เคยสงสัยกันบ้างไหมว่า “กองทัพหุ่นทหารและม้าดินเผา” ของจักรพรรดิจิ๋นซี มีขั้นตอนการปั้นอย่างไร วันนี้เราจะมาเฉลยกันค่ะ “กองทัพหุ่นทหารและม้าดินเผา” ( Terracotta Warriors and Horses ) หรือ “ปิงหมาหย่ง” ในภาษาจีนกลาง ( ปิง แปลว่า ทหาร; หมา แปลว่า ม้า; หย่ง แปลว่า หุ่น ) เป็นส่วนหนึ่งของ “สุสานจักรพรรดิจิ๋นซี” ตั้งอยู่ที่ตำบลหลินถง ห่างจากตัวเมืองซีอานไปทางตะวันออกเฉียงหนือราว 35 กิโลเมตร จัดเป็นสุสานขนาดใหญ่ที่สุดในสังคมศักดินาของจีน ที่ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 38 ปี ด้วยแรงงานมนุษย์กว่า 700,000 คน เริ่มก่อสร้างตั้งแต่เจ้าของสุสานยังเป็นอ๋องแคว้นฉินมีพระชนมายุเพียง 13 ชันษา และไปสิ้นสุดลงภายหลังจากที่องค์จักรพรรดิจิ๋นซี จักรพรรดิองค์แรกในประวัติศาสตร์จีน สวรรคตไปแล้วถึงสองปี ในส่วนของหุ่นทหารนั้น ช่างจะแยกทำเป็นส่วน ๆ โดยลงมือปั้นและเผาทุกส่วนไปพร้อมๆ กัน ส่วนหัวของหุ่นเกิดจากช่างฝีมือสร้างแม่พิมพ์ขึ้นมาจำนวนหนึ่ง ซึ่งจากการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญในยุคหลัง ลงความเห็นว่ามีอยู่ด้วยกัน 8 เบ้าหน้า จากนั้นจึงหล่อส่วนหัวขึ้นจากแม่พิมพ์ พร้อมทั้งเติมรายละเอียดพื้นฐานของเครื่องหน้า ใบหู หนวดเคราและทรงผม เพื่อให้เกิดเอกลักษณ์บุคคลเป็นรายหัว เสร็จแล้วจึงนำหัวดินปั้นไปเผาที่ความร้อนกว่า 1,000 องศาเซลเซียส ก่อนที่จะส่งต่อให้ช่างทาสีแต่งแต้มสีสันบนใบหน้า สำหรับร่างกายของหุ่นทหารจะแยกปั้นและลงสีเป็นส่วน ๆ เช่นเดียวกับหุ่นม้า ต่างกันที่การปั้นหุ่นม้าต้องใช้ความพิถีพิถันสูง เนื่องจากเป็นการปั้นหุ่นขนาดใหญ่โดยเฉพาะช่วงลำตัวของม้าที่ต้องระมัดระวังเรื่องโครงสร้างและน้ำหนักตัวเป็นพิเศษ ขั้นตอนสุดท้ายคือการรวมร่างหุ่นทหารและม้าโดยนำชิ้นส่วนต่างๆ มาประกอบกัน ณ ตำแหน่งที่จะนำหุ่นไปวาง หุ่นทหารและม้าจึงมีหน้าตาท่าทางแตกต่างหลากหลาย อีกทั้งยังมีสีสันสดใสงดงามสมดังเจตนารมย์ของจักรพรรดิจิ๋นซีที่ต้องการให้โฉมหน้าของหุ่นแต่ละตัวไม่ซ้ำกัน เพื่อให้อาณาจักรหลังความตายดูสมจริงสมจังมากที่สุด แม้ว่าวันนี้สีสันต่างๆ จะจางหายไปเกือบหมดเนื่องจากกาลเวลาและการสัมผัสกับอากาศอันแห้งแล้งระหว่างการขุดค้นส่งผลให้สารเคลือบเงาแห้งและหลุดร่อนจนดึงเม็ดสีให้หลุดติดออกไปด้วย เรื่องนี้กลายเป็นข้อกังวลหลักที่นำไปสู่คำสั่งระงับการขุดค้นสุสานจักรพรรดิจิ๋นซีส่วนที่เป็นสุสานหลวงจากรัฐบาลจีน เพราะเกรงว่าจะทำให้สิ่งที่อยู่ภายในแปรเปลี่ยนสภาพไปจนเกิดความเสียหายใหญ่หลวง ในส่วนของกองทัพหุ่นทหารและม้านั้น หลังจากการเปิดหลุมเพื่อขุดค้นและนำชิ้นส่วนของหุ่นที่แตกหักเสียหายมารวมร่างกันใหม่ พร้อมกับเปิดให้ประชาชนเข้าชมเมื่อหลายสิบปีก่อน (วันชาติจีน 1 ตุลาคม ค.ศ. 1979) การขุดค้นและตกแต่งยังดำเนินมาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งสะดุดลงในปี ค.ศ. 1985 เนื่องจากความกังวลเรื่องสีหลุดร่อนส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งเกิดจากเหตุการณ์คนงานขโมยศีรษะหุ่นทหารตัวหนึ่งไปซึ่งส่งผลให้ถูกตัดสินประหารชีวิตในเวลาต่อมา ข่าวดีคือในช่วงหยุดพักการขุดค้น นักวิจัยชาวจีนร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากประเทศเยอรมนีได้พัฒนาสารรักษาสภาพที่เรียกว่า “พีอีจี” (PEG) เพื่อช่วยเก็บรักษาเม็ดสีของหุ่นทหารไว้ หลักการทำงานคือเมื่อมีการขุดพบศิลปวัตถุที่มีสี ให้พ่นสารพีอีจีลงบนส่วนที่สัมผัสอากาศ จากนั้นนำพลาสติกมาห่อเพื่อเก็บรักษาความชื้น ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายชิ้นส่วนพร้อมทั้งผืนดินที่อยู่โดยรอบไปยังห้องปฏิบัติการเพื่อดำเนินการรักษาสภาพขั้นต่อไป ความสำเร็จนี้นำไปสู่การเริ่มขุดหลุมขุดค้นหมายเลข 1 ซึ่งเป็นหลุมขุดค้นหลักอีกครั้งในปี ค.ศ. 2009 ปัจจุบันหุ่นทหารและม้าดินเผาที่จัดแสดงในหลุมขุดค้นหมายเลข 1 มีทั้งที่ยังนอนระเกะระกะเป็นเศษเล็กเศษน้อยและแบบที่รวมร่างเรียบร้อยด้วยการนำปูนปลาสเตอร์มาฉาบหรืออุดรอยแตกไว้ หุ่นบางตัวไร้หัว บางตัวนักโบราณคดีจงใจทิ้งรอยปริแตกภายหลังการซ่อมแซมไว้อย่างนั้น แสดงถึงแนวคิดของงานโบราณคดีสมัยใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์มากขึ้น และส่วนที่เหลืออีกหลายพันตัวนั้น ยังคงถูกฝังอยู่ใต้ดินเพื่อรอการขุดค้นต่อไป โดยมีรายงานการค้นพบชิ้นส่วนใหม่ ๆ ที่มีสภาพสมบูรณ์เพิ่มขึ้นทุกปี *รูปภาพประกอบบทความทั้งหมดโดยผู้เขียน