อ๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆ “ สน็อกเกิล 1,500 บาท จมดิ่งลงน้ำไปแล้ว” เหล่าเพื่อนๆ ที่มาทริปนี้หน้าถอดสีไปตามๆ กัน ดำน้ำลงไปไม่ได้ ก้นทะเลมีเม่นทะเลสีดำหนาม แหลมอยู่เพียบแถมพวกเราใส่เสื้อชูชีพอีกจะทำยังไงดี “พี่ๆ ช่วยดำนน้ำไปเก็บสน็อกเกิลให้ผมด้วยครับ” เสียงสั่นๆ ของเพื่อนผมร้องขอความช่วยเหลือจากบังหรนคนเรือนำเที่ยว “เดี๋ยวพี่ ลงไปเองน้อง”บังหรนสวม กางเกงตัวเดียวกระโดดลงน้ำไปไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน ผมแอบดำน้ำดูพี่แกปราดเปรียวราวกับเจ้าทะเลฝีมือขั้นเทพใช้ เวลาไม่ถึง 30 วินาทีก็โผล่ขึ้นมา “ระวังเม่นทะเลอย่าไปโดนมันเจ็บน่าดู ต้องฉี่ราดใส่แผลใช้ฉี่ตัวเองไม่ได้ไม่หายต้องฉี่ของเพื่อนเท่านั้น” บังหรนบอก ฮ่าๆ ฮ่าๆ ฮ่าๆ เสียงหัวเราะของเพื่อนเที่ยวดังกระหึ่มเคล้า กับเสียงคลื่นลม ระหว่างคนเรือ กับกรุ๊ปนักท่องเที่ยวอย่างพวกเรา สระมรกต มนต์เสน่ห์ ดึงดูด เราออกเดินทางกันช้ามาก ตามที่นัดกันไว้ว่าจะไปตะล่อนกระบี่ 8 โมงเช้ายังไม่มีใครมาสงสัยคงหลับเพลินเลยตื่นสายกว่าจะโผล่มาถึง ก็เก้าโมงพอดิบพอดีเพื่อนสาวสองคนกับเพื่อนบ่าวแต่งตัวเสียเปิ๊ดสะก๊าดมาก ในครั้งนี้ผมจัดเตรียมอุปกรณ์พร้อมยิงภาพ บอดี้ตัวหนึ่ง เลนส์คิต 18-55 เลนส์ ซูม 55-200 และกล้องวีดีโอที่ จัดมาเพื่อภารกิจนี้ เดินทางจากนครศรีธรรมราชถึงกระบี่ใช้เวลาสองชั่วโมงกว่า ช่วงนี้ชาวกระบี่เป็นเทศกาลถือศีลกินเจ ทั้งบ้านทั้งเมืองเต็มไปด้วยธงสีเหลืองสลับกับตัวหนังสือสีแดง แต่ผมแปลไม่ออก ตามแผนการต้องไปสระมรกตก่อนเพื่อนบ่าวของผมนำทางไปถือได้ว่าเป็นเจ้าบ้านแห่งเมืองนี้เลยเมื่อถึงผมกับเพื่อนรีบเปลี่ยนเสื้อผ้ากันหน้ารถแล้วไปรอเพื่อนสาวเปลี่ยนเสื้อผ้าหน้าทางเข้าสระมรกตแต่ผมดูตามแผนที่ไกลโขเลย เส้นทาง 2 กิโลเมตร เพื่อนผมบอกใช้เส้นทางศึกษาธรรมชาติเป็นทางลัดเมื่อย่างก้าวขึ้นสะพาน กลิ่นอายของพื้นป่าเริ่มตลบอบอวลรอต้อนรับนักท่องเที่ยว พอสิ้นสุดสะพาน มีตอไม้วางทอดยาวตลอดแนวรองเท้าผมไม่มีดอกยางด้วย ต้องระวังเป็นพิเศษแถมทางเดินก็แฉะไปด้วยดินโคลน เพราะฝนเพิ่งหยุดตกไป แสงแดดส่องผ่านต้นไม้ยามเงยดูเป็นลำแสงกระจายทั่วพื้นป่าแลอบอุ่น เพื่อนผมบอกให้ไปอีกทางเพื่อจะได้ถึงสระมรกตเร็วแต่ที่ไหนได้ทางดันปิดซะงั้น “ปิดทางทำไม ไม่ติดป้ายบอก” เสียงบ่นของนักท่องเที่ยวบางคนที่ไม่ค่อยพอใจกับเส้นทางเดิน ผมว่าอุปสรรคนี่แหละเป็นปัจจัยในการก้าวต่อไป เรามากันที่นี้เพราะผมกับเพื่อนอีหรอบเดียวกันอยากมาดื่มด่ำธรรมชาติอาจจะเดินช้าบ้างเราจะได้สัมผัสบรรยากาศข้างทางเรียนรู้ที่ จะเหนื่อยและอดทน “น้องค่ะ ช่วยพี่ดึงต้นไม้ ในน้ำหน่อยได้ไหม” ผมสวนคำกลับ “แล้วพี่จะเอาไปทำอะไร” “เปล่าพี่ เห็นมันสวยดี” ผมก็นึกในใจว่านี่มันนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติหรือนักทำลายธรรมชาติ ผมตอบปฏิเสธเขาไปแล้วเดินทางต่อไม่ไกลนักเห็นเด็กๆ และผู้ใหญ่กำลังว่ายน้ำเล่นกันอย่างสนุกสนานท่ามกลางสระขนาดใหญ่ เป็นที่เรียกขานว่า สระมรกตน้ำสีเขียวเหมือนกับมรกตใสเห็นเบื้องล่างผมรีบถอดเสื้อผ้าวางกระเป๋ากล้อง กระโดดลงน้ำ ท่าคูโบต้า (เอาท้องลง) ป่าสวย น้ำใส สถานที่ลงเล่นน้ำของนักท่องเที่ยว - Mineral water pool (สระมรกต) เล่ากันว่าป่าแห่งนี้เพิ่งค้นพบเมื่อ 20 กว่าปีมานี้เองสภาพแรกที่เห็นก็เหมือนกับปัจจุบันทุกอย่างสวยงามอยู่กลางป่า เคยมีฤๅษีสองตนเคยอาศัยอยู่และถัดขึ้นไปบนสุด เป็นบ่อน้ำผุดที่ชาวบ้านมีความเชื่อว่าเป็นสถานที่ ที่กินรีลงเล่นน้ำพวกเราลองเดินไปชมความงามได้เก็บภาพมาเยอะ ชอบมากกับน้ำสีฟ้าใสตัดสลับแสงเงาของต้นไม้สีเขียวชะอุ่ม หน้าสระน้ำผุดมีป้ายบอกระวังโคลนดูดผมก็นึกสมัยตอนเด็กๆ เล่นน้ำคลองแล้ ทรายดูดมันก็ดูดไม่มากต้องพยายามอย่าขยับตัวเห็นบ่อน้ำผุดที่เขาห้ามผมก็อยากลงอยู่ดียิ่งไม่รู้ต้องพิสูจน์ ไม่อย่างนั้นก็รู้แค่ชนเพดาน คนไทยเราชอบยึดคำพูดที่ว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ฝรั่งไม่ชอบคำนี้แต่เขาต้องพิสูจน์ ต้องลอง ขากลับเดินตามสะพานอีกนักท่องเที่ ยวคนไหนเดินขึ้นมา ผมกับเพื่อนบอกเขาว่าอีก 100 เมตร ไม่ไกลแล้วให้เหมือนกับว่าระยะทางอีกไม่ไกลก็ถึง เพราะเห็นแต่ละคนสีหน้าไม่ค่อยสู้ ดีนักมันเป็นการเดินทางที่เหนื่อยได้แรงจริงๆ อ่าวท่าเลน ความงามบนเรือพายจากเดินป่าเล่นน้ำเราตะลอนไปอ่าวท่าเลน สถานที่ พายเรือคายัคพายเรือเป็นที่นิยมมาก นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติชอบมา “ใครว่ายน้ำได้ ไม่ต้องใส่เสื้อชูชีพตกน้ำว่ายกลับเอง” ไกด์นำเที่ยวพูดกับพวกเราราวกับเราไม่ได้เสียเงินค่าทริปนี้ ผมรู้ว่าไกด์หยอกเล่นก็ไม่ได้คิดมากอะไรเพื่อนสาวทำหน้าไม่พอใจสักเท่าไหร่ “เอ้ามารับอาวุธ ไม้ พาย ผู้หญิงอยู่หน้า ผู้ชายอยู่ข้างหลัง” เสียงของไกด์พาเที่ยว ผมนั่งพายเรือคายัคไปกับเพื่อนสาว ส่วนเพื่อนบ่าวไปกับสาวอีกคนสลับชายหญิง พายข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งผมชักกล้องถ่ายภาพและกล้องวีดิโอออกมา ในใจก็กลัวตกน้ำจริงๆ ผมก็ถ่ายภาพไปหลายช็อตสลับกลับการใช้กล้องวีดิโอด้วย เพื่อนสาวพายตะหวัดไม้พายจนน้ำกระเซ็นเข้าหน้ากล้อง โอ้แม่เจ้า เป็นอุปสรรคในการถ่ายภาพมากเลย สำหรับผมชาวเลในแถบนี้ยังคงหาปลาอยู่ทุกวันบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของอ่าวได้เป็นอย่างดี ผมชอบพายเรือช่วงที่มีเรือหางยาว วิ่งสวนมามันทำให้เกิดคลื่นเล็กคลื่นน้อยทำให้เรือโยกไปมาเหมือนกับได้โต้ คลื่นเราล่องเรือไปตามน้ำ มีเพื่อนนักท่องเที่ยวมากมายทั้งชาวไทยและฝรั่ง พายเรือไปทักทายกันอย่างสนุกสนานสิ่งที่ ขาดไม่ได้ คือ ยิ้มสยาม ข้างหน้าผาหินปูน จระเข้ นอนโผล่หัวให้ผู้คนได้ถ่ายภาพ จู่ๆ เพื่อนผมเรียกให้ถ่ายภาพหน่อยผมก็ช่วยถ่ายให้เลยต้องหยุดพายเรือสักพักเพื่อนผมคนที่ ให้ถ่ายภาพตะโกนบอกว่า “ไม่ช่วยผู้หญิงพายเรือ โห้สุภาพบุรุษจริง“ ผมบอกแล้วให้ช่วยถ่ายรูปอยู่จะพายได้ยังไง พวกเราหัวเราะอย่างสนุกเราล่องไปตามแรงพาย เห็นสภาพแวดล้อมเป็น หน้าผาหินปูนสูงชัน มีรูปร่างประหลาด หินปูนก็เป็นถ้ำดูมืดสนิท พายไปเรื่อยดูความงามของธรรมชาติ ที่สร้างขึ้นถัดไปช่องผาลอดผ่านได้ผมเห็นพวกฝรั่งเขาพายลอดต้องนอนราบเสมอเรือผมเสียวแทนมันแคบมาก สำหรับอ่าวท่าเลนยังคงมีสภาพที่น่าชมที่น่าทึ่งก็มีแต่ แคนยอน ลักษณะเป็นผาแคบๆ สามารถ พายเรือไปได้ นักท่องเที่ยวชอบดื่มด่ำบรรยากาศตรงนี้ราว กับมีความผูกพันมาช้านาน พวกเราลัดเลาะตามซอกผาหินปูนเข้าสู่ ลากูน แอ่งน้ำเป็นเหมือนทะเลปิด มีผาล้อมรอบทั้งต้นไม้ก็แซมตามซอกหินผาบวกกับ แสงแดดตกกระทบลงน้ำและมีฟองอากาศระยิบระยับทั่วท้องน้ำดูแล้วสบายตาบรรดาสัตว์มีเยอะมากที่นี้คือ ลิงแสมเที่ยววิ่งไล่กันบนต้นโกงกาง พวกเราพายเรือจอดเทียบท่าตรงริมป่าโกงกางเพื่อเก็บภาพฝูงลิงบางตัวกระโดดโหนไปมาตามกิ่งไม้เหมือนกับแสดงแสนยานุภาพให้เราเห็นว่ามาเยือนถิ่นมันแล้ว ลิงแก่บางตัวผมต้องเรียกมันเสียงดังเจี๊ยกๆ เจี๊ยกๆ ทันทีที่หันมารีบกดชัตเตอร์อย่างเร็วไว ธรรมชาติในอ่าวท่าเลน ดูสงบ ร่มรื่น ไกด์นำเที่ยวบอกกับเราว่า “อ่าวท่าเลนไม่มีอะไรมากเรามาเพื่อผ่อนคลายปล่อยสารแห่งความสุข มาเรียนรู้ธรรมชาติ” จวนเที่ยงแล้วต้องรีบจวงฝีพายกันหน่อยจ้ำๆ เพื่อนสาวหิวข้าวแล้วเจอปัญหาเข้าแล้วเพื่อนสาวผมบอกทางเลี้ยวข้างหน้าน้ำตื้นเรือไปไม่ได้ต้องลงลาก อะไรที่ลุยๆ ผมมักชอบเสมอ ลงลากกันครับพี่น้องพวกเราได้ช่วยเหลือกันยามมีอุปสรรค ได้เห็นความอดทนของพ้องเพื่อนท้าทายดี พายกันจนเพลินเผลอไปชนเรือฝรั่ง ต้องขอโทษกันยกใหญ่ไม่เว้นแม้แต่ผาหินปูนยันป่าโกงกางทั้งที่รู้ว่าจะชนแล้วก็ปล่อยเลยตามเลยไม่บังคับ เรือแต่อย่างใดเหมือนกับงานวัดที่ เล่นรถบั๊มพ์กว่าจะถึงฝั่ง ล่อจนเหงื่อแห้งรีบบึ่งไปกินข้าว หิวๆ หิวๆ ไหนๆ ก็มาถึงกระบี่แล้วต้องกินอาหารประจำถิ่นหอยชักตีนนั่นเอง ที่มาของหอยนี้ก็เอามาจากเวลาจะกินใช้ไม้จิ้มฟันเขี่ยออกมาเพื่อนผมแนะนำร้านอยู่ที่หนึ่งเห็นว่าอร่อยอย่างงี้ต้องชิม ร้านพี่ดำธารา หรือที่ชาวบ้านเรียกติดปากว่าร้านพี่เผอิญอยู่ในซอยข้าหลวงถนนคงคาตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองนี่เอง ร้านนี้ผู้คนแวะผ่านไปผ่านมาก็จะสั่งหอยชักตีนกิน ได้ลองกินกับนน้ำจิ้มแล้วผมไม่ยอมใครมาแย่งกิน ซือดะมาก เลยต้องพูดเป็นภาษาอิสลามผมสั่งลาบหม้อไฟหรือต้มยำกุ้ง ส้มตำ ข้าวเหนียว ผมสารภาพกับเพื่อนไม่เคยกินอาหารเผ็ดอย่างนี้มาก่อน เผ็ดกินป๊องหู (เผ็ดจนหน้ามืด) ผมจึงหาน้ำเย็นมาซดอย่างไม่มีเว้นวรรคและในที่สุด เราค้นพบว่าความสนุกต้องแลกกับความเหนื่อยถึงจะได้รสชาติชีวิต และการพบปะพูดคุยกับคนแปลกหน้าแตกต่างทางวัฒนธรรม บางครั้งก็ได้ เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ผมกลับจากกระบี่นำความสนุกสุดเหวี่ยงบันทึกผ่านเมมโมรี่การ์ดกับกล้องวีดิโอตัวโปรดผมยังต้องตัดต่อให้เข้ากับเสียงดนตรีบรรเลงกลมกล่อมน่าชมก็เหมือนกับการท่องยุทธ์ภพในแดนกระบี่ที่ธรรมชาติสร้างไว้ รอเพียงการสัมผัสเท่านั้น สรุป ความประทับใจ - 10 เต็ม 10 แนะนำเลยสถานที่ท่องเที่ยวสวยมากๆ การเดินทาง : 10 เต็ม 10 เดินทางง่าย สะดวก วันลาเหลือใช่ไหม อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !