ชีวิตริมน้ำอีกแห่งหนึ่งในประเทศไทย ที่เรียบง่ายและจับใจผู้ที่ได้ไปเยือน ยามพระอาทิตย์ตกแสงสีทองสาดส่องบ้านเรืองและผู้คนริมน้ำ ชาวเมืองอุทัยธานี มีชีวิตริมน้ำชุมชนเรือนแพ เป็นที่ต้องตาต้องใจ และเป็นหัวใจต้นกำเนิดอาชีพหลายๆอาชีพให้กับชาวเมือง หล่อเลี้ยงเมืองอุทัยธานี ให้คงความเป็นหนึ่งในเมืองแห่งศรัทธาในพระพุทธศาสนา และเมืองที่หลอมความสงบในใจคนเข้าด้วยกันไว้ กับธรรมชาติของชีวิตและทุกสิ่งได้อย่างน่าคงไว้ในความรู้สึก และอาจพูดได้อย่างเต็มปากชัดถ้อยคำว่าที่นี่คือชุมชนเรือนแพแหล่งสุดท้ายของประเทศไทย ชีวิตบนผืนน้ำที่นี่ ความเป็นอยู่เกิดขึ้นจริง สอดคล้องกันทั้งบนน้ำและบนดิน คุณสมชาย สุราฤทธิ์ เล่าให้ฟังว่า “อุทัยธานีค่อนข้างโชคดี น้ำที่นี่ยังสะอาด เรายังสามารถใช้น้ำได้อยู่ไม่ว่าจะเป็นการซักเสื้อผ้า หรือเอามาใช้ เรายังใช้น้ำได้ตามปกติ” ความคุ้นเคยของคนอุทัย ชีวิตที่เกิดขึ้นบนสายน้ำ ทำให้คนอุทัยธานีไม่เคยเคอะเขินกับกิจกรรมประจำวันต่างๆ ที่ล้วนเกิดขึ้นกับสายน้ำ “แหล่งต้นน้ำสะแกกรังของเรา คือจะมีชีวิตชุมชนเรือนแพเป็นหลัก สมัยก่อนจะมีแพอยู่เยอะมาก แต่สมัยนี้ชีวิตบนแพได้หายไปเยอะ” และชีวิตบนแพนี่เอง ที่ทำให้คนเมืองอุทัยหลายๆ ครอบครัวมีอาชีพ สร้างรายได้ให้เกิดขึ้นหมุนเวียนในครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่น จนเกิดเป็นภูมิปัญญาการรักษาชุมชนเรือนแพ คุณสมชายเล่าต่อว่า “วิถีชีวิตชาวแพส่วนใหญ่ก็จะเป็นการหาปลาในกระชัง ปลูกเตยขาย หรืออาจจะทำเกษตรอื่นๆเป็นอาชีพเสริม” นอกจากวิถีชีวิตชุมชนชาวแพแล้ว ริมน้ำยังเรียงรายไปด้วยวัด ตลาดสด ชุมชนเรือนแพเมื่อหาปลามาได้ก็จะไปขายกันที่ตลาดเช้า หรือตลาดเย็นอีกด้วย การอยู่อาศัยบนแพก็ถือเป็นสิ่งที่ทำกันมานาน จนเป็นความปกติของคนเรือนแพไป “อยู่แพมาตั้งแต่รุ่นปู่ และก็ยังคงอนุรักษ์ให้มีกันอยู่จนทุกวันนี้ จะเก็บขยะก็จะมีทางเทศบาลจัดเก็บกันอาทิตย์ละ 3 วัน จันทร์ พุธ และศุกร์ พวกเราจะมีกฎกติกากันว่าจะไม่ทิ้งขยะกันนะ สังเกตได้ว่าตัวคลองนี้จะสะอาดมากจะแทบมองไม่เห็นขยะเลย และเมื่อจะเข้าเขตฤดูการวางไข่ของปลา เราจะอนุรักษ์ไม่จับปลากัน ทางประมงเขาจะให้ช่วยกันอนุรักษ์ปลากันไว้ด้วย เราจะจับปลาเฉพาะในกระชังของเราเก็บไปขายเท่านั้น” เรื่องง่ายๆ กับคำสัญญากันของชาวชุมชนเรือนแพ และคนเมืองอุทัยธานี ทำให้แม่น้ำของอุทัยธานีสะอาดเสมอ ต่อชีวิตเติมความหวังให้กับผู้คนต่อไป เหมือนกับที่คุณสมชายทิ้งท้ายไว้ว่า “ชุมชนเรือนแพ เป็นเอกลักษณ์ของชาวอุทัยธานี เราต้องอนุรักษ์ไว้ ไม่อย่างนั้นมันจะหายไปได้ รุ่นลูกรุ่นหลานก็จะไม่ได้มีชีวิตแบบนี้ น่าเสียดาย เพราะสิ่งนี้ล่ะคือหนึ่งในความเป็นไทยของเราด้วย” เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย : เรือนแพของลุ่มน้ำสะแกกรังนี้ ยังมีบ้านเลขที่ชัดเจน เป็นแหล่งอาศัยที่ได้รับการรับรองจากทางราชการ, แม่น้ำสะแกกรัง ได้ชื่อมาจากต้นสะแกที่มักขึ้นอยู่ริมน้ำ ชอบออกดอกช่อยาวเล็กๆสีเขียวอมเหลืองห้อยมาบนสายน้ำ เมื่อก่อนล่องเรือมาแถวนี้ก็รู้ว่าถึงอุทยัธานีแล้ว, ปลาแรดเป็นปลารสเด็ดของแม่น้ำสะแกกรัง, ชาวบ้านชุมชนเรือนแพปลูกดอกพุทธรักษากันมาก เชื่อมโยงกับคำขวัญจังหวัดเมืองพระชนกจักรี ลองไปหาคำตอบดูกันว่าทำไม และอีกเรื่องที่ควรสำรวจ ก็คือลองเข้าห้องน้ำบนแพสักครั้ง แล้วไปนั่งคิดต่อว่า ปล่อยแล้วไปอยู่ตรงไหนกัน