ทริปนี้ ก็จะงงนิด ๆ เพราะตั้งใจว่าจะพาแม่มาเที่ยวที่น้ำตกแจ้ซ้อน แต่บังเอิญนึกได้ว่า เลยไปอีกนิดก็คือกิ่วฝิ่น อ.เมืองปาน สถานที่ท่องเที่ยวอีกหนึ่งแห่ง ที่กำลังโด่งดังของลำปาง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว เพราะที่นี่จะหนาวเหน็บเจ็บทรวงมาก โดยเฉพาะปลายปี 2562 ที่ผ่านมา โดนไปที่ -1 องศา แถมยังโดนพายุลูกเห็บถล่มซ้ำเข้าไปอีก ถามว่า “งง” อะไรในทริปนี้? ก็เพราะว่าไปผิดช่วงเวลา เค้าไม่ค่อยหนาว ไม่ค่อยขึ้นไปเที่ยวกันแล้ว เราก็ยังพาแม่ขับรถขึ้นไป สรุปว่าไม่เจออะไรอย่างที่คิด ก็เลยมานั่งกินข้าวที่ “โครงการพระราชดำริดอยล้าน” นี่ไง!! (ห่อข้าวมานะ) ไหน ๆ ก็มาแล้ว แวะชมวิวกันหน่อยละกันเนอะ... เรากำลังจะขับรถเข้าไปที่น้ำตกแจ้ซ้อนแล้วล่ะ แต่เค้าบอกว่าข้างบนสวย ขึ้นไปชมวิวได้ มีน้ำตกด้วย เราก็เลยกลับรถ แล้วค่อย ๆ ขับรถขึ้นไป เส้นทางจะคดโค้ง และขึ้นเขามากด้วย ความชันพอสมควร หากใครไม่นิยมการขับรถขึ้นเขา หรือไม่ค่อยชิน แนะนำว่าอย่าขับขึ้นไปเองนะ หาพลขับจะดีที่สุด ส่วนสายชิลล์อย่างบิ๊กไบค์ ก็งานสนุกเค้าล่ะนะ จริง ๆ เราขับผ่าน “ดอยล้าน” ไปพอสมควร ถ้าไม่กลับรถลงมา คงจะเลยไปถึง “ดอยสะเก็ด” เชียงใหม่โน่นแล้ว (คือคุยหยอกกับแม่) อย่าที่บอกข้างต้น ไม่ใช่ช่วงเวลาท่องเที่ยวแล้ว ความสวยงามก็ผ่านพ้นไปเช่นกัน เลยตกลงกับแม่ว่า เราไปเที่ยวที่ “ดอยล้าน” เอาก็ได้เนาะแม่เนาะ!! แล้วค่อยไปลวกไข่ที่แจ้ซ้อน จากภาพก็ได้บรรยากาศดี ๆ ไปอีกแบบเหมือนกัน เรื่องเล่าอีกอย่างก็คือ ในวันนั้น น่าจะมีทริปจักรยาน จากดอยสะเก็ดเชียงใหม่ มาถึงน้ำตกแจ้ซ้อน การขับรถขึ้นเขาวันนั้น ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ยิ่งในช่วงที่ฝั่งจักรยานลงจากดอย และเป็นทางโค้ง ก็จะระแวงนิด ๆ ห่วงว่าจักรยานจะข้ามเลนส์มาทักทายเอา ใจหายใจคว่ำอยู่เป็นระยะกันเลย ส่วนพี่ในภาพนี้ ท่าทางจะเหนื่อยเอามาก ๆ แกแวะถามว่ามีร้านค้าบ้างไหมแถวนี้ เอาจริง ๆ ก็ไม่มีหรอก เลยบอกแกไปว่า อีกไม่ไกลก็ถึงน้ำตกแจ้ซ้อนแล้ว สู้ ๆ นะพี่!! คือไม่ทันได้ถามว่าอยากได้อะไรไหม? เผื่อจะได้แบ่งให้ ก็ไม่ทันซะละ พี่เค้าขี่จักรยานเลยไปโน่นแล้ว การตกแต่งของที่นี่ เป็นไปแบบเรียบง่าย เพราะคือ “โครงการพระราชดำริ” มีการทำทางเดินไว้ให้แบบน่ารัก แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาข้อเข่านะ แม้ว่าจะมีทางเดินให้แล้วก็ตาม เพราะระยะก้าวต้องยกขาสูง เนื่องจากเป็นดอย ก็ต้องเข้าใจไปตามสภาพ ส่วนเรากับแม่ ไม่มีปัญหาอะไร เดินได้สบาย ๆ จับราวข้าง ๆ ไปด้วย...กันล้ม... มาถึงด้านบน มีต้นไม้สูงใหญ่แบบแปลก ๆ เต็มไปหมดเลย ที่นี่เค้าจะมีป้ายชื่อต้นไม้บอกเอาไว้ให้ด้วยนะ เหมือนกับอุทยานทุกที่ เค้าก็จะติดชื่อเอาไว้ เพื่อให้พวกเราได้ศึกษาธรรมชาติไปในตัว ด้านหน้าที่เราเห็น คือที่ทำการ แต่ตอนนี้ไม่มีใครเลย คงเพราะน่าจะเป็นวันหยุด เราเลยเดินเที่ยวไปรอบ ๆ เอง สนุกดี เบี่ยงออกมาทางขวา เป็นจุดชมวิว ที่มีภูเขายักษ์อยู่เบื้องหน้า มองจากในภาพ จุดที่เรายืน ต่ำกว่าระดับทิวเขานิดเดียวเอง คิดดูสิ!! ว่าเราหลงขับรถขึ้นมาสูงมากขนาดไหน แต่จะบอกว่า... ดีใจมากที่ได้มายืนที่ตรงนี้ ... ได้มาสูดอากาศดี ๆ แบบเต็มปอดอีกครั้ง อิจฉาคนข้างบนก็แบบนี้ล่ะ มีอากาศดี ๆ ไว้ใช้นานกว่าคนข้างล่างตั้งเยอะ… ที่นี่มีศาลาชมวิวด้วยนะ เรากับแม่มาแกะห่อข้าวกันตรงนี้ คุยกันไปก็ตลกกันไป เพราะจริง ๆ เรากับแม่ตั้งใจไปกินข้าวที่น้ำตกแจ้ซ้อนกัน เอาเป็นว่าเปิดประสบการณ์ใหม่ กับบรรยากาศใหม่ ๆ ได้ WOW มากแม่!! แต่ถึงแม้ว่าจะเลยช่วงปีใหม่อันหนาวเหน็บมาแล้ว ก็ไม่ได้ทำให้ลมที่พัดมาอุ่นนะ ก็หนาวคือเก่า..นั่นล่ะจ้า จากสภาพภูมิประเทศ และด้วยความเป็นภูเขา ที่นี่จึงไม่ค่อยมีรถใหญ่สัญจรมากนัก ไม่นับช่วงเทศกาลนะ จึงทำให้สังเกตได้ว่า จะมีทั้งนักบิด และนักปั่นมาใช้เส้นทางนี้อยู่เรื่อย ๆ ล่าสุด ก็มีงานวิ่งเทรล จากกิ่วฝิ่นไปดอยสะเก็ดด้วยนะ สายธรรมชาติ สายเอดเวนเจอร์ ต้องมาโดนนะ เราคิดว่าคุณจะหลงรักที่นี่ได้ไม่ยาก