มองไปรอบๆก็เริ่มงง นี้สเปนหรือไทเป ระบบขนส่งสาธารณะดีเริศ บ้านเมืองสะอาด อยู่ไม่ไกลนั่งเครื่องไม่นาน ค่าครองชีพไม่แพง จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ ที่นั้นก็คือ ไต้หวันไงจะใครหล่ะ ผ่าม ผ่าม ผ่าม! (เล่นเองตบเอง) วันนี้เป็นวันที่ 2 ของการทัวร์ไทเป จุดมุ่งหมายของเราคือ ตั้มสุ่ย (Tamsui) เขตเหนือเกือบสุดติดท่าเรือของไทเป ในใบแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวบอกมาว่า 'ตั้มสุ่ย หนึ่งในย่านยอดนิยมของไทเป ที่มีชื่อเสียงและดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายโดยเฉพาะการแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และท่าเรือบรรยากาศแสนโรแมนติก' โห แค่คิดภาพตามก็รู้สึกได้ถึงลมทะเลตีเข้าที่แก้มขวาผ่านไปแก้มซ้าย และเสยผมน้อยๆบนกระหม่อมของอิฉันไปด้วย ปูทางมาขนาดนี้แล้วก็ต้องแล้วแหล่ะ เอาหล่ะจับกล้องให้มั่น ผูกเชือกรองเท้าให้แน่น แล้วลุยกัน ไป๊! การเดินทาง เรานั่ง (เรียกว่ายืนเถอะเพราะคนทำงานและนักท่องเที่ยวเยอะมากในขบวน) MRT สายสีแดงไปลงสุดสายที่สถานี TAMSUI ตามแผนที่วางไว้สถานที่แต่ละจุดค่อนข้างห่างกัน เรามาถึงก็บ่ายแก่ๆกันแล้วจึงตัดสินใจว่า โอเค เช่าจักรยานกันดีกว่า เร็วกว่าและทำเวลาได้ด้วยเพราะตั้งใจมาดูพระอาทิตย์ตกที่ท่าเรือให้ทัน ที่นี้มีจักรยานให้เช่าหลายเจ้าแต่ที่สะดวกและเห็นคนใช้บริการกันเยอะจะมีของ YouBike คันสีเหลืองๆส้มๆเพราะหาง่าย มีรถให้เลือกเยอะและสามารถนำไปคืนที่สถานไหนก็ได้ สะดวกสุดๆ เราใช้บัตรเครดิตจ่ายกับตู้อัตโนมัติ ครึ่งชั่วโมง NT$10 (กดสมัครเอารถออกมาก่อน เอารถมาคืนทางบริษัทค่อยชาร์จกับบัตร) แต่ถ้ามีเบอร์มือถือของไต้หวันก็ใช้เบอร์มือถือได้เลย พิกัดจุดเช่าจักรยาน : ออกมาจากสถานีรถไฟ Exit 1 เดินตรงมา ก่อนเลี้ยวซ้ายไปถนนช้อปปิ้งจะเห็นจักรยานสีเดียวกันจอดเรียงกันไม่ต่ำกว่า 50 คัน นั้นแหล่ะใช่เลย เมื่อได้จักรยานมาแล้วก็ไปโลดจ้า คนที่นี้รวมถึงในเมืองอื่นๆในไทเปขับรถค่อนข้างเร็วและหวาดเสียว เพราะฉะนั้นเราต้องขับอย่างระมัดที่สุด อย่าหลงเลนอันนี้สำคัญ ไต้หวันขับคนละทางกับเรานะชิดขวาเข้าไว้ ที่แรกที่เราไปนั้นก็คือ ป้อม Hobe Fort แต่เกิดความงง ไม่เห็นป้ายใดๆ ไม่รู้ป้ายติดตั้งน้อยหรือเราเองที่ตาไม่ดี ซึ่งเราก็ต้องพึ่งกูเกิ้ลแมพ ต้องเข็นจักรยานขึ้นเขา เพราะไม่สามารถปั่นได้จริงๆ ถนนราดยางอย่างดีแต่ก็เล่นซะหอบ พอถึงข้างบนต้องหาที่จอดจักรยานแล้วทัวร์รอบๆซะหน่อย (เราไม่เห็นใครเอาจักรยานมา มีแต่ขับรถขึ้นมา ซึ่งไม่แปลกใจ) จอดในที่จอดรถรอมอเตอร์ไซค์ซะด้วย มาถึงเราก็ยังมาหลงทางบนนี้อี๊กกกเพราะเดินตรงไปก็เป็นสนามกอล์ฟ ตึกขวามือที่สมควรจะเป็นตึกพิพิธภัณฑ์ก็ปิดและชี้ให้ไปทางซ้าย พอเดินไปซ้าย อ้าวโรงแรม นี้เราเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า ตึกดูเงียบเหงา ไม่มีคน มีแต่คุณลุงยามที่เปิดหน้าต่างมาบอกดราว่าพิพิธภัณฑ์อยู่ทางนู้น แล้วก็ชี้ไปทางอื่น พอมองตามที่คุณลุงชี้ มันก็เป็นโรงแรมซะงั้น เปิดกูเกิ้ลแมพอีกรอบก็บอกว่าที่นี้แหล่ะ โอเค เรากลับมาตั้งหลักที่รถกันใหม่ พอเดินกลับมาก็เหลือบไปเห็นว่า มีทางเดินลงไป ป้ายบอกว่าเป็นสวนสักอย่าง ลงไปดูซะหน่อยเผื่อใช่ที่ๆเราตามหา เดินเข้าไปก็วังเวงพิกลๆ เงียบมาก มันควรจะเงียบขนาดนี้หรอ ไม่มีคนเลย แล้วก็เจอที่นึงลักษณะเหมือนบ้านเปิดให้เข้าชมฟรี เข้าไปดูสักหน่อย โห วังเวงกว่าข้างนอก เงียบสงัด อากาศก็เย็น บ้านเป็นพื้นไม้เหยียบทีก็เสียงดัง แอดดดด กลืนน้ำลายอึกนึง ออกมาดีกว่ามันเสียวสันหลังชอบกล เดินคอตกออกมาจากสวนคิดว่าวันนี้แห้วแน่ๆเข็นจักรยานขึ้นมาตั้งไกล แต่ฮึบสุดท้ายเพื่อความมั่นใจว่าเรามาผิดที่จริงๆ เดินไปถามเจ้าหน้าที่ที่ป้อมยามแถวนั้นว่า ไอ้ในภาพเนี่ย อยู่ตรงไหน เจ้าหน้าที่ก็ยิ้มแล้วบอกว่า ที่นี้แหล่ะ ห้ะ? "แสดงตั๋วเข้าชม เดินตรงไปก็จะเจอทางเข้าป้อมปราการ ขอให้สนุกค่ะ" เจ้าหน้าที่บอกทางและอวยพรพวกเรา หาทางเข้าแทบตาย ก็นึกว่าป้อมยาม โอ้ยยยย เดินเข้ามาก็จะพื้นที่ลานกว้างที่อ้อมไปด้วยป้อมสูง นี่แหล่ะป้อมปราการที่เราตามหา ในป้อมเขาจะจัดวิดีโอทัศน์ความเป็นมาของป้อมให้ชม นี้ก็เดินดูผ่านๆเพราะจะขึ้นไปดูที่ชั้นบนของป้อม เราเดินผ่านห้องต่างๆของป้อมก็จินตนาการไปว่า สมัยก่อนจุดที่เรายืนอยู่คงจะเคยมีคนยืนที่ๆเดียวกันและมองออกมาเหมือนกัน (จินตนาการเหนือความรู้ใดๆ ฮ่าๆๆ) จุดนี้เป็นทางขึ้นเพื่อไปชมข้างบนของป้อม ทางเดินขึ้นชั้นบนของป้อม ค่อนข้างชันและเสี่ยงลื่นสุดๆ เนื่องจากพื้นที่บางจุดเสียหายจากกาลเวลา เราก็เลยต้องหยุดการสำรวจ แต่ดีใจที่หาที่นี้เจอเพราะเราก็ไม่ได้คว้าน้ำเหลวกลับไป ถึงเวลาลงจากเขาเพื่อไปสถานที่ถัดไป อนุสาวรีย์ Fort San Domingo หือ? ทำไมชื่อเหมือนภาษาสเปน เลยมารู้ว่า อ้อ นี้เป็นสถาปัตยกรรมแบบสเปน สร้างขึ้นในปี 1629 ในช่วงที่สเปนเข้ามาปกครอง เอาหล่ะ ทีนี้ตั้งใจหาป้ายบอกทางเดี๋ยวหลงอีก ปั่นตามกูเกิ้ลแมพมาก็จะเจอซึ่งทางมาติดถนนเส้นหลัก หาไม่ยากแต่เราต้องจอดจักรยานไว้ข้างนอกก่อนเพราะไม่อนุญาติให้นำยานพาหนะเข้าไป พวกเราก็แลนดิ้งเครื่องบินส่วนตัวไว้ใต้ต้นไม้แถวนั้นละกัน ฮ่าๆๆ เดินขึ้นเนิน (อีกแล้ว) ก็จะเจอตั้งตระหง่านสีอิฐโดดเด่นต้อนรับนักท่องเที่ยว ในอาคารบางพื้นที่ก็ยังเปิดใช้งานอยู่ เมื่อเดินไปอีกหน่อยจะเจอบ้านพักรับรองเจ้านายชั้นสูงและครอบครัว ใช้เพื่อรับรองแขกบ้านแขกเมือง ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมสเปนเหมือนกับตัวอนุสาวรีย์ ซึ่งในตัวบ้านเราไม่ได้ถ่ายรูปมาเยอะเพราะมัวแต่ตกตะลึง ฟีลมันเหมือนอยู่ที่สเปนจริงๆจนลืมไปเลยว่าที่นี้คือ ตั้นสุ่ยแต่ละห้องก็จะยังคงเฟอร์นิเจอร์เดิมที่เคยใช้ตั้งแต่สมัยก่อนนู้น ห้องน้ำของเจ้านาย ห้องใต้หลังคาห้องของคนรับใช้ของบ้านอยู่ที่ชั้นหนึ่ง ส่วนห้องของเจ้านายและครอบครัวจะอยู่ชั้นสอง บ้านหลังนี้เราคิดว่าไม่ได้ใหญ่โตมโหราญแบบเศรษฐีในยุคสมัยเดียวกันด้วยซ้ำ แต่ว่าใช้พื้นที่คุ้มค่ามากๆ ห้องเล็กห้องน้อยเยอะ และที่เห็นได้ชัดคือโครงสร้างของตัวบ้านแข็งแรงมากพื้นที่ภายนอกบริเวณบ้านก็จะมีถังใส่น้ำที่ใช้ในบ้านดั้งเดิมตั้งโชว์ และห้องน้ำให้กับนักท่องเที่ยว ข้างบ้านก็เป็นสวนไว้นั่งพักผ่อน เราก็นั่งพักกันจุดนี้จนเกือบมืด มียุงนะระวังด้วย ถัดไปไม่เกิน 10 ก้าวก็จะเป็นโบสถ์ศาสนาคริสต์และมหาิทยาลัย คาดว่าน่าจะสร้างขึ้นทีหลังเพราะลักษณะของสถาปัตกรรมอาคารต่างกัน เริ่มใกล้มืด ถึงเวลาไปท่าเรือเพื่อรอดูพระอาทิตย์ตก ขับไปไม่เกิน 15 นาทีก็ถึงแล้วแหล่ะ ความตั้งใจแรกคือข้ามเรือไปอีกฝั่ง แต่ไม่ทันมืดก่อนท่าเรือปิด ช่วงเย็นคนก็จะเยอะขึ้นเรื่อยๆเพราะฉะนั้นจูงจักรยานพื่อความปลอดภัยดีกว่า บางจุดก็ขึ้นป้ายห้ามปั่นจักรายานต้องจูงเท่านั้น เราจอดดูพระอาทิตย์ตกเสร็จก็เอาจักรยานไปคืนที่จุดเดิมที่ยืมมาแล้วมาเดิน Tamsui Old Street ที่ริมท่าเรือก่อนกลับ สมคำร่ำลือว่าเป็นสถานที่นั่งดูพระอาทิตย์ตกสุดโรแมนติก บรรยากาศดี อากาศดี คู่รักหรือครอบครัวก็ล้วนคุ้มค่าที่จะมา ภาพถ่ายโดยผู้เขียน