป ร้านอาหารและเครื่องดื่ม Duty Free และร้านแบรนด์เนมต่างให้เราได้เลือกช็อปปิ้ง ซึ่ง Gate ที่จะไปนั้นใช้ระยะเวลาในการเดินพอประมาณนะคะ ใครที่บินกับสายการบินนี้ก็เผื่อเวลาการเดินเข้า Gate ด้วยนร๊า เรานั่งรอเกือบ 2 ชั่วโมง พนักงานก็ทำการเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่อง ไฟล์ทที่เราขึ้นมีผู้โดยสารค่อนข้างหนาแน่นนะคะ ฺที่นั่งของ Boeing 787-8 สำหรับเราเวลาถือว่าค่อนข้างโอเค เราเลือกที่นั่งตอนจองเป็นหมายเลข 24A (ริมหน้าต่าง) นะคะ ตอนเช้าตื่นมาจะได้เห็นวิวข้างนอก สิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทางก็มีทั่วไปเหมือนสายการบินอื่นๆ เช่น หมอน ผ้าห่ม หูฟัง และจอมอนิเจอร์สำหรับรับชมความบันเทิง ฯลฯ ไฟล์ทที่เราบินวันนี้ผู้โดยสารเยอะมาก กว่าจะเคลียร์ผู้โดยสารแต่ละคนเสร็จ กว่าเครื่องจะ Take off ก็ดีเลย์ประมาณ 20 นาที (ถึงจะออกช้าแต่ถึงปลายทางได้ตรงเวลาเป๊ะ) บินได้ประมาณ 1 ชั่วโมง พนักงานก็เริ่มเสิร์ฟอาหารว่าง ถ้าจำไม่ผิดในกล่องจะเป็นเค้กกล้วยหอม และขนมอะไรนี่แหละเราจำไม่ได้ ไฟล์ทนี้ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง 45 นาที ก่อนถึงโดฮาประมาณ 2 ชั่วโมง พนักงานก็เริ่มแจกผ้าเย็นและเสิร์ฟอาหารให้ผู้โดยสาร เราเลือก Omelette และไส้กรอกนะคะ ใครที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ทางสายการบินก็มีให้อาหารมังสวิรัติให้เลือกด้วย การบริการของพนักงานบนเครื่อง (แอร์คนไทย) ขาจากไทยไปโดฮาถือว่าบริการดีค่ะ พอเครื่องใกล้จะถึงสนามบินฮาหมัด (โดฮา) หน้าต่างก็เริ่มปรับความสว่างอัตโนมัติ ทำให้ได้มองเห็นวิวสวยๆ ด้านนอกของเครื่องบิน ถึงเวลาเครื่องลงจอดจนสนิท เราก็เดินออกจากเครื่องโดยด้านนอกจะมีพนักงานยืนชูป้าย Transfer อยู่ข้างๆ บันไดเลื่อน พอเดินมาเช็ค Gate ที่หน้าจอมอนิเตอร์เลข Gate ก็ยังไม่ออกเราเลยเดินไปเข้าห้องน้ำและมานั่งรอที่เก้าอี้ ขาไปเราไม่ได้เดินไปไหนนะคะ ด้วยความเพลียจากการเดินทางบวกกับเลข Gate ยังไม่ออกก็เลยนั่งอยู่ตรงนั้นเลย นั่งรอจนถึง 07:18น. เลข Gate ก็ออก ซึ่ง Gate ที่เราต้องไปขึ้นนั้นคือ B8 อยู่ข้างๆ ที่เรานั่งรอพอดี โชคดีที่เราไม่ได้เดินไปไหน ไฟล์ทนี้จะบินออกจากสนามบินฮาหมัด (โดฮา) ไฟล์ท QR 57 เวลา 09:10 น. ถึงสนามบินมิวนิคเวลา 14:10 น. ใช้เวลาในการบินประมาณ 6 ชั่วโมง เรายืนรอสักพัก Gate ก็เรียกผู้โดยสารให้เข้าไปนั่งรอตรงเก้าอี้ด้านใน การเข้า Gate ที่นี่จะต่างจากที่ไทยนะคะ คือต่อให้เราผ่านพนักงานที่เคาน์เตอร์เพื่อเช็ค Passport และ Boarding Pass แล้ว เราต้องเข้าไปนั่งรอด้านในจนกว่าจะถึงเวลาขึ้นเครื่อง โดยการนั่งรอด้านในนั้นทางสนามบินจะจัดให้นั่งเป็น Zone ตามที่ Boarding Pass ระบุ Zone เมื่อถึงเวลาขึ้นเครื่องพนักงานก็จะเรียกแต่ละ Zone เพื่อให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่อง Boeing 787-9 เราเลือกที่นั่งตอนจองเป็นหมายเลข 17A (ริมหน้าต่าง) สิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทางก็มีทั่วไปเหมือนสายการบินอื่นๆ เช่น หมอน ผ้าห่ม หูฟัง และมอนิเตอร์สำหรับรับชมความบันเทิง ฯลฯ พอขึ้นเครื่องมาพนักงานก็จะเสิร์ฟขนมและน้ำเปล่า 1 ขวดนะคะ แต่เราไม่ได้เพราะพนักงานบนเครื่องนางไม่ให้เรา ผู้โดยสารที่นั่งข้างๆ นางแบ่งให้เราๆ เลยได้ดื่ม ไฟล์ทนั้นต้องขอบคุณเพื่อนร่วมทางที่มีน้ำใจแบ่งให้ ตอนแรกที่พนักงานลืมแจกขนมและเครื่องดื่มเรา เราก็คิดว่าเป็นเพราะเรามองหน้าต่างอยู่ไหมนางจึงไม่แจก แต่พอแจกขนมและน้ำดื่มรอบอื่นๆ แล้วนางไม่ให้เราเลย เราเลยรู้สึกว่าพนักงานแกล้งมองข้ามไม่แจกอาหารว่างเรา ขนาดผู้โดยสารที่นั่งข้างๆ ตะโกนเรียกนางๆ ยังไม่สนใจ คนข้างๆ เลยแบ่งขนมให้เราแต่เราก็เกรงใจนางเลยปฏิเสธไป บางครั้งเวลาเสิร์ฟอาหารว่างพนักงานบนเครื่องอีกคนเห็นพฤติกรรมของนาง เขาก็จะรีบหยิบขนมและน้ำดื่มมาให้เรา ด้วยความเหนื่อยและปวดท้องวันนั้นของเดือนเราเลยไม่ได้กดกริ่งคอมเพลนเพราะไม่อยากอารมณ์เสีย พอบินได้ 1 ชั่วโมง 30 นาที พนักงานก็เริ่มเสิร์ฟอาหาร เราก็เลือกมักกะโรนีตามภาพด้านบนเลย รสชาติก็เหมือนอาหารทั่วไปเหมือนสายการบินอื่น ใกล้จะถึงเวลาเครื่องลงจอด หน้าต่างก็เริ่มปรับแสงสว่างขึ้นอัตโนมัติ และได้มองวิวด้านนอกของเครื่องบินบ้าง ถึงเวลาเครื่องลงจอดจนสนิท เราก็เดินออกจากเครื่องและไปเช็คที่หน้าจอมอนิเตอร์ว่าต้องไปรอรับกระเป๋าสายพานที่เท่าไหร่ จากนั้นก็เดินไปจุดตรวจคนเข้าเมือง รอบนี้เราไม่โดนคำถามอะไรจากเจ้าหน้าที่นะคะ ยื่น Passport และเอกสารอื่นๆ เจ้าหน้าที่ก็ประทับตราบนหนังสือเดินทางให้เลย เมื่อผ่านจุด Immigration เข้าเมืองแล้ว เราก็เดินออกไปรอรับกระเป๋าที่สายพาน เมื่อรับกระเป๋าเสร็จก็เดินออกจากสนามบิน แต่ในระหว่างที่เรากำลังจะเดินออกไป เจ้าหน้าที่ Zoll ก็ได้ขอตรวจ Passport และขอเช็คกระเป๋าเดินทาง หลังจากตรวจกระเป๋าเสร็จเราก็เดินออกไปหาแฟน รีวิวสายการบิน Qatar Airways จาก Bangkok ไป Munich ก็จบเรียบร้อย ถ้าไม่ติดตรงการบริการของพนักงานบนเครื่องเพียง 1 คนที่แกล้งไม่ให้ขนมเราทุกรอบ เราจะประทับใจมากกว่านี้ เพราะโดยรวมสำหรับสายการบินนี้ถือว่าดีเลยแหละ พอเราบินกลับถึงไทยเราเลยได้คอมเพลนผ่านเว็บไซต์ของสายการบิน เดี๋ยวเรามาทำรีวิวไฟล์ทขากลับให้อ่านกันนร๊า สำหรับวันนี้ก็ขอตัวไปนอนก่อน หากข้อความไหนเขียนผิดหรือตกหล่นเราก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยจร้า ^v^ #รีวิวสายการบิน #รีวิวสายการบินแขก #รีวิวสายการบินกาต้าร์ #QatarAirways #รีวิวเปลี่ยนเครื่องที่โดฮา #Qatar #DohaAirport #รีวิวสายการบินไปยุโรป #แชร์ประสบการณ์บนเครื่องบิน กราฟฟิกภาพหน้าปก : Canva เครดิตรูปภาพและบทความ : รีวิวอีหยั๋งดี อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !