อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกหลานไปนาน ๆ นะ คำกล่าวนี้หลายคนอาจจะเคยได้ยินอยู่บ่อยครั้ง บางคนอาจจะเคยใช้กับญาติผู้ใหญ่ที่เรารักและเคารพ แต่เคยถามตัวเองกันหรือไม่ครับว่าทำไมถึงต้องใช้ต้นโพธิ์และต้นไทรแทนคำกล่าวข้างต้นนี้ด้วย คำตอบก็คือต้นไม้ทั้งสองชนิดนี้เป็นต้นไม้ที่มีอายุยืนยาวมาก ต้นที่เก่าแก่ที่สุดมีอายุมากกว่า 2,000 ปีเลยทีเดียวครับ ต้นไม้ทั้งสองชนิดนี้สามารถขยายพันธุ์ได้อย่างง่ายดาย เติบโตได้ทุกสภาวะแวดล้อม และที่ผมกล่าวถึงต้นไม้ทั้งสองชนิดนั้นก็เพราะว่าต้นไม้นี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับสถานที่แห่งนี้มาก ๆ และในวันนี้ผมจะพาทุกคนไปยังวัดบางกุ้ง สถานที่สุด Unseen ที่ตั้งของโบสถ์เก่าแก่ที่มีต้นไม้ถึง 4 สายพันธุ์โอบอุ้มเอาไว้ เพื่อไม่ให้โบสถ์หลังนี้พังทลายลงมาตามกาลเวลา โบสถ์หลังนี้ชื่อว่า"โบสถ์ปรกโพธิ์" อุโบสถที่ตั้งอยู่ในอำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ใกล้ ๆ กับกรุงเทพฯนี่เองครับ โบสถ์เก่าแก่ที่มีต้นไม้ขนาดใหญ่ปกคลุมอยู่ ย้อนกลับไปในสมัยกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าเอกทัศน์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ทหารเรือก่อสร้างค่ายทหารไว้ในค่ายบางกุ้งแห่งนี้ โดยจุดศูนย์กลางของค่ายนี้ก็คือวัดบางกุ้ง ภายในประดิษฐานหลวงพ่อนิลมณีซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของชาวบ้านและทหารเรือในค่าย ชัยภูมิของที่นี่เหมาะแก่การเป็นเมืองหน้าด่าน ปกป้องข้าศึกที่ยกทัพผ่านมาทางแม่น้ำแม่กลองได้เป็นอย่างดี ในเวลาต่อมาหลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 วัดแห่งนี้ก็ถูกปล่อยทิ้งร้างเหลือไว้เพียงพระอุโบสถที่เริ่มมีต้นไม้ปกคลุม จนเวลาล่วงเลยผ่านไปหลายปีต้นไม้เหล่านั้นกลับเติบโตและคอยพยุงพระอุโบสถหลังนี้เอาไว้ไม่ให้พังทลายลงมา ที่นี่จึงถูกเรียกว่า โบสถ์ปรกโพธิ์ นั่นเองครับ ประประธานในพระอุโบสถหลังนี้มีความงดงามและยังมีสภาพที่สมบูรณ์อยู่ การเดินทางมายังวัดแห่งนี้สามารถตั้งพิกัดมาที่วัดบางกุ้งได้เลยนะครับ หากขับรถมาถึงที่วัดแห่งนี้แล้ว ก็ขับเข้ามาด้านในได้เลยนะครับที่นี่จะมีที่จอดรถกว้างขวางมากครับ รองรับนักท่องเที่ยวต่อวันได้เป็นจำนวนมาก เมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้วบริเวณด้านหน้าจะเป็นที่ประดิษฐาน ของศาลพระเจ้าตากสิน และไม่ไกลกันมากนักจะเป็นที่ตั้งของโบสถ์ปรกโพธิ์ครับ เมื่อมาถึงบริเวณหน้าโบสถ์จะมีจุดให้บูชาธูปเทียนดอกไม้ครับ แต่โบสถ์แห่งนี้ห้ามนำธูปที่จุดแล้วเข้าไปในโบสถ์ พวกเราก็ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ด้วยการบูชาและปักธูปไว้ด้านนอกโบสถ์ครับ หลังจากนั้นจึงเดินเข้าไปในโบสถ์ที่ภายในเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อนิลมณี พระพุทธรูปขนาดใหญ่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย แกะสลักจากหินทรายแดงที่แข็งแรงทนทาน เป็นพระพุทธรูปที่มีความงดงามและความศักดิ์สิทธิ์ อยู่คู่บ้านคู่เมืองของชาวบางกุ้งแห่งนี้มาตลอด 200 กว่าปี นอกจากองค์พระประธานที่มีความงดงามแล้ว ภายในโบสถ์ยังมีจิตรกรรมฝาผนังสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่ยังคงสภาพสมบูรณ์และมีความงดงามอยู่ ภาพจิตรกรรมส่วนใหญ่บอกถึงเรื่องราวในสมัยพุทธกาล อดีตของพระพุทธเจ้าซึ่งหาดูได้ยากมากในยุคปัจจุบันนี้ครับ จนในปี พ.ศ. 2539 กรมศิลปากรได้จดทะเบียนวัดแห่งนี้เป็นโบราณสถานของชาติ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นที่เรียบร้อยครับ ต้นไม้ทั้ง 4 ชนิดเติบโตขึ้นรอบ ๆ พระอุโบสถ ทำให้รากไม้นั้นช่วยพยุงฐานพระอุโบสถ์เอาไว้ ด้านนอกพระอุโบสถถูกรายล้อมด้วยต้นไม้ทั้ง 4 ชนิดด้วยกัน คือ 1. ต้นโพธิ์ เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ มียางสีขาว ใบเดี่ยวคล้ายรูปหัวใจ เติบโตได้ง่ายและมีอายุยืน 2. ต้นไทร เป็นต้นไม้ขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ ลำต้นแตกกิ่งก้านได้ง่ายมีใบเป็นพุ่มทึบ มีรากอากาศที่ห้อยลงมาตามกิ่งก้านและลำต้น 3. ต้นไกร เป็นพันธุ์ไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ ปลายใบเรียวแหลมโคนใบแหลม มีผลออกบริเวณลำต้นไปกับลูกมะเดื่อ 4. ต้นกร่าง เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ มียางไม้สีขาวและมีรากอากาศคล้ายกับต้นไทร แต่รากอากาศมีความเหนียวกว่าสามารถใช้ทำเชือกได้ ต้นไม้ทั้ง 4 ชนิดนี้ ล้วนแต่เป็นไม้ยืนต้นที่มีอายุยืน สามารถเติบโตได้ทุกที่ ลำต้นมีความแข็งแรง การขยายพันธุ์และเติบโตรอบ ๆ โบสถ์หลังนี้ คาดการณ์ว่าเกิดจากนกที่อาศัยอยู่ในวัดได้จิกกินผลของพืชทั้ง 4 ชนิดนี้ แล้วถ่ายมูลที่เหลือเอาไว้บนหลังคา เมื่อฝนตกลงมาน้ำฝนก็จะชะล้างนำมูลนกเหล่านั้นให้ไหลลงมากับน้ำและผลของต้นไม้เหล่านั้นที่อยู่ในมูลนกก็เจริญเติบโตขึ้นมาบริเวณรอบ ๆ พระอุโบสถ จนเวลาล่วงเลยผ่านมาหลายร้อยปีต้นไม้ทั้งหมดก็เติบโตขึ้น ช่วยพยุงผนังโบสถ์เอาไว้ไม่ให้พังทลายลงมาตามกาลเวลานั่นเองครับ รูปปั้นต่าง ๆ ที่มีอยู่รอบ ๆ บริเวณวัด หลังจากเยี่ยมชมความงดงามของพระอุโบสถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เดินทางมาเยี่ยมชมบริเวณรอบ ๆ ของตัววัด ในอดีตพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นค่ายทหารเรือมาก่อน ทำให้บริเวณรอบ ๆ พื้นที่แห่งนี้มีรูปปั้นทหารอยู่มากมาย ทั้งหมดเป็นทหารสมัยกรุงศรีอยุธยาในอริยาบทต่าง ๆ เช่น การซ้อมรบ การต่อสู้กับข้าศึก แม่ไม้มวยไทยท่าต่าง ๆ ศิลปะการต่อสู้ทั้งหลายถูกรวบรวมไว้ที่นี่ จะแสดงผ่านรูปปั้นมากมายทั่วบริเวณวัด ถือว่าเป็นรูปปั้นที่มีความงดงามมาก ๆ ครับ ถ้าดูไกลๆจะมีลักษณะคล้ายกับคนที่มีชีวิตอยู่จริง ๆ ครับ ภรรยาผมถักเปียให้เจ้าม้า แต่ถ่ายรูปแล้วก็แกะออกให้นะครับ นอกจากที่นี่จะเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แล้ว ในบริเวณวัดแห่งนี้จะมีสัตว์ชนิดต่าง ๆ อาศัยอยู่ด้วย เช่น อูฐ ม้า แพะ แกะ จระเข้ หมูป่า กวางดาว ควายและกระต่าย เป็นต้น สัตว์ชนิดต่าง ๆ เหล่านี้ส่วนใหญ่จะถูกคนนำมาปล่อยทิ้งไว้ ทางวัดจึงต้องจำใจเลี้ยงเอาไว้ ในเวลาต่อมามีการขยายพันธุ์และเพิ่มจำนวนมากขึ้น ทางวัดจึงเปิดเป็นสวนสัตว์ขึ้นมาเพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถร่วมทำบุญด้วยการให้อาหารสัตว์เหล่านั้น หากใครมีโอกาสได้มาเยี่ยมชมก็สามารถร่วมทำบุญได้เช่นกันนะครับ สัตว์ที่นี่จะค่อนข้างคุ้นเคยกับมนุษย์ครับ ถ้าจะจับอวัยวะส่วนใดของสัตว์เหล่านี้แนะนำให้ล้างมือให้สะอาดก่อนนะครับ เพื่อความปลอดภัยของทั้งนักท่องเที่ยวและสัตว์ด้วยครับ ร้านไอกรีมหม้อดิน อร่อยต้องลองครับ เป็นอย่างไรบ้างครับกับวัดบางกุ้ง สถานที่สุด Unseen แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดสมุทรสงครามที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก ผมอยากให้เพื่อน ๆ ได้ลองแวะมาเยี่ยมชมที่นี่กันดูสักครั้ง นอกจากนี้จะมีความงดงามของโบสถ์แล้ว บริเวณด้านตรงข้ามของวัดจะมีร้านค้าของชาวบ้านในพื้นที่ มีของฝากและของกินอร่อย ๆ มากมายรอนักท่องเที่ยวไปอุดหนุนกันอยู่นะครับ วันนี้พวกเราก็อุดหนุนไอศกรีมหม้อดิน เป็นไอศกรีมกะทิหอมหวานมัน เจ้าของร้านอัธยาศัยดี ยิ้มแย้มและเป็นกันเองครับ หากใครชอบทานไอศกรีมก็มาอุดหนุนได้นะครับ หากผ่านพ้นช่วงเวลาที่ Covid-19 ระบาดไปแล้ว ทุกคนก็อย่าลืมแวะมาที่นี่กันสักครั้งนะครับ เพื่อชมความสวยงามของพระอุโบสถ แต่ถ้าใครได้ไปมาแล้วก็อย่าลืมถ่ายรูปสวย ๆ และแบ่งปันเรื่องราวความประทับใจ ให้พวกเราที่ช่อง comment ด้านล่างได้เลยนะครับ สำหรับวันนี้ผมต้องขอตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า สวัสดีครับ ที่ตั้ง : บ้านค่าย หมู่ที่ 4 ตำบลบางกุ้ง อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม 75120 พิกัด : >>> Click <<< เวลาทำการ : 08.00-17.00 น. เพจ : >>> Click <<< โทรศัพท์ : - ภาพประกอบบทความโดย Tom Percy on TrueID In-Trend ครับ