วัดที่ยื่นไปในทะเลที่ไม่ไกลจากกรุงเทพที่พอจะรู้จัก จังหวัดปริมณฑลอย่าง "สมุทรปราการ" ก็มีที่แบบนั้นด้วยเหมือนกัน ที่ที่ถูกห้อมล้อมรอบด้วยน้ำทะเลอยู่ติดกับปากอ่าว จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พื้นดินบริเวณรอบ ๆ ถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนพื้นดินหายไป และสถานที่ที่พูดถึงนั่นก็คือ วัดขุนสมุทรจีน หรือ วัดขุนสมุทราวาส หากสมัยก่อนใครต้องการจะมาเที่ยวที่วัดขุนสมุทรจีน จะต้องขับรถหรือหารถมายัง ต.แหลมฟ้าผ่า พอข้ามสะพานคลองสรรพสามิตแล้วก็เลี้ยวขวาและวิ่งตรงไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร จะเจอท่าเรือป้ารี่ และจากนั้นต้องเดินทางต่อโดยเรือโดยสาร เพื่อไปลงบริเวณท่าเรือของวัด ใช้เวลาประมาณ 10 นาที จากนั้นจะต้องปั่นจักรยานหรือเดินเท้าต่อไปอีก เป็นไงหละครับกว่าจะมาได้ต้องใจรักจริง ๆ (แต่ผมก็ไม่เคยไปแบบนั้นนะครับ) แต่ปัจจุบัน เขาทำถนนที่รถยนต์สามารถขับไปจอดใกล้ ๆ กว่านั้นได้โดยจอดตรงลานจอดรถที่มีการการจัดสรรไว้ และเดินเท้าหรือใช้บริการรถสามล้อของชาวบ้านที่มีรับส่ง (มีค่าบริการ) ไปตามสะพานปูนที่ทอดจากฝั่งแผ่นดินไปยังวัดได้เลย (ไม่ต้องต่อเรือแล้ว) จะช้าอยู่ใยสตาร์ทรถและเตรียมตัวออกเดินทางได้ เมื่อขับรถยนต์มาถึงบริเวณลานจอดรถเต็มแล้วเราจึงเลือกจอดริมทางแล้ว (สังเกตได้ว่ารถจะจอดเป็นแถวยาวริมทางอย่าฝืนขับต่อเข้าไปเลยมันจะลำบาก) จากนั้นก็ลุยเดินเท้ากันต่อไปตามสะพานปูน เพราะถ้ามัวแต่รอตรงนี้ต่อไปอีกหน่อยเราอาจจะต้องเป็นหมูย่างแน่นอน 555 หรือใครไม่อยากเดินก็รอรถสามล้อที่จะแวะเวียนรับ-ส่งผู้คนที่หลั่งไหลกันมาอยู่บริเวณปากทางสะพานปูนก็ได้ก็ได้ราคาประมาณ 10 บาท ตลอดสองข้างทางตามสะพานปูน หากท่านเลือกโปรแกรมเดินก็จะได้รับชมกับวิวธรรมชาติป่าชายเลนที่พอเขียว ๆ ได้สบายตา หมู่นกหาปลา และเหล่าสัตว์ตามแนวต้นโกงกาง เช่นพวกปลาตีน ปู หอย โปล่ออกมาให้เราได้ยลโฉม สายลมที่พัดหอบความเค็มและไอร้อนสลับเย็นของทะเลมาเป็นพัก ๆ หากมือมันว่างจากการกางร่มก็สามารถสั่นระฆังให้ดังกังวาลที่มีแขวนเรียงรายไปตลอดเส้นทางได้ด้วยเช่นกัน เพียงหนึ่งอึดใจเราก็จะมาถึงบริเวณปากทางเข้าวัดขุนสมุทรจีน บริเวณปากทางมีร้านอาหาร ทั้งของสดจากทะเล และร้านค้าคอยให้บริการ หยุดพักแวะเติมน้ำตาลให้ร่างกายกันก่อน หลังจากหลังที่มีเหงื่อซึม ๆ จากการเดินเมื่อสักครู่ ระหว่างดื่มน้ำรอเดี่ยวเราขออนุญาตแนะนำสถานที่จุดแลนด์มาร์คของวัดแห่งนี้ ที่เราจะไปเยี่ยมชมกัน โดยจะแบ่งวัดออกเป็น 3 โซนด้วยกัน คือ โซนหน้า โซนกลาง และโซนหลัง และจะขอนำเสนอจากซ้ายไปขวา ทุกท่านสามารถดูจากรูปแผนที่ข้างล่างโดยสังเขปได้ ดังนี้จุดที่ 1 ศาลาไม้ริมทะเล ด้านในประดิษฐานสมเด็จพ่อโตและหลวงปู่ทวดจุดที่ 2 ศาลาครุฑ ด้านในเป็นที่ประดิษฐาน พระปรางห้ามสมุทร หลวงพ่อเขาตะเครา หลวงพ่อวัดบ้านแหลม หลวงพ่อโต หลวงพ่อวัดไร่ขิง พระพุทธรูปปางอุ้มบาตรที่แกะจากไม้ (บาตรแตก) หลวงพ่อโสธร และไอ้ไข่ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับศาลาไม้ริมน้ำสมเด็จโตและหลวงปู่ทวดจุดที่ 3 ทางขวามือของศาลาครุฑ จะเป็นศาลาสำหรับถวายสังฆทานหากใครมาถึงแล้วสามารถนำของมาถวายพระภิกษุได้ตรงจุดนี้ และเมื่อเข้ามาแล้วด้านในยังมีองค์ท้าวเวสสุวรรณทั้ง 3 ปางที่เปิดให้เข้าไปสักการะได้ด้วยเช่นกันจุดที่ 4 พระอุโบสถเก่ากลางน้ำ (โบสถ์มุด) สำหรับพระอุโบสถหลังนี้ ไม่ว่าคุณจะยิ่งใหญ่มาจากไหน ไม่ว่าคุณจะร่ำรวยหรือยากจน หากเข้ามาภายในพระอุโบสถหลังนี้แล้วนั้น ทุกคนมีสิ่งหนึ่งที่เท่าเทียมกันคือต้อง "ก้มศีรษะ" น้อมลงเข้าไปในพระอุโบสถเพื่อเคารพแด่องค์พระประธาน "เพราะถ้าหากคุณยังเชิดหน้าตั้งคอของคุณอยู่คงจะต้องชนเข้ากับขอบวงกบประตูโบสถ์อย่างแน่นอน" ด้วยที่พระอุโบสถมีการยกพื้นสูงขึ้นด้วยสาเหตุของน้ำทะเล แต่ขอบวงกบของประตูโบสถ์นั้นไม่ได้ขยับสูงตาม เมื่อคุณเข้ามาในพระอุโบสถก็ต้องใช้วิธีการ "มุด" ผ่านเข้าไปด้านใน เราจึงของอนุญาตเรียกชื่อพระอุโบสถเก่าแก่กลางน้ำแห่งนี้ว่า โบสถ์มุด ร่องรอยการจมน้ำที่ยังคงทิ้งคราบไว้เสมือนย้ำเตือนเรื่องราวที่เคยผ่านมา แต่ภายนอกของอุโบสถหลังนี้ยังมีลวดลายปูนปั้น และศิลปะที่สวยงามมิเปลี่ยนแปลง ด้านในของพระอุโบสถเก่าหลังนี้เป็นที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อรุ่ง" ที่เป็นที่เคารพศรัทธาของผู้คน แสงแดดที่ระอุจากภายนอกที่แผดเผาช่างแตกต่างกับอากาศด้านภายในพระอุโบสถหลังนี้ เมื่อเข้ามาแล้วกลับรู้สึกถึงความร่มรื่นร่มเย็น ลมที่พัดผ่านเข้ามาตามหน้าต่างบานเล็ก ความสงบก็บังเกิดขึ้นในใจ ทุกสรรพสิ่งรอบตัวยังคงหมุนเวียนเคลื่อนไหวไป "ฉันอยากจะนั่งอยู่ตรงนี้นาน ๆ เสียเหลือเกิน" นั่นคือความรู้สึกในตอนนั้นจุดที่ 5 พระอุโบสถ (ใหม่) เรือนไทยไม้สัก อยู่ตรงข้ามกับพระอุโบสถเก่า ส่วนด้านล่างเป็นใต้ถุนโปร่งมีพระพุทธชินราชประดิษฐานอยู่ หากออกมาด้านหน้าทางด้านขวาจะเป็นทางขึ้นไปยังพระอุโบสถใหม่ด้านบนชั้น 2 ที่เป็นเรือนไม้สักสวยงามเป็นอย่างมากด้านบนชั้น 2 เป็นโบสถ์ไม้สักเรือนไทย ด้านในประดิษฐานพระพุทธชินราชเช่นกันจุดที่ 6 เก๋งจีนเจ้าแม่กวนอิม ถัดไปโซนหลังติดกับริมทะเลทางซ้ายสุดเมื่อเราหันหน้าออกทะเล เราจะพบเก๋งจีนซึ่งเป็นที่ประดิษฐานขององค์เจ้าแม่กวนอิม บริเวณด้านนอกยังมีพื้นที่ให้เราสามารถนั่งพัก ชมวิวรับลมทะเลได้ด้วยจุดที่ 7 พ่อใหญ่ห้ามสมุทร ถัดมาจากเก๋งจีนบริเวณตรงกลางของโซนหลังติดริมทะเลเราจะพบกับพระพุทธองค์ใหญ่มหึมายืนเด่นสง่า องค์สีดำในท่าปรางห้ามสมุทร หันหน้าออกฝั่งทะเลจุดที่ 8 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระยาพิชัย เรือพระ ถัดจากพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่อยู่ตรงกลางในโซนสุดท้าย มุมขวาสุดหากเราหันหน้าเข้าทะเล ก็จะเป็น 3 จุดสุดท้ายของวัดนี้ เป็นรูปปั้นพระเจ้าตากสินทรงเรือ พระยาพิชัยดาบหัก เสด็จพ่อ ร.5 และเสด็จเตี่ย ส่วนมุมในสุดจะเป็นเรือไม้เก่าแก่ที่บรรจุพระพุทธรูปองค์เล็กเต็มลำเรือ และองค์เทพ ซึ่งเราสามารถเข้ามากราบสักการะกันได้ธรรมสวัสดี เป็นอย่างไรกันบ้างครับ เหงื่อออกกันแล้วหรือยัง สำหรับวัดขุนสมุทรจีน หรือวัดวัดขุนสมุทราวาส วัดเก่าแก่ที่มีความสวยงามและ unseen แห่งนี้ หากท่านใดพอจะมีเวลาว่าง ๆ แล้วไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหน เราว่าที่แห่งนี้ก็น่าสนใจมาก ๆ เลยทีเดียว และที่สำคัญอยู่ไม่ห่างจาก กรุงเทพฯ ด้วย ทากันแดดพกร่มกันร้อนเสียหน่อย แวะเวียนกันมาสร้างบุญและได้ท่องเที่ยวกันได้ ช่วงนี้วัดกำลังพัฒนา หากท่านมีจิตศรัทธาอย่าลืมแวะเวียนกันมาสร้างศาสนสถานกันนะครับที่อยู่ : ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการพิกัด : https://goo.gl/maps/Mutk8ZUE5tEvz6r98เปิดให้เข้าชม : 07.00-16.00 น.ภาพ : เสือซ่อนยิ้มเรื่อง : เสือซ่อนยิ้มเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !