ณ สถานที่ที่ขอบฟ้าเลือนหาย ในเขตพื้นที่เทือกเขาสูงชันทอดยาว ดินแดนที่ธรรมชาติงดงามประดุจสรวงสวรรค์บนพื้นดิน สถานที่ผู้คนใช้ชีวิตกันอย่างสมถะเรียบง่าย ละแล้วซึ่งอารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง นั่นเป็นคำบรรยายดินแดนสมมติที่ชื่อว่าแชงกรีล่าในหนังสือนวนิยาย The Lost Horizon อันโด่งดัง กระทั่งได้รับการสร้างเป็นภาพยนต์ในชื่อเดียวกัน และทำให้คำว่าแชงกรีล่ากลายเป็นคำโรแมนติคที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย กลายเป็นคำใช้เรียกขานดินแดนสวยงามสงบสุขที่เข้าถึงได้ยาก และสร้างความใคร่รู้ให้กับผู้คนว่าสถานที่จริงในนวนิยายนั้นอยู่ที่ใดกันแน่ คาดเดากันนานา ว่าแชงกรีล่านั้นอยู่ที่ใด หากในที่สุดทางการจีนได้นำชื่อนั้นมาใช้ตั้งเป็นชื่อเมืองจริง ๆ แทนชื่อเมืองเก่าดั้งเดิมที่เรียกว่า จงเตี้ยน (Zhong dain) ที่ตั้งอยู่ในมณฑลยูนนาน เพื่อหวังผลทางการท่องเที่ยว เมืองจงเตี้ยนจึงกลายเป็นเมืองแชงกรีล่า... และเป็นหนึ่งในที่หมายของการเดินทางครั้งนี้ของพวกเรา ระหว่างทาง...จากเมืองลี่เจียงมุ่งไปยังเมืองแชงกรีล่า แม้นไม่ไกลนัก หากเป็นที่เวิ้งว้าง เต็มไปด้วยเทือกเขาสูงชัน ทำให้นึกคาดไว้ว่าเมืองแชงกรีล่าจะต้องเป็นเมืองเล็กที่แสนสงบ เมื่อจู่ ๆ รถบัสคันใหญ่นำพาพวกเราเข้าไปสู่ตัวเมืองที่วุ่นวายและใหญ่ไม่น้อยจึงทำให้อดงงงันไม่ได้ แต่นั่นเป็นเพียงเสี้ยวความวุ่นวายเฉพาะใจกลางเมือง เมื่อเราหลุดพ้นเพื่อไปยังที่พักที่จองไว้ในย่านเมืองเก่าตู๋เค่อจง (Dukezong) ที่มีอายุกว่า 1,300 ปีสไตล์ทิเบต กลิ่นอายความโรแมนติกและความลึกลับเริ่มปรากฏให้สัมผัส โดยเฉพาะเหนือตัวเมืองจะแลเห็นกงล้ออธิษฐานขนาดใหญ่สีทองอร่ามปรากฏเป็นประหนึ่งแลนด์มาร์คของตัวเมืองที่ไม่ว่าจะเดินไปยังจุดไหนของตัวเมืองเก่าจะต้องเห็นกงล้ออธิษฐานนั้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัดกุยชาน (Guishan) ที่เป็นวัดพุทธแบบทิเบต (พุทธนิกายวัชรยาน) ที่ตั้งอยู่บนเนินสูงใกล้กับตัวเมืองเก่า บรรยากาศเมืองเก่าตู๋เค่อจง กงล้ออธิษฐานของวัดกุยชานเป็นกงล้ออธิษฐานแบบวัดพุทธทิเบตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จึงไม่ต้องแปลกใจที่ทำไมถึงแลเห็นเด่นชัดแต่ไกล เมื่อเรานำสัมภาระเข้าไปเก็บไว้ในที่พักภายในตัวเมืองเรียบร้อยแล้ว จึงไม่รอช้าที่จะออกมาเดินสำรวจตัวเมืองเก่า แม้นว่าจะไม่ใช่เมืองเก่าดั้งเดิมเสียทีเดียว เพราะได้รับการบูรณะสร้างขึ้นมาใหม่หลังจากเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่เมือปี 2014 แต่กระนั้นตัวบ้านเรือนในรูปทรงแบบเดิม และความหลากหลายของคนหลายชนเผ่าที่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนยังคงเปี่ยมเสน่ห์ และแน่นอนแม้นจะเหมือนเป็นการสำรวจตัวเมืองไปเรื่อย ๆ แต่จุดหมายนั้นอยู่ที่แลนด์มาร์คสำคัญที่ช่างดึงดูดสายตาได้ตลอดเวลา นั่นคือกงล้ออธิษฐานขนาดใหญ่ของวัดกุยชาน กงล้ออธิษฐานนั้นเป็นเสมือนเครื่องช่วยสวดมนต์ของพุทธนิกายวัชรยาน บนกงล้อแต่และอันมีบทสวดมนต์จารึกไว้การหมุนกงล้อจึงเปรียบดั่งการเปล่งบทสวดมนต์ให้ดังกังวาน เชื่อกันว่าทุกครั้งที่กงล้อนี้หมุนหนึ่งรอบ เท่ากับเป็นการสวดมนต์ได้หนึ่งจบ และเมื่อกงล้ออธิษฐานของวัดกุยชานมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เมื่ออยากหมุนกงล้อนั้น จึงต้องระดมร่วมแรงร่วมใจกันหลายแรง ประสานศรัทธาจากคนแปลกหน้าที่ต่างคนต่างมาเจอะเจอกันที่นี่ ช่วยกันหมุนจึงสำเร็จลงได้ กลายเป็นประสบการณ์ชวนจดจำในค่ำคืนแรกของเมืองแชงกรีล่า กงล้ออธิษฐานวัดกุยชายที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประชากรในเมืองแชงกรีล่านั้น มีหลายชนเผ่าแต่ที่มากที่สุดคือชาวทิเบตเพราะอยู่ติดกับเขตปกครองตนเองทิเบต จึงกล่าวขานกันว่าหากอยากสัมผัสวัฒนธรรมทิเบตให้มาที่นี่ แถมยังไม่ต้องทำเรื่องขอนุญาตให้วุ่นวายเหมือนการเข้าไปเที่ยวในเขตปกครองตนเองทิเบต เมื่อประชากรชาวทิเบตมียู่จำนวนมาก จึงมีวัดพุทธทิเบตอยู่หลายแห่ง แต่ที่ใครมาที่นี่แล้วต้องไม่พลาดคือวัดซงจ้านหลิน (Songzanlin) ซึ่งเป็นวัดพุทธนิกายวัชรญาณที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลยูนนาน และที่น่าสนใจคือวัดแห่งนี้มีลักษณะรูปลักษณ์ของตัวอาคารที่คล้ายคลึงกับพระราชวังโปตาลาในทิเบต จึงถูกเรียกขานอีกชื่อหนึ่งคล้ายชื่อเล่นให้จดจำได้ง่ายว่า วัดโปตาลาน้อย วัดซงจ้านหลิน มีการจัดการที่ดีทีเดียว ทางวัดไม่ปล่อยให้นักท่องเที่ยวเข้าไปถึงด้านหน้าทางเข้าวัดในทันที หากจะมีสถานที่ด้านนอกจัดเป็นอาคารซื้อตั๋ว และอาคารแสดงศิลปะวัฒนธรรมทิเบต เมื่อนักท่องเที่ยวซื้อตั๋วแล้ว จึงจะได้นั่งรถบัสเข้าไปด้านใน ตัววัดนั้นตั้งอยู่ริมทะเลสาบ พื้นผิวน้ำที่กินพื้นที่กว้างเป็นพื้นที่เปิดอย่างดีช่วยเผยให้เห็นตัววัดที่มีลักษณะเป็นเหมือนอาคารรวมขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงได้อย่างแจ่มชัดและโดดเด่น ประสมกับทางวัดจัดให้มีรถบัสวิ่งรับส่งนักท่องเที่ยว จึงมีจุดหยุดรถให้นักท่องเที่ยวได้แวะลงเดินเล่นรอบ ๆ ตัวทะเลสาบ เพื่อชมนิเวศน์ของพื้นที่ชุ่มน้ำและแวะถ่ายรูปวัดจากระยะไกลที่ช่วยให้เก็บภาพตัววัดที่มีขนาดใหญ่ได้อย่างครบถ้วน วัดซงจ้านหลิน ที่เต็มไปด้วยอาคารใหญ่น้อยนับร้อยสร้างลดหลั่นจากเนินด้านล่างไปถึงด้านบนราวขุนเขาลูกย่อม ๆ ทะเลสาบใกล้กับวัดซงจ้านหลิน วัดซงจ้านหลิน เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยดาไลลามะที่ 5 เต็มไปด้วยอาคารใหญ่น้อยนับร้อยสร้างลดหลั่นจากเนินด้านล่างไปถึงด้านบนราวขุนเขาลูกย่อม ๆ และตรงใจกลางของมวลหมู่อาคารเป็นทางบันได146 ขั้น นำมุ่งไปสู่ลานด้านบน ที่มีวิหารขนาดใหญ่จำนวน 3 วิหาร ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์สำคัญ อาคารทั้งสามเป็นอาคารหลายชั้นมีหลังคาสีทองอร่ามที่ตรงปลายยกเป็นมุมโค้งงอ สะท้อนตัดกับท้องฟ้าสีเข้ม สองด้านขนาบด้วยอาคารที่มีลักษณะคล้ายป้อมปราการ 2 อาคาร เหตุที่วัดแบบพุทธทิเบตมีลักษณะเป็นเหมือนอาคารรวมขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยห้องหับมากมายนับร้อยห้องนั้นเป็นเพราะพระหรือลามะในพุทธแบบทิเบตนั้นไม่ได้ประกอบกิจเฉพาะทางศาสนา แต่ผนวกรวมถึงเรื่องการเมืองการปกครองด้วย พื้นที่ของตัววัดจึงเป็นสถานที่ที่ใช้ประกอบกิจกรรมทั้งทางศาสนกิจและทางการเมือง จึงเป็นสถานที่ที่เป็นจุดศูนย์รวมของผู้คน สีสันของตัวอาคารเน้นสีแดงขาวเป็นหลัก สีขาวเป็นสีของน้ำนมและชีส ส่วนสีแดงเป็นสีของเนื้อ ที่เป็นอาหารหลักของชาวทิเบตที่อยู่ท่ามกลางขุนเขา เมฆหมอก และหิมะ จึงถือสองสีนั้นเป็นสีมงคล เมื่อเข้าไปในเขตตัววัด จะสังเกตุเห็นสัญลักษณ์มงคลแปดประการของชาวทิเบต ได้แก่ หอยสังข์ ที่ชาวทิเบตใช้เป็นเครื่องดนตรีประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และบรรจุน้ำศักดิ์สิทธิ์ ดอกบัวซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการหลุดพ้น ธรรมจักร หรือกงล้อแห่งธรรม สัญลักษณ์แห่งการแสดงธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้า ฉัตร สัญลักษณ์แห่งการปกป้องคุ้มครองให้พ้นจากสิ่งล่อลวงทั้งหลาย เงื่อนมงคล สัญลักษณ์แห่งความรู้แจ้งที่ไม่มีที่สิ้นสุดของพระพุทธเจ้า ปลาทองคู่ สัญลักษณ์แห่งความเบิกบานและความสุขด้วยปลาเป็นสัตว์ที่ว่ายไปมาในเวิ้งน้ำอันกว้างใหญ่ได้อย่างมีอิสระเสรี และสุดท้ายคือธงแห่งชัยชนะ สัญลักษณ์ของการเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ระหว่างเดินชมภายในวัด อย่าลืมมองไปบนหลังคา จะเห็นธรรมจักร และกวาง 1 คู่นั่งมอบซ้ายขวา ธรรมจักรคือ 1 ในสัญลักษณ์มงคลแปดประการ กวาง 2 ตัวที่นั่งมอบซ้ายขวาคือ พระพรหม และ พระอินทร์ ที่เสด็จลงมาหาพระพุทธเจ้าหลังจากที่ได้ตรัสรู้แล้ว เพื่อให้พระพุทธองค์สอนธรรมะให้ การสร้างกงล้อแห่งธรรมและกวาง 1 คู่ บนหลังคาวัดพุทธนิกายวัชรยานทุกแห่งจึงเป็นอนุสรณ์แห่งการแสดงธรรมะครั้งแรกของพระพุทธเจ้า ภายในวัดวัดซงจ้านหลิน ธรรมจักร และกวาง 1 คู่นั่งมอบซ้ายขวาบนหลังคา เมืองแชงกรีล่านั้นโอบล้อมไปด้วยทิวเขา นั่นเป็นภาพที่คาดไว้อยู่ก่อนแล้ว แต่ที่เหนือความคาดหมายคือไม่ว่าจะไปแห่งหนไหน มักจะเห็นพื้นที่ราบที่ชุ่มน้ำ นี่เป็นลักษณะทางกายภาพที่น่าสนใจ ตัวเมืองแชงกรีล่าเองก็พยายามอนุรักษ์สภาพเช่นนั้นไว้ กระทั่งพื้นที่ชุ่มน้ำที่สำคัญของเมืองคือทะเลาสาบนาปา(Napa) ได้รับการลงทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติที่เรียกว่าพื้นที่ชุ่มน้ำแรมซาร์ไซต์ (Ramsar Site) และได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมือง มีการจัดเส้นทางเที่ยวชมพื้นที่โดยการขี่ม้าและนั่งเรือ การขี่ม้านั้นดูจะได้รับความนิยม มีการจัดเส้นทางระยะสั้น ระยะยาว หากสุดท้ายพวกเราตัดสินใจที่จะสำรวจพื้นที่ชุ่มน้ำด้วยการนั่งเรือ ระหว่างนั่งเรือได้เห็นทิวทัศน์ที่เพลินตาผสานระหว่างทิวเขาและทิวน้ำ และยังได้เห็นนกหลากหลายชนิดบินผ่านไปมา และแหวกว่ายในน้ำ ว่ากันว่าสถานที่นี้ เป็นสถานที่อพยพของนกน้ำสำคัญหลายชนิดที่หาดูได้ยาก ซึ่งน่าเสียดายที่ไม่มีเจ้าหน้าที่บรรยายถึงนกชนิดต่าง ๆ ที่ได้พบเห็นระหว่างทาง หลังจากนั่งเรือสำรวจจนทั่ว เจ้าหน้าที่ก็พาพวกเราเข้าไปเดินสำรวจบรรยากาศพื้นที่ทุ่งหญ้าภายใน ซึ่งสนุกสนานทีเดียว มีชาวบ้านนำจามรีและแกะมาให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปคู่ พร้อมเตรียมชุดพื้นเมืองให้เช่าสวมใส่ และมีอุปกรณ์ยิงธนูพื้นเมืองพร้อมเป้าให้ทดลองซ้อมมือ ทะเลาสาบนาปา พื้นที่ทุ่งหญ้าทะเลสาบนาปา เพียงแค่ชมวัดพุทธทิเบตรซงจ้านหลิน และนั่งเรือสำรวจพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลสาบนาปาก็หมดเวลาไป 1 วันแล้ว ระหว่างทางที่เรานั่งรถกลับเข้าสู่ตัวเมืองเพื่อเข้าที่พัก สังเกตเห็นตามริมทางมีการเลี้ยงตัวจามรีมากมาย ทิวทัศน์เช่นนี้ เปรียบไปแล้วก็เหมือนประเทศนิวซีแลนด์ที่สองข้างทางเราจะเห็นแต่แกะ แกะ และแกะ และเมื่อเข้าไปในตัวเมือง ได้เห็นอนุเสาวรีย์ตัวจามรีหลายแห่ง สะท้อนให้เห็นความสำคัญของจามรีที่มีต่อความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่นี่ บางคนในกลุ่มพวกเราเอ่ยขึ้น “ช่างเป็นสัตว์ที่เสียสละ มีประโยชน์ทุกส่วน” เนื้อและนมเป็นอาหาร กระดูกเป็นเครื่องประดับ ขนเป็นเชือก เครื่องนุ่งห่ม หนัง กลายเป็นเต้นท์ มูลเป็นเชื้อเพลิงและปุ๋ย จึงไม่ต้องแปลกใจ เมื่อเข้าไปตามร้านอาหารในแชงกรีล่า จึงมีชานมจามรีให้เลือกดื่มและเนื้อจามรีดูจะแทรกแซงอยู่ในทุกเมนู โดยมีโครงกระดูก และขนหางประดับอยู่ในร้าน เมื่อเป็นเช่นนั้น มื้ออาหารในเมืองแชงกรีล่า.... เราจึงได้ลิ้มรสเนื้อสีแดง และนมสีขาวของจามรี ซึ่งเป็นที่มาของสีมงคลแดงขาวของชาวทิเบต ชานมจามรี ภาพถ่ายทั้งหมดโดย "วันอาทิตย์" อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !