ย้อนไปเมื่อปลายปี 2561 เราได้มีโอกาสไปเยือนสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่น้อยคนนักจะรู้จัก นั่นก็คือ ภูบักได ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านปลาบ่า อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย จุดเริ่มต้นของการเดินทาง คือ มีพี่ที่รู้จัก มาชวน โดยพี่ที่มาชวนเขาเคยไปมาแล้ว แล้วมาเล่าให้ฟัง ในความคิดแรกคือไม่อยากไปเลย เพราะได้ยินพี่เขาเล่าให้ฟังว่าต้องเดินทางขึ้นภูไม่ต่ำกว่า 4 - 5 ชั่วโมง และการเดินทางค่อนข้างหฤโหดมาก นอกจากต้องนั่งรถไถขึ้นไปไม่ต่ำกว่าสามชั่วโมงแล้ว ยังต้องเดินเท้าไปอีกประมาณ 2 ชั่วโมง แต่เนื่องด้วยช่วงนั้นอยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำก็เลยตอบตกลงแบบขอไปที พี่ที่มาชวนดำเนินการติดต่อสถานที่ให้เรียบร้อย เมื่อถึงเวลานัดหมาย เพื่อนร่วมทริปทั้งหมด 4 คน เราออกเดินทางตอนบ่ายสามของวันศุกร์และไปนอนในตัวเมืองเลย 1 คืน เช้าวันต่อมาเราตื่นตั้งแต่เช้า มุ่งหน้าไปยังตัวอำเภอภูเรือ แวะซื้อเสบียงที่ร้านสะดวกซื้อ แล้วมุ่งหน้าไปยังจุดหมายทันที เมื่อไปถึงบ้านปลาบ่า มีรถไถนำเที่ยว 4 - 5 คัน จอดรออยู่อย่างเป็นระเบียบ นักท่องเที่ยวบางส่วนที่มาถึงก่อน ช่วยกันขนสัมภาระขึ้นรถไถ บ้างก็นั่งจับกลุ่มคุยกันรอเวลา เรามาถึงบ้านปลาบ่า ประมาณแปดโมงเช้า และกำหนดการเดินทางขึ้นภูประมาณเก้าโมงเช้า ในระหว่างนั้น เรานำรถเข้าไปจอดในวัดและช่วยกันขนสัมภาระมาขึ้นรถไถ ในการเดินทางขึ้นภูครั้งนี้ มีค่าใช้จ่ายคือค่ารถไถ คันละ 3500 บาท ซึ่งในตอนแรกเราคิดว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างโหด เนื่องจากราคาค่ารถค่อนข้างแพง เราจึงหาผู้ร่วมทริปเพิ่ม ซึ่งเป็นน้องที่เดินทางมาจากกรุงเทพ จำนวน 3 คน รวมเรา 4 คน เป็น 7 คน ตกค่ารถคนละ 500 บาท เมื่อทุกอย่างพร้อม (เราสั่งข้าวกล่องขึ้นไปทานมื้อเที่ยง) เราก็เริ่มออกเดินทางในเวลาประมาณเก้าโมงเช้า รถไถค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากหมู่บ้าน ผ่านสวนยาง ผ่านไร่มันสำปะหลัง ไร่อ้อย ไร่แก้วมังกร ของชาวบ้าน อากาศตอนเช้ายังไม่ร้อนมาก ทำให้กินลมชมวิวได้อย่างสบายใจ และแล้วการผจญภัยก็ได้เริ่มต้น ขึ้น เมื่่่่่่่อเราเริ่่่่่่่่มขึ้นภูสูงชัน ฝนที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็เริ่่่่่่่่่่มโปรยปรายลงมา ถนนดินที่ดูเหมือนจะแน่นเริ่่่่่่่่่่่่่มกลายเป็นดินเลน ดินโคลน รถไถที่ขับมาอย่างนิ่มนวลเริ่มโยกเอนไปตามเลน จุดหมายที่เรามองขึ้นไปข้างบน เริ่มชันขึ้นไปเรื่่่อยๆ ในขณะที่มองไปข้างล่างที่เราผ่านมาก็เริ่มชันจนหน้าหวาดเสียว ทุกคนบนรถจากที่คุยกันมาอย่างสนุกสนานตลอดทาง เริ่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่มกลายเป็นความเงียบงัน ได้ยินเพียงเสียงของรถไถเท่านั้้น ผ่านไปเกือบสามชั่่่่่่งโมง กว่าจะถึงจุดจอดรถ เมื่อถึงจุดจอดรถ เราจึงหายใจคล่องขึ้้น อย่างน้อยก็รอดตายมาหนึ่่่่่งจุด หลังจากรถไถจอดสนิทต่างคนต่างแบกสัมภาระของตนเองเพื่่อเดินเท้าต่อ มองไปยังจุดหมายยังอีกยาวไกล เราปีนเขาขึ้นไปถึงยอดเขายอดแรก จึงได้หยุดพักทานอาหารเที่่่ยงในขณะที่่่่เราทานอาหารเที่ยงบนเขาอย่างทุลักทุเล เนื่องจากเพื้นเปียกจากการที่ฝนยังตกปรอยๆ อยู่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่ั้นั้น แม่เจ้า!ทากตัวเล็กๆ เต็มไปหมดเลย เริ่มมีเสียงกรีดร้องจากเพื่อนร่วมทริป มาเป็นระยะ เรารีบทานอาหารและรีบเดินทางต่อ เพราะนั่งนานไม่ได้ เรารีบเดินกึ่งวิ่่งเพราะเจ้าสัตว์เล็กๆ ที่เรียกว่าทาก ไม่อยากบรรยายเลยว่ามันมีมากแค่ไหน คำว่ามหาศาลคงพอใช้กับมันได้ เพราะมันขึ้้นมาแทบจะทุกรูของดินเลยก็ว่าได้ ผ่านไปกับการเดินเกือบสองชั่่่่่วโมงเราก็มาถึงจุดหมาย ไม่รอช้าเรารีบจัดแจงหาที่กางเต๊นท์เพื่อหนีทาก เราออกเดินทางออกจากหมู่บ้านตั้งแต่เก้าโมงเช้า ถึงยอดภูเกือบบ่ายสี่โมงเย็น แต่พอขึ้นมาถึงแล้วคุ้มค่ามากกับความสวยงามของธรรมชาติที่เราได้เห็น unseen Thailand ไม่ไปไม่รู้ #กลิ่่่่่่นแห่งขุนเขา# #กลิ่นแห่งการผจญภัย# #ให้ภาพยอกเรื่องราว# ถ้าคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ชอบการท่องเที่ยวแบบผจญภัย ภูบักได เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด