ททท. รับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ Citilink บินตรงจาการ์ตา-ดอนเมือง รุกตลาดอินโดฯ ตั้งเป้าสู่ 1 ล้านคน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ได้ออกมาเผยข่าวดีต้อนรับปี 2025 ด้วยการต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของสายการบิน Citilink สายการบินโลว์คอสต์คุณภาพในเครือ Garuda Indonesia ที่บินตรงลัดฟ้าจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย มาลงจอด ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยความพิเศษของเที่ยวบินแรกนี้มาพร้อมกับสถิติยอดจองแบบเต็มลำหรือ Load Factor 100% สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางสุดฮอตที่ชาวอินโดนีเซียอยากมาเช็กอินมากที่สุด
ททท. รับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ Citilink บินตรงจาการ์ตา-ดอนเมือง
รุกตลาดอินโดฯ ตั้งเป้าสู่ 1 ล้านคน
นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. ได้กล่าวถึงความสำคัญของเส้นทางบินนี้ว่า การที่ Citilink เลือกกรุงเทพฯ เป็นจุดหมายปลายทางระหว่างประเทศแห่งที่ 4 ต่อจากสิงคโปร์ มาเลเซีย และติมอร์-เลสเต ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยรองรับความต้องการของตลาดอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในอาเซียน โดย ททท. เตรียมรุกตลาดต่อทันทีด้วยการผนึกกำลังกับสายการบินและพันธมิตรยักษ์ใหญ่อย่างบริษัทนำเที่ยวและ OTA เพื่อจัดทำดีลสุดพิเศษ พร้อมดึงตัวสื่อมวลชนและอินฟลูเอนเซอร์มาร่วมสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวไทย เพื่อส่งต่อความประทับใจและกระตุ้นการเดินทางให้คึกคักยิ่งกว่าเดิม
สำหรับสายการบิน Citilink พร้อมเปิดให้บริการบินตรงเส้นทางจาการ์ตา-ดอนเมือง ทุกวันด้วยเครื่องบิน Airbus A320 ขนาด 180 ที่นั่ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 5,000 ที่นั่งต่อเดือน การเพิ่มเที่ยวบินนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเหล่านักเดินทาง แต่ยังเป็นจังหวะที่ลงตัวสุดๆ ในช่วงเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองปลายปี ทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับวันหยุดพักผ่อน
หากย้อนดูสถิติตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2568 จะพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซียเดินทางเข้าสู่ไทยแล้วถึง 735,443 คน โดยส่วนใหญ่มักใช้เวลาพำนักเฉลี่ยประมาณ 7 วัน และมียอดใช้จ่ายต่อทริปอยู่ที่ราว 25,000 บาท ซึ่งกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีอัตราการกลับมาเที่ยวซ้ำ (Repeat Visit) สูงมาก โดยเฉพาะในพิกัดยอดฮิตอย่าง กรุงเทพฯ สงขลา พัทยา และภูเก็ต การเปิดเส้นทางบินใหม่ในครั้งนี้จึงเป็นแรงหนุนสำคัญที่จะช่วยขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่และกลุ่มที่ชอบเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) ให้เพิ่มมากขึ้น และเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่จะผลักดันให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวอินโดนีเซียพุ่งทะยานสู่เป้าหมาย 1 ล้านคนในปี 2569 ได้อย่างแน่นอน
====================