ทริปพม่านี้ คิดอยู่นานมาก นอนคิด นั่งคิด ฝันแล้วก็คิด สุดท้ายก็แพ้ใจตัวเอง รู้ตัวอีกที ตอนก็ตอนมียอดตัดบัตรเข้ามาจาก Traveloka T_Tตั๋วเครื่องบินไปพม่าพร้อม เอาล่ะ จะไม่ไปก็ไม่ได้ ต้องไปดูให้รู้ตัวด้วยตาของตัวเอง พม่า ประเทศเพื่อนบ้านที่มักจะโดนเมิน เมื่อเทียบกับสิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น คนมักจะกลัวว่า จะเที่ยวยากมั้ย อาหารเป็นยังไง ไปดูอะไร ที่พักปลอดภัยมั้ย สำหรับเรา สายลุย คิดอย่างเดียวในหัวว่า ไป หรือ ไม่ไป หลังจากนั่งคิดอยู่สาววันสามคืน ก็ตัดสินใจ.. เอาสิว่ะ... ไปก็ไป ลงน้ำลุยไฟ เราพร้อมมากค่ะ ! เส้นทางที่เราตัดสินใจอยากจะไป คือ กรุงเทพ- มัณฑะเลย์ - พุกาม - ทะเลสาบอินเล - ย่างกุ้ง บินกลับกรุงเทพ รวมทั้งสิ้น 7 วัน แต่เป็น 7 วันทรหด เหนื่อยมากกกกกกกกก แต่ก็สนุกสุดๆ (มีน้ำตาซ่อนอยู่) เดินทางโดยสายการบินแอร์เอเชีย ดอนเมือง-มัณฑะเลย์ รู้น่ะว่าสงสัยทำไมบินไปมัณฑะเลย์ก่อน ตอบตรงๆเลยนะคะ เพราะตั๋วถูกค่ะ จริงๆ จะบินสลับรูทก็ได้ ไม่ว่ากัน ลงย่างกุ้งกลับมัณฑะเลย์ แล้วแต่แผนของแต่ละคนเลยค่ะ เนื่องจากบินเช้าเก้าโมงต้องถึงสนามบิน แน่นอนว่ากรุงเทพ รถติดเอาแน่เอานอนไม่ได้ นี้ก็แหกขี้ตาตั้งแต่หกโมง รอรถบัส A4 จากเส้นสนามหลวง ราคา 30 บาท ไม่ถึงชั่วโมงก็ไม่ถึงสนามบินดอนเมืองก่อนเวลาถึงสองชั่วโมง มาเร็วยังไงก็ดีกว่ามาช้า ทำการเช็คอิน ผ่าน security จนมาถึงหน้าเกท แต่เกิดหิวมาก ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง เลยแวะหาขนมนมเนยกิน จนมาหยุดอยู่ที่สตาบัคส์ สั่งลาเต้เย็นใส่เยลลี่กาแฟและมัฟฟินช็อคโกแลต ตื่นเต้นบอกไม่ถูก ได้กลัวอะไรเลยน่ะ กลัวอย่างเดียว จะมีอะไรให้กินมั้ย ท้องก็ต้องให้อิ่ม เที่ยวก็อยากเที่ยว บินไม่นาน.. หนึ่งชั่วโมงครึ่ง เราก็มาถึงยังสนามบินมัณฑะเลย์ มองวิวลงมาจากหน้าตาเครื่องบินจะเห็นแม่น้ำอิระวดี หรือเอยาวดีในภาษาพม่า เป็นแม่น้ำสายสำคัญของประเทศพม่ามาตั้งแต่อดีต ตื่นเต้นมาก เพราะเคยได้ยินชื่อแม่น้ำอิระวดีมาตั้งแต่สมัยประถมในวิชาสปช. นี้มาเห็นด้วยตาตัวเองแล้ว อธิบายไม่ถูก มันยิ่งใหญ่จริงๆ ทั้งอากาศดีทำให้เห็นเมืองมัณฑะเลย์จากด้านบน เห็นทุ่งนาสีเขียว วัดและเจดีย์แปลกตาสีทองอร่าม กระพริบตาเดียว ก็พาตัวเองออกมายังตม. คนไทยสามารถมาพม่าได้ 14 วัน ไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ สนามบินมัณฑะเลย์เป็นสนามบินเล็กๆ เหมือนสนามบินเชียงรายมีอาคารเดียว สายพานรับกระเป๋าสองช่อง เดินออกมาก็ถึงทางออกเลย มีที่แลกเงินอยู่หนึ่งเคาน์เตอร์ข้างๆ ที่รับกระเป๋า เวลาในพม่านั้น จะช้ากว่าไทยอยู่ครึ่งชั่วโมง ถ้าประเทศไทย 12.30 พม่าก็จะเวลา12.00 ไม่ต้องปรับมากมาย พอรับกระเป๋าแล้วก็มองหาที่แลกเงินเพื่อซื้อตั๋วรถบัสเข้าเมือง ทริปนี้เราพกเงินยูเอส ดอลล่าร์ (US dollar: $ ) มาและเงินไทยนิดหน่อย แต่สำคัญ เงินดอลล่าร์ต้องไม่มีรอบพับ ฉีก ขาด หรือเปื้อน เพราะคนที่นั่นจะไม่รับเลย เค้าจะรับใบใหม่เท่านั้น สกุลเงินพม่าจะเรียกว่า จ๊าด (kyat) คิดง่ายๆ 2000 จ๊าด = 20 บาท ต้องระวังการแลกเงินให้ดี เพราะได้ยินเรื่องการโกงตอนรับเงินมาเยอะมาก เรานับต่อหน้าพนักงงานจนกว่าจะถูกต้องครบถ้วน เพราะจะได้ทักท้วงได้เวลาโดนโกง จะมีสามสกุลเงินให้แลกในสนามบิน US dollar($) , Singapore dollar(SGD) และเงินยูโร (€) เราแลกด้วยดอลล่าร์ เรทไม่แย่มากมาย แลกนิดหน่อยแล้วก็ไปแลกในเมืองอีกทีค่ะ เดินออกมาจากที่รับกระเป๋า จะมีคนคอยถามว่า แท็กซี่ๆ เราเดินเข้าไปยังเคาน์เตอร์บัสชื่อว่า Shwe nan san เป็นรถตู้แชร์คน คนละ 8000 จ๊าด 80 บาทต่อคน เนื่องจากสนามบินอยู่ไกลออกมาจากตัวเมือง ไม่ได้ซื้อซิมการ์ดเพราะคิดว่าอยากจจะใช้เวลาในพม่ามากกว่าบนโซเชียล รูปส่วนใหญ่ก็จะได้แชร์หลังกลับมาไทยแล้ว แต่สำหรับคนที่กังวล สนามบินก็มี wifi ให้ใช้เผื่อใครจะส่งข้อความบอกทางบ้านว่าเดินทางมาถึงปลอดภัยแล้ว โรงแรมที่พักชื่อว่า Silver Cloud หรือ Taim Phyu Hotel อยู่ใจกลางเมือง มีร้านปิ้งย่างอยู่ข้างๆ โรงแรม คืนล่ะ 9 ยูเอสดอลล่าร์ สภาพห้องค่อยข้างเก่า มีAC น้ำฟรีสองขวด แต่รวมอาหารเช้า รถตู้มาส่งเราถึงหน้าโรงแรม มีคนมาช่วยหิ้วกระเป๋า พาไปเช็คอิน สามารถจ่ายด้วยบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิตได้ นับว่าเซอร์ไพรส์มาก แล้วเราก็ได้รับตั๋วรถไฟที่จองผ่านอินเตอร์เน็ตมาก่อนจากเมืองไทยแล้ว จากรีเซปชั่น มารับที่โรงแรมเนื่องจากเค้าส่งมาให้สามวันก่อนเดินทางเท่านั้น โล่งใจแล้วค่ะ มีตั๋วไปพุกาม ไม่ต้องกังวล เที่ยวให้สบาย วางของพักเหนื่อยนิดหน่อย ก็ลงไปขอแผนที่เพื่อจะเดินรอบๆเมืองเก่า ดูวิถีชีวิตคนในเมือง แพลนวันนี้ก็คือ โนแพลนค่ะ! คิดเอาตอนนั้นเลย แต่คงจะเดินชิวๆ และหาอะไรกินรอบๆเมือง และชมพระอาทิตย์ตกดินในตอนเย็น ก่อนจะออกเดินดูรอบๆ ขอเล่าประวัติคร่าวๆ ของมัณฑะเลย์ก่อน มัณฑะเลย์เป็นอดีตเมืองหลวงเก่า เป็นราชธานีสุดท้ายของราชวงศ์พม่าก่อนระบอบกษัตริย์จะโดนโค่นล้มโดยอังกฤษและตกเป็นเมืองขึ้นในปี 1824 ถึง 1948 เป็นระยะเวลา 64 ปี โดยกษัตริย์องค์สุดท้าย พระเจ้าธีบอได้ลี้ภัยไปอินเดียและไม่ได้กลับมาอีกเลย พม่าโดนผนวกเข้ากับอินเดียแล้วอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษแบบระบบอาณานิคม ก่อนพม่าจะได้รับเอกราชอีกทีในปี 1948 โดยเมืองมัณฑะเลย์เป็นเมืองที่ใหญ่อันดับสองรองจากย่างกุ้ง ( Yangon) เมืองหลวง สิ่งนึงที่เห็นได้ชัดคือ แผงผังเมืองที่มีระบบระเบียบเป็นบล็อกๆ ต้องขอบคุณอังกฤษที่ได้วางระบบให้กับเมือง แต่ข้อเสีย คือมอเตอร์ไซต์จะขับและหยุดในทุกๆแยก เสียงแตรทุกทิศทา เพื่อเตือนรถคนอื่น ใครเคยไปอินเดียมาก่อนจะรู้ว่า พม่านั้นเป็นน้องๆอินเดียเลยค่ะ วิวสวยๆ เดินเรียบคูเมือง อีกฝั่งเป็นพระราชวังเก่ามัณฑะเลย์ ระหว่างเดินไปเรื่อยๆ จะเห็นคนมาเดินออกกำลังกาย วิ่งและถ่ายรูปเล่น แทบจะไม่เห็นนักท่องเที่ยว บรรยากาศเหมือนคูเมืองเชียงใหม่ แต่มีระบบทางเดินเท้าที่ดี เดินไปค่ะ ชิวๆ เสน่ห์อีกอย่างตั้งแต่มาคือ คนพม่าจะมองชอบมองชาวต่างชาติและยิ้มๆให้ เขินอายเวลาเรายิ้มกลับ เด็กๆก็จะโบกมือให้ ทุกคนดูเป็นมิตรมากๆ น่ารักและดูเป็นธรรมชาติ ผู้หญิงแต่งตัวเรียบร้อย แทบจะไม่เห็นคนแต่งตัวโป๊ สายเดี่ยว หรือขาสั้นเลย ผู้ชายจะนุ่งโสร่ง แปลกตาไปอีกแบบ เหมือนย้อนกลับไปสมัยก่อน นี่แหละเหมือนตอนก่อนมาพม่า มีคนบอกไว้ว่า พม่าเหมือนเมืองไทยย้อนไปสามสิบสี่สิบปีก่อน เดินผ่านงานวัด เลยลองแวะเข้าไปหน่อย มีเครื่องเล่น ของกิน เสื้อผ้า คนเดินขวักไขว่แต่ที่แน่ๆ ไม่มีต่างชาติเลยสักคน ทุกคนจ้องมายังเรา จนเกร็งบ้าง แต่ก็แค่ยิ้มๆให้ เห็นขนมหลากหลายชนิด แปลกตา เลยลองซื้อขนมที่วางขายจากป้าร้านนึง ราคา 10 บาท เหมือนตังเมเค็มๆ ทำจากแป้งข้าวเหนียวแล้วราดด้วยมะพร้าว แม่ค้าไม่พูดภาษาอังกฤษ เราก็ยื่นแบงค์ 1000 จ๊าดให้ เค้าก็ตักๆ เยอะพอสมควร เพลินๆ เหนียวๆ ไม่แย่ ส่วนชื่อนั้น จำไม่ได้ ต้องขออภัยค่ะ พอค่ำๆ ก็เดินเรียบทางเดินทางเดิม เพื่อกลับไปยังโรงแรม เลยแวะกินไก่ย่างห้าดาวที่พม่า เป็นร้านไก่ย่าง 5 ดาวเหมือนที่ไทย มีแอร์และพนักงงานบริการดีมาก สั่งข้าวไก่ทอดและไก่ย่างมา ให้น้ำพริกน้ำปลามา อร่อยดีใช้ได้ มื้อแรกในพม่า ขอ Playsafe ไว้ก่อน พนักงงานเข้ามาถามไถ่ตลอดว่าดีมั้ย กินได้มั้ย เอาน้ำเพิ่ม ซุปเพิ่มมั้ย บริการทุกระดับประทับใจจนต้องให้ทิป ใครมาพม่าแล้วกลัวอาหารไม่ถูกปาก ก็แวะมาไก่ย่างห้าดาวได้ค่ะ รสชาดไม่ต่างจากไทยมาก วิวยามเย็น ชิวล์ดเหมือนกัน เที่ยวแบบไม่เร่งรีบ วันนี้เลยแวะร้านคาเฟ่เก๋ๆ สังเกตวิถีชีวิตแบบวัยรุ่นของพม่าหน่อย ว่าเค้าแฮงค์เอ้ากันแบบไหน เราจัดไปเลยร้านนี้ Cafe city ตั้งอยู่ตรงเส้นคูเมืองใกล้กับ National Theater จะเห็นเป็นร้านเล็กๆ แต่ข้างในกว้างขวาง ตกแต่งแนวฝรั่ง คนเยอะใช้ได้ มีโซฟานั่งสบาย เลือกไม่ผิดเลยค่ะ เป็นร้านแรกที่สามารถเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ และคนพม่าปนกันไป พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ มีเมนูภาษาอังกฤษ มาถึงถิ่นแล้วก็ต้องลองสั่งเบียร์ Myanmar กับ Mandalay มาลอง รสชาดใช้ได้ ราคาไม่แพง กินเพลินๆ ใครไม่ดื่มแอลกอฮอลก็สั่งน้ำผลไม้ ชากาแฟ ก็มีให้บริการนะคะ ก่อนจะออกมาต่อร้านข้างทางใกล้ๆ ก่อนถึงโรงแรม เป็นร้านปิ้งย่าง เลือกเป็นไม้ๆ ใส่จานแล้วเค้าจะปิ้ง แล้วมาเสิร์ฟให้พร้อมกับน้ำจิ้มเปรี้ยวๆ เผ็ดๆ อันนี้เข้าท่า ดูท่าทางอร่อย ราคาคงไม่แพงมาก แล้วแต่ไม้ แต่เราสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง เลยหยิบๆ ใส่ๆ คิดว่าคงไม่แพงอะไรมากมายหรอก เค้าพาไปนั่งโต้ะให้เสร็จสับ ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ น่ากินสุดๆ น้ำจิ้มจัดว่าเด็ด ร้านอาจจะไม่ถือว่าสะอาดมากมาย ก็พอรับได้ เต้าหู้ชุบด้วยพริกแบบพม่าเหมือนกินหมาล่า และเนื้อย่างก็อร่อย สรุปจ่ายไปทั้งหมดรวมเบียร์อีกสองขวด ประมาณ 160 บาท ไม่แพง แถมได้บรรยากาศโลคอล นั่งกินข้างถนน คนเข้ามาซื้อกลับบ้านตลอด ถ้ามีโอกาสลองแวะทานค่ะ ไม่จำเป็นต้องเป็นร้านนี้ เพราะจริงๆแล้ว ทั่วมัณฑะเลย์มีร้านปิ้งย่างเสียบไม้เยอะแยะ แต่เลือกความสะอาดสักนิด จะได้ไม่มีปัญหาในวันถัดไป กินเสร็จก็เดินกลับโรงแรม อาบน้ำ เข้านอน พักผ่อนเพราะพรุ่งนี้จะตระเวนรอบเมืองชมวัด เจดีย์สวยๆรอบมัณฑะเลย์โดยไกด์ชาวพม่าที่นัดแนะกันบนถนนตอนเดินกลับมายังโรงแรม คุยกันถูกคอ ราคาเป็นมิตร เลยขอเบอร์โทรนัดแนะกันเรียบร้อย ว่าแต่พรุ่งนี้จะไปที่ไหนบ้าง โปรดติดตามใน EP.2 มัณฑะเลยแบบเรียลๆค่ะ ....Sunset in Mandalay ...