"ดอยภูลังกา” จากพื้นที่ "เรดโซน" สู่ดินแดนทะเลหมอก ถ้าพูดถึงดอยภูลังกาหลายคนคงนึกถึงการไปชมทะเลหมอกยามเช้า เบื้องหน้าเป็นภูเขาหินปูนตั้งตระหง่านโดดเด่น นั่นคือ ภูลังการีสอร์ท ซึ่งเป็นคนละสถานที่กับดอยภูลังกาเลยนะครับ และก็ไม่ใช่อุทยานแห่งชาติภูลังกาด้วย เพราะที่นั่นอยู่ จังหวัดบึงกาฬ ! ดอยภูลังกา แห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตวนอุทยานแห่งชาติดอยภูลังกา ตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำยม มีพื้นที่ประมาณ 7,800 ไร่ ยอดดอยแห่งนี้มีความสูงถึง 1,720 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง อยู่ในความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน จังหวัดน่าน เมื่อสมัยก่อนบริเวณนี้เคยมีการต่อสู้ทางความคิดรุนแรงของคนในชาติที่มีความแตกต่างของอุดมการณ์ทางการเมืองและการปกครอง อันเป็นผลพวงมาจากบริบทโลกช่วง “สงครามเย็น” ที่ถูกแบ่งออกเป็นสองค่ายระหว่างค่ายเสรีนิยม นำโดยสหรัฐอเมริกา VS ค่ายคอมมิวนิสต์ นำโดยสหภาพโซเวียตและจีน ด้วยสภาพบริบทสังคมไทยในชนบทสมัยก่อนยังประสบปัญหาความยากจน ความแร้งแค้นการกระจายทรัพยากรไม่เท่าเทียม ชาวบ้านถูกเอารัดเอาเปรียบ ส่งผลให้พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ได้ขยายอิทธิพลทางความคิด ด้วยการใช้ยุทธวิธี “ป่าล้อมเมือง” หว่านล้อมให้ชาวบ้านเข้าร่วมอุดมการณ์เป็น “สหาย” จนทำให้ชาวบ้านมีความเห็นต่างกับรัฐหันไปเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) จับอาวุธจับปืนลุกขึ้นสู้กับรัฐ จนกลายเป็น “สงครามคอมมิวนิสต์” อันนำมาซึ่งความสูญเสียของคนไทยด้วยกันเองทั้งสองฝ่ายกินระยะเวลายาวนานหลายสิบปี เมื่อไฟแห่งสงครามในประเทศสงบลง ความสวยงามของธรรมชาติที่ถูกบดบังปรากฏขึ้น เพราะดอยภูลังกาแห่งนี้เหมาะสำหรับการขึ้นมาชมความงดงามของทัศนียภาพของธรรมชาติที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ เพราะการเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ค่อนข้างลำบากพอสมควร แม้ว่าระยะทางห่างจากที่ทำการวนอุทยานฯ เพียง 3.5 กิโลเมตร แต่เส้นทางขึ้นไปขอบอกเลยว่าลำบาก เพราะเป็นเส้นทางลูกรังคดเขี้ยวไต่ขึ้นไปความสูงของภูมิประเทศ ซึ่งต้องใช้รถยนต์ที่มีพละกำลังสูงขับเคลื่อน 4 ล้อ บวกกับทักษะความชำนาญของคนขับ ถึงจะขึ้นไปชมความงามบนยอดดอยได้ แน่นอนการเดินทางลำบากย่อมทำให้ยอดดอยแห่งนี้ยังไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปมากเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับดอยยอดฮิตอื่นๆ ในภาคเหนือ และที่สำคัญความสวยงามไม่แพ้กับดอยอินทนนท์ หรือภูชี้ฟ้า ดอยผาตั้งที่อยู่ไม่ไกลกัน สำหรับผมได้มีโอกาสเดินทางไปสถานที่แห่งนี้เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมากับครอบครัวครับ โดยพวกเราเลือกใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1148 ที่มาจากเส้นอำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ปลายทางอำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ถนนแห่งนี้นับเป็นถนนสวยโรแมนติดเป็นถนนลอยฟ้า ขับผ่านทิวเขาสลับซับซ้อน เราขับมาจากจังหวัดน่าน โดยมีเป้าหมายปลายทางยอดดอยภูลังกา จากนั้นระยะหนึ่งเราก็เลี้ยวขวา บริเวณสามแยกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ผาช้างน้อย ขับรถขึ้นเขามาเรื่อยๆ จะผ่านศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า กระทั่งพวกเรามาถึงราวบ่ายสามกว่าก็จัดแจงติดต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อหาสถานที่กางเต็นท์ โดยสภาพพื้นที่ต้องยอมรับว่าเป็นวนอุทยานฯ เล็กมีพื้นที่หน่วยไม่ใหญ่มาก ประกอบกับจุดกางเต็นท์มีน้อยต้องปรับพื้นที่ตามไล่เขาเป็นชั้นๆ ขึ้นไป ทำให้รองรับนักท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 200-300 คน แต่ช่วงที่พวกเราไปมีนักท่องเที่ยวมาค่อนข้างมากเพราะเป็นช่วงเทศกาล เมื่อหาสถานที่ได้และทำกิจกรรมอะไรต่างๆ เรียบร้อยแล้ว เราก็เข้านอนเพื่อรอชมความสวยงามของยอดดอยภูลังกาในวันรุ่งขึ้น อรุณสวัสดิ์ ! ยามเช้า ผมและครอบครัว ตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมขึ้นยอดดอย แน่นอนรถยนต์ของผมไม่สามารถขับขึ้นไปได้ จึงหันมาใช้บริการรถกระบะรับเหมาของชาวบ้านที่มีไว้บริการนักท่องเที่ยวครับ ในราคาไป-กลับ 1,000 บาท พวกเราผ่านเส้นทางลูกรังอันขรุขระประมาณ 15-20 นาที รถกระบะรับเหมาได้พามาถึงตีนดอย จากนั้นต้องเดินเท้าขึ้นเขาไปอีก 800 เมตร โดยสภาพเส้นทางเดินขึ้นเขาช่วง 300 เมตรแรกเป็นเชิงเขาที่มีป่าไม้สน ถัดมาเป็นภูเขาหัวโล้นมีหญ้าเหลืองทอง ที่มีทางเดินลัดเลาะตามสันเขาไปเรื่อยๆ ด้วยความที่เราไปเที่ยวช่วงฤดูหนาว อุณหภูมิราว 12 องศา เลยทำให้ไม่รู้สึกร้อนเท่าไหร่ แม้ว่าจะเหนื่อยล้าก็ตาม เมื่อเดินชมบรรยากาศสองข้างทางได้สักพัก ในที่สุดพวกเราก็พาตนเองขึ้นมาถึงยอดดอย จังหวะนั่นภาพที่ปรากฏเบื้องน่าทำให้ทุกคนต้องร้องว้าว ! ดวงอาทิตย์กำลังจะขึ้นพ้นขอบฟ้า ส่องแสงสีส้มตัดกับภาพทิวเขาสลับซับซ้อน พร้อมกับทะเลหมอกที่ขาวโพนสุดลูกหูลูกตา นับเป็นภาพที่สวมงามเกินคำที่จะพรรณนากับสิ่งที่ธรรมชาติได้สรรสร้างเลยครับ เพราะการที่เราจะได้เห็นทะเลหมอกแบบเยอะๆ เช่นนี้ต้องอาศัยโชคบวกกับความชื้นของสภาพอากาศด้วยนะครับที่จะทำให้เกิดทะเลหมอกอย่างที่เราได้เห็นเบื้องหน้า เราใช้เวลาบันทึกภาพเก็บความประทับใจไว้ในความทรงจำนานพอสมควร ก็ต้องถึงเวลากลับ จนทำให้เราไม่มีเวลามากพอที่เดินไปชมลานหินล้านปี และยอดภูนม ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากยอดดอยภูลังกา สำหรับความประทับใจในการเดินทางครั้งนี้นอกจากความสวยงามของธรรมชาติที่ผมและครอบครัวไปชื่นชมแล้ว ผมก็ได้เสริมเรื่องราวประวัติความเป็นมาของสถานที่ดังกล่าวด้วย ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นพื้นที่อันร้อนระอุด้วยไฟสงครามทางความคิดของคนไทยด้วยกันเอง หากใครก็ตามอยากไปขึ้นสัมผัสอากาศหนาวยามเช้า เพื่อชมความสวยงามของทัศนียภาพ และนักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่านเท่าใดนักดอยภูลังกาแห่งนี้ถือเป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่นักเดินทางไม่ควรพลาด แต่ที่สำคัญทุกท่านอย่าลืมพกดวงไปด้วยนะครับ ถ้าอยากเจอทะเลหมอก ! หมายเหตุ* ภาพประกอบบทความทุกภาพ ของผู้เขียน