(เครดิตภาพปกจากเว็บไซต์อุทยานแห่งชาติ) เห็นฟีดข่าวในหน้าเฟซบุ๊คชวนเที่ยวภูกระดึง จังหวัดเลย ชวนให้นึกถึงความหลังเมื่อหลาย 10 ปีก่อน ใช่เลย...ถ้าถามว่าตอนนี้อยากเดินขึ้นภูกระดึงมั้ย คงปฏิเสธเบาๆ เพราะยังจำความรู้สึกเมื่อหลายสิบปีก่อนได้เป็นอย่างดี เหนื่อยแต่ท้าทาย จนต้องไปซ้ำถึง 2 ครั้ง เพราะที่นี่...คือ หนึ่งในอุทยานที่คนไทยทุกคนควรได้ไปสัมผัส สัก "ครั้งหนึ่งในชีวิต" และจนถึงทุกวันนี้ ก็ยังมีกระแสต่อต้านการสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง เพราะประสบการณ์การเดินขึ้นที่นี่ ช่างน่าประทับใจ หวนย้อนคิดถึงทีไร ก็อิ่มเอมในหัวใจทุกที เพราะที่นี่ เป็น... "ของขวัญจากธรรมชาติ รางวัลแห่งผู้พิชิต" อุทยานแห่งชาติภูกระดึง อยู่บนพื้นที่ราบสูง ที่สูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 400 เมตรขึ้นไป จุดสูงสุดประมาณ 1,316 เมตร พื้นที่ทั่วไปยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่านานาชนิด ธรรมชาติป่าไม้ น้ำตก และยังมีสัตว์ป่า ส่วนอากาศจะผันแปรตามฤดูกาล ซึ่งจะมีอันตรายสำหรับนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝน จึงมีการปิดไม่ให้ท่องเที่ยวในช่วงเดือนมิถุนายน - กันยายน ของทุกปี แต่ช่วงที่ได้รับความนิยมจะเป็นช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่ปลายปี - ต้นปีถัดไป เครดิตภาพจาก https://pixabay.com/ การพิชิตภูกระดึงให้ได้นั้น สำคัญที่ใจ ถ้าใจได้ ทางไกลก็เหมือนใกล้ ทางชันก็เดินสบาย สารภาพจากใจว่า ในการขึ้นครั้งแรกนั้น กว่าจะถึง "ซำแฮก" ก็ “หอบแฮก” เหมือนชื่อซำ ต้องทั้งอึด ทั้งฮึด กว่าจะถึง แต่จุดนี้นี่เองเป็นเครื่องวัดว่า เมื่อคุณไปถึงได้ คุณก็ได้สิทธิ์ไปต่อ เพราะก่อนจะถึงเป้าหมายสุดท้าย มันต้องมีความสำเร็จเบื้องต้นเป็นใบเบิกทางก่อนเสมอ วิธีที่จะไม่ให้เหนื่อยมากก็คือ การค่อย ๆ เดินไป ชมวิวทิวทัศน์สวยๆ ของภูกระดึงไป เพราะระหว่างทางเดิน มีต้นไม้น้อยใหญ่ข้างทาง โดยเฉพาะต้นสนมากมาย เครดิตภาพจาก https://pixabay.com จากซำแฮก เราต้องผ่านอีกหลายซำ เช่น ซำแคร่ ซำกกไผ่ แต่เชื่อเถอะว่าทุกซำในความรู้สึก "ก็เป็นแค่ทางที่ต้องผ่าน" อาจมีพักบ้าง หรือเดินผ่านแบบชิลๆ แบบ “ไปต่อ ไม่รอแล้วนะ” จริง ๆ แล้ว การขึ้นภูกระดึง มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะถ้ามันยากเกินไป ผู้คนมากมายคงขึ้นไปไม่ได้ ขอเพียงแค่เตรียมตัวให้ดี มีเพื่อนไปด้วยกัน อย่าหอบสัมภาระติดตัวไปเยอะ สิ่งสำคัญก็จ่ายเงินจ้างลูกหาบเอาขึ้นไปให้ เพราะแม้จะเอาแค่กระเป๋าเล็กๆ ติดตัวไป พอถึงจุดเหนื่อย เหงื่อไหลโซม เรายังอยากทิ้ง ไม่อยากได้อะไรอีกแล้วชีวิตนี้ ดังนั้น เอาไปแค่ตัว หัวใจ + เงินในกระเป๋าก็พอ หิวก็ซื้อกินเอา แม้คนขายจะบวกราคาน้ำ ผลไม้ ก็จะไม่รู้สึกว่าแพง ก็กว่าเขาจะขนขึ้นไปขาย ณ จุดนั้นๆ ได้ เรารู้ซึ้งแล้วว่ามันเหนื่อยแค่ไหน เครดิตภาพจาก https://www.flickr.com/photos/newdavich/4048690787 เมื่อผ่านซำต่างๆ ขึ้นมาแบบ "กี่ซำฉันก็ผ่านมาแล้ว" จุดวัดใจอีกจุดก็คือ จุดที่กำลังจะปีนขึ้นหลังแป ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายก่อนไปถึงป้าย เราคือผู้พิชิตภูกระดึง นั่นแหละ แม้จะเหนื่อยแสนสาหัสและทางจะชันเป็นพิเศษ แต่ทุกคนก็มีแรงฮึดสุดท้ายไปถึงได้ทุกคน เชื่อสิ และถึงเวลาถ่ายรูปกับป้าย "เราคือผู้พิชิตภูกระดึง" ก็เห็นยิ้มและแอ๊คชั่นกันอย่างเริงร่า ทำเหมือนไม่เหนื่อย จริงมั้ยล่ะ? https://pixabay.com/th/photos/ภูกระดึง-ธรรมชาติ-ดวงอาทิตย์-2725214/ บนภูกระดึง มีจุดชมวิวมากมาย ตื่นแต่เช้าชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น ตอนเย็นไปผาหล่มสัก จุดชมพระอาทิตย์ตกดินและต้องมีภาพถ่ายที่นี่ให้ได้ ต่อให้ต้องเดินทางไป-กลับจากที่พักอีก 16 กิโลเมตรก็ยังไหว เพราะ "ของมันต้องมี" นอกเหนือจากนี้ ก็สุดแต่ใจจะไขว่คว้า การเดินป่า เที่ยวน้ำตก ถ่ายรูป กางเต็นท์ ฯลฯ ภูกระดึง เป็นมากกว่าแหล่งท่องเที่ยว เพราะทำให้เกิดการเรียนรู้ว่า มนุษย์อย่างเราๆ มีพลังแฝงที่เหลือเฟือในการทำอะไรที่คิดว่ายากให้สำเร็จได้ เพียงมุ่งมั่นและตั้งใจ และหากนำแง่คิดจากประสบการณ์เหล่านั้นมาใช้ในชีวิต เชื่อว่าเราจะสามารถเป็น “ผู้พิชิต” ได้อีกนับครั้งไม่ถ้วน ไปเถอะ ... อยากให้คุณเจออะไรดีๆ ด้วยตัวคุณเอง (หมายเหตุ...ไปในยุคที่ถ่ายภาพฟิล์ม ถึงวันนี้ แม้ทุกภาพจะยังอยู่ในความทรงจำ แต่ไม่มีภาพถ่ายเก็บไว้เลย)