เขาว่ากันว่า ถ้ามีทุกข์มีโศกใดๆ ก็เอามาลอยลงแม่น้ำกันไป ยิ่งปีใหม่ อะไรที่เก่าๆ ที่เก็บไว้ในใจ ไม่ว่าจะเป็นความผิดหวัง ความคาดหวังที่ไม่สมหวัง หรือความหมดหวังใดๆ ก็เอามาลอยลงแม่น้ำให้หมด จะได้เห็นการเริ่มอะไรใหม่ๆ ในชีวิตไม่ติดอยู่กับอดีตที่ซ้ำซากน่าเบื่ออีกต่อไป ดังนั้น การเริ่มต้นปีใหม่ที่ดีในสายตาของผมก็คงหนีไม่พ้นการนั่งเรือไปบนแม่น้ำเจ้าพระยาน่ะแหละครับ อันที่จริงแล้ว กิจกรรมล่องเรือข้ามแม่น้ำนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมทำเฉพาะปีใหม่ แต่ว่าพอเป็นช่วงปีใหม่ สิ่งที่ทำอยู่บ่อยๆ ก็อาจจะกลายเป็นเรื่องพิเศษไปได้ หากเราหาความหมายให้นิยามใหม่แก่มันได้สำเร็จ ปกติการเดินทางเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาของผม มักจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อจะไปห้างไอคอนสยาม ที่อยู่แถวๆ สี่พระยาน่ะแหละครับ ด้วยเหตุที่ว่าไม่แน่ใจว่าจะต้องนั่งรถเมล์สายอะไรหากต้องเดินทางด้วยทางเท้า แต่สามารถเดินทางไปได้ง่ายๆ ผ่านการเดินทางด้วยเรือที่ทางห้างให้บริการฟรี โดยขึ้นที่ตรงท่าสาทร ท่าเรือที่อยู่ตรงรถไฟฟ้า BTS สถานีสะพานตากสินน่ะแหละครับ เราลงจากสะพาน ไปที่ท่าเรือ แล้วก็ขึ้นเรือไป เรือก็ค่อยๆ พาเราไปยังไอคอนสยาม โดยไม่ได้ยากลำบากอะไร ระหว่างทางเราก็ได้ชื่นชมวิวทิวทัศน์สองข้างทางด้วย บ้านเรือนหรือผู้คนที่อาศัยอยู่ริมน้ำ ถ้าหากเราจะมองให้โรแมนติกเราก็จะเห็นแต่ว่า ดีนะที่ได้มาอยู่ริมน้ำแล้วก็นั่งมองเรือผ่านไปผ่านมา บรรยากาศดูดี แต่คนที่อาศัยริมน้ำหลายคนก็อาจจะต้องกังวลกับเรื่องบางเรื่อง เช่น เรื่องของการที่น้ำกัดเซาะเข้าไปในฝั่งที่อาจจะสร้างปัญหาให้กับบ้านบางหลังที่กลัวว่าสักวันจะต้องถูกแม้น้ำกินพื้นที่ไป แต่นั่นแหละครับชีวิตคนเราแต่ล่ะคนก็มีหนทางที่แตกต่างกันไป มีปัญหาที่ต้องแก้แตกต่างกันไป ก็สุดแท้แต่ว่าแต่ล่ะคนจะแก้ปัญหากันไปอย่างไร นั่งเรือไปเรื่อยๆ ก็มาถึงไอคอนสยาม ปรกติผมจะไม่ค่อยเข้าไปเที่ยวเท่าไหร่นักเพราะว่าโดยส่วนตัวที่นี่ไม่ค่อยมีอะไรที่ถูกสเปกเท่าไหร่ยกเว้นของกินตรง Sook Siam ตลาดแนวไทยๆ ที่อาจจะมีแวะไปซื้อบ้าง จากตรงนี้ผมสามารถเลือกได้ว่าจะนั่งเรือไปที่ทางไอคอนสยามมีบริการ คือมีทั้งที่ไปลงที่วัดม่วงแค หรือไปลงที่ล้ง 1919 ที่อยู่ใกล้ๆ กัน ซึ่งก็ต้องดูให้ดีครับ เพราะท่าเรือมีสองฝั่งของห้าง ฝั่งหนึ่งก็จะพากลับไปที่ท่าเรือสาทร อีกฝั่งก็ไปอีกด้านหนึ่ง การนั่งเรือเล่นเป็นอะไรที่ถูกโฉลกผมจริงๆ ครับ เพราะมันเหมือนกับว่าเวลาของเราได้หยุดนิ่งไป รู้สึกลืมไปเลยว่ากลับไปต้องไปทำงานต่อ ต้องมีวันพรุ่งนี้ ต้องมีเรื่องที่จัดการ มันเป็นเหมือนที่ว่าไว้ต้นบทความน่ะครับว่า “เอาอดีตทั้งหลายโยนทิ้งไป” มองสายน้ำค่อยๆ ไหลไปอย่างเรื่อยๆ มันมีทั้งส่วนที่ทำให้เกิดสมาธิ และเกิดความรู้สึกสงบในใจ ทุกอย่างดูเหมือนเอื่อยเฉื่อยไร้กาลเวลาไปหมด จนเราลืมไปเลยว่า บางครั้งผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่อยู่บนเรือลำเดียวกับเรา ก็อาจจะไม่ได้คิดเหมือนเรา อาจจะยังมีความกังวลที่ปล่อยวางไม่ได้ และชีวิตยังมีปัญหาให้ต้องแก้กันไป นั้นแหละครับ ต่างคนก็ต่างความคิดกันไป บางครั้งมันก็เป็นเรื่องที่ยากสำหรับบางคนที่จะปล่อยให้ตัวเองไหลเอื่อยๆ ไปตามกระแสแห่งความนิ่งเฉย ผมเองก็เหมือนกัน เมื่อกลับมาขึ้นฝั่ง ก็เหมือนกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง ภาระหน้าที่ต่างๆ ก็กลับเข้าสู่ชีวิตอีกครั้งหนึ่ง