วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นวันเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ ให้กับชีวิตของหลาย ๆ คน สำหรับความตั้งใจของเราในปีนี้ คือ การพาครอบครัวออกเดินทางท่องเที่ยวร่วมกันแบบสบาย ๆ ไม่รีบร้อน เพื่อให้คุณยายวัย 74 ปี และหลานชายวัย 6 ขวบ ได้ซึมซับความรู้สึกและประสบการณ์ดี ๆ จากสถานที่ท่องเที่ยว รวมทั้งให้ทุกคนในครอบครัวได้มีโอกาสทำกิจกรรมสนุกสนานร่วมกันค่ะสถานที่แรกที่คุณยายเลือกไป คือ วัดเก่าแก่ที่นั่งรถสองแถวผ่านเป็นประจำ แต่ยังไม่เคยมีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชม ดังนั้น ในวันขึ้นปีใหม่นี้ ลูกหลานจึงพาคุณยายไปไหว้พระ และเที่ยวชมสถานที่ภายในวัดแห่งนี้กันค่ะวัดดังกล่าวนี้ คือ “วัดท้ายเมือง” ตั้งอยู่ที่ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมืองฯ จังหวัดนนทบุรี สถานที่ตั้งของวัดท้ายเมืองอยู่เชิงสะพานมหาเจษฎาบดินทร์ หรือสะพานนนทบุรี 1 ฝั่งเทศบาลนครนนทบุรี ตามประวัติเล่าว่า “วัดท้ายเมือง” สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2352 โดยเจ้าพระยารัตนาธิเบศ (กุน รัตนกุล) ต้นตระกูลรัตนกุล ซึ่งท่านดำรงตำแหน่งสมุหนายกในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) หากนับจนถึงปัจจุบัน (พ.ศ. 2563) วันท้ายเมืองแห่งนี้ มีอายุ 211 ปีแล้วนะคะ เมื่อเดินสำรวจวัดตามพื้นที่ซึ่งอนุญาตให้เยี่ยมชมนั้น เราได้พบเห็นรูปแบบสถาปัตยกรรมไทยที่งดงาม และแตกต่างกันไปตามยุคสมัย สำหรับอาคารเสนาสนะภายในวัด มีดังนี้ค่ะอุโบสถทรงเรือสำเภา สร้างเมื่อ พ.ศ. 2352 รูปทรงสวยงาม แต่เสียดายว่าในวันปีใหม่นี้ ไม่ได้เปิดให้เข้าไปชมความงดงามด้านใน เราจึงได้แต่เพียงชื่นชมอยู่ภายนอก ด้วยความเก่าแก่ของพระอุโบสถที่สร้างมานานนับร้อย ๆ ปี จึงมีความงามวิจิตรตระการตาสำหรับผู้พบเห็นค่ะศาลาการเปรียญ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2535 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กทรงไทย 2 ชั้นวิหาร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2477ศาลาบำเพ็ญกุศล หรือศาลาสำหรับตั้งศพเมรุ หอระฆังกุฏิสงฆ์ ซึ่งมีทั้งของดั้งเดิม และปลูกสร้างใหม่ปะปนกันไปในพื้นที่ของวัดปูชนียวัตถุที่สำคัญของวัด คือ พระประธานประจำอุโบสถปางมารวิชัย พระประธานประจำศาลาการเปรียญปางสมาธิ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2535นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีพระแท่นจำลอง พระเจดีย์รอบอุโบสถ และพระปรางค์ประจำวันเกิด ให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะบูชาด้วยนะคะ เมื่อเดินจนทั่วบริเวณวัดแล้ว ระหว่างทางเดินกลับไปยังลานจอดรถ เราได้เห็นภาพความร่มรื่นของสถานที่ซึ่งมีรั้วล้อมรอบไว้ นั่นคือ “พุทธอุทยานวัดท้ายเมือง” โดยพุทธอุทยานแห่งนี้มีความเป็นมายาวนานมากค่ะ เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 ท่านเจ้าอาวาสวัดท้ายเมืองในขณะนั้น มีดำริที่จะพัฒนาพื้นที่หน้าพระอุโบสถให้เป็นสวนธรรม เพื่อใช้เป็นสถานศึกษาเกี่ยวกับต้นไม้ในพุทธประวัติ รวมทั้งจัดสร้างพระประจำวันให้พุทธศาสนิกชนได้เข้ามาสักการะบูชา ตลอดจนให้พื้นที่แห่งนี้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางพุทธศาสนาของวัด ท่านจึงได้เริ่มปลูกต้นไม้ต่าง ๆ ไว้ในพื้นที่แห่งนี้ค่ะ จนกระทั่งปลายปี พ.ศ. 2550 ท่านเจ้าของร้านวัสดุก่อสร้าง ผู้มีความเลื่อมใสและศรัทธาในพุทธศาสนามีความประสงค์จะเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างพุทธอุทยานถวายให้กับทางวัด จึงเริ่มก่อสร้าง และปรับปรุงพื้นที่เรื่อยมา รวมทั้งจัดหาต้นไม้ในพุทธประวัติ นำไม้มงคลมาปลูก และจัดสร้างพระประธาน พระประจำวัน โดยได้รับแรงสนับสนุนจากกัลยาณธรรม จนสามารถปรับปรุงภูมิทัศน์ในพุทธอุทยานได้จนแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 จนถึงปัจจุบัน แม้เวลาจะล่วงเลยมา 10 กว่าปี หลังจากพุทธอุทยานแห่งนี้สร้างจนแล้วเสร็จ แต่สภาพของพระพุทธรูปที่ตั้งตระหง่านกลางแจ้ง ท่ามกลางไม้นานาพันธุ์ยังคงงดงาม ดูเหมือนใหม่ โดยพระพุทธรูปในพื้นที่นี้มีจำนวน 12 องค์ แต่ละองค์ที่ตั้งอยู่นั้นจะมีชื่อปางของแต่ละองค์เขียนกำกับไว้ รวมทั้งมีแท่นยกพื้นสูง สำหรับให้ผู้ที่สนใจสามารถนั่งปฏิบัติธรรมเบื้องหน้าพระพุทธรูปได้ด้วยค่ะ ในส่วนของพระปางประจำวัน จะมีชื่อปางประจำวันของพระพุทธรูปแต่ละองค์ รวมทั้งบทสวดมนต์บูชา และจำนวนบทที่ต้องสวดบูชาด้วยค่ะ นอกจากพุทธอุทยานแล้ว ด้านหน้าประตูทางเข้าวัดท้ายเมืองยังมีสวนหย่อยขนาดใหญ่ ประกอบด้วยเก้าอี้นั่งเล่น ม้าหิน ก้อนหินขนาดใหญ่เพื่อให้คนทั่วไปสามารถนั่งเล่นเย็นใจ ซึ่งสวนหย่อมแห่งนี้ คือ “สวนอนันทสุข” โดยเป็นสวนหย่อมที่ร่มรื่นมากค่ะ เพราะมีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมเกือบทั้งสวน จึงทำให้มีเศษใบไม้ร่วงหล่นตามพื้นจำนวนมาก ด้วยความที่วัดนี้มีต้นไม้ใหญ่เยอะมาก ดังนั้น ทางวัดจึงมีกุศโลบายในการจัดทำ “เสวียน” คือ การนำไม้ไผ่มาสานล้อมรอบโคนต้นไม้ เพื่อเอาไว้เก็บเศษใบไม้และใบหญ้าที่จะใช้ทำปุ๋ย โดยทางวัดได้ติดป้ายตามมุมต่าง ๆ ของวัด เกี่ยวกับวิธีการใช้งานเสวียน และข้อดีของเสวียนให้แก่ผู้สนใจได้อ่าน และนำไปเป็นแนวทางในการกำจัดใบไม้และใบหญ้าได้ด้วยค่ะ แนวคิดนี้ยอดเยี่ยมมาก ๆ ค่ะ วัดท้ายเมือง จังหวัดนนทบุรี เป็นวัดขนาดกลางที่เงียบสงบ ผู้คนไม่มากมายเหมือนวัดแห่งอื่น แต่กลับมีแง่มุมที่น่าสนใจ ทั้งศิลปกรรมทางพระพุทธศาสนา พุทธอุทยาน สวนอนันทสุข และเสวียน ที่พร้อมให้พุทธศาสนิกชนได้เข้ามาเยี่ยมชน พักพิง ตลอดจนศึกษาและเรียนรู้ หากเพื่อน ๆ มีโอกาสผ่านมาจังหวัดนนทบุรี สามารถมาเที่ยมชมได้โดยไม่ต้องนัดหมาย เพราะทางวัดเปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือนเสมอค่ะ // All Photos by Sakooclub //