ขอเกริ่นก่อนว่าคุณลูกชาย อายุ 11 เดือนกว่าๆ คุณแม่ๆคนไหนที่ไม่รู้จะพาลูกไปเที่ยว ไปเรียนรู้ที่ไหนดี ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ไปเที่ยวอย่างไรให้ลูกปลอดภัย ติดตามอ่านกันได้ เดี๋ยวแม่จะมาเขียนให้อ่านบ่อยๆ ขอประเดิมบทความแรกกันเลย เข้าเรื่องกันเลยนะคะ วีคที่ผ่านมาฤกษ์งามยามดี เป็นวันเด็ก คุณแม่คิดอยู่นานว่าจะพาลูกไปเรียนรู้ประสบการณ์ที่ไหนดี ....เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้เคยพาลูกชายไปเที่ยวสวนสัตว์มาแล้ว คราวนี้เลยลองสัตว์น้ำกันบ้าง ก็มาลงเอยที่ SEA LIFE Bangkok Ocean World เที่ยวเย็นๆไม่มีร้อน เด็กน้อยอายุ 11 เดือน จะสนุกแค่ไหน คุณแม่ต้องเตรียมอะไรบ้างมาอ่านกันได้ มุ่งหน้าสู่สยามพารากอน เริ่มต้นด้วยการไปถึงตั้งแต่ห้างเปิดกันเลย (ถ้ามาช้าคุณพ่อจะอารมณ์เสียจากการหาที่จอดรถยาก :) หาที่จอดรถสบายๆ จากนั้นมุ่งหน้าไปชั้นใต้ติด ลงบันไดเลื่อนฝั่ง Food Count ลงไปถึงเข้าแถวซื้อบัตร บัตรมีหลายแบบมากๆๆๆๆ แม่งงมาก มีแบบ Combo โน้นนี้ แบบดู 4D ล่องเรือกระจก อะไรไม่รู้เต็มไปหมด Annual Pass ก็มี และเนื่องจากลูกยังเล็กลง เอาแบบพื้นๆพอ เดินดูชิลๆ ไม่มีอะไรพิเศษดีกว่า แล้วก็ไปส่องในเวปเจอส่วนลดหลายอย่างอยู่ก็เลือกไปที่เรามี เด็กเล็กต่ำกว่า 4 ขวบไม่เสียค่าบัตรด้วยนะ!!! สบายเลย เสียแต่พ่อแม่ ได้มาครึ่งราคาหลังส่วนลด ราคาเต็มผู้ใหญ่คนละ 700 บาท ฟินๆไป เดินเข้ามาก็เจอห้องมืด ห้องโถงแรก ต้อนรับด้วยปูแมงมุมยักษ์ หรือ ถ้าจะเข้าใจง่ายๆคือ ปูอลาสก้านั้นแหละ ตัวใหญ่มาก ลูกชายตื่นเต้นใหญ่เลย ปูเดินดุกดิกเด็กน้อยยิ่งชอบใจ แล้วก็มีตู้ปลาชนิดต่างๆรอบๆ อุ้มลูก พาเดินดูทีละตู้ไป เดินไปเรื่อย ดูตู้นั้น ออกตู้นี้ โดยส่วนตัวจากที่เคยมาแล้ว มองว่าปลาหลากหลายมากขึ้น น่าสนใจขึ้น หรือ เพราะมีลูกมาด้วยก็ไม่รู้คราวนี้ เลยรู้สึกต่างออกไป ปกติก็เดินชิลผ่านๆไป แต่นี้เหมือนต้องลงดีเทลทุกตู้ว่าตู้นี้คืออะไร ตู้นี้จะอธิบายให้ลูกฟังยังไงให้เข้าใจง่ายๆ มีตู้ปลาตรงกลางใหญ่หน่อย มีปลาหลายสีสัน สีสดๆเด็กๆจะชอบมาก คุณลูกจิ้มตู้ใหญ่เลย ใกล้ๆมีอุโมงค์เล็กๆให้เด็กน้อยมุดเล่นด้วย ลูกชายกำลังจะเดินสนุกใหญ่ คุณพ่อพาคุณลูกเดินมุดผ่านอุโมงค์จิ๋วทำเอาคุณพ่อปวดหลังเลย 5555 คุณลูกชายฮีสนใจตู้ปลาตู้นี้เป็นพิเศษอีแม่เลยจอดตู้นี้นานหน่อยให้ได้ดื่มด่ำ ลูกดูไปจิ้มตู้ไปแล้วก็หันมามองหน้าแม่ ออกเสียงอ่อแอ้ชอบใจใหญ่เลย ปลาในตู้เองก็ให้ความร่วมมือว่ายมาติดตู้ให้ได้ยลโฉมกันแบบใกล้ชิด เดินต่อมามีตู้ปลาขนาดใหญ่ เป็นจุดแสดงการให้อาหารปลา มีเก้าอี้ให้นั่งพักเหนื่อยได้ ปกติจะมีการแสดงให้อาหารตามรอบต่างๆ มีจุดลงเรือพื้นกระจก หรือ ถ้าไม่ลงเรือก็มีห้องพื้นกระจก เพื่อดูปลาจากด้านบน เห็นปลาฉลามปลากระเบนด้วย ตรงนี้เด็กๆก็ชอบ เดินถัดมาเป็นสะพานไม้ ให้อารมณ์เหมือนเข้าไปในป่า เป็นโซนสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์เลื่อยคลาน สัตว์น้ำจืด : มีกบ ตุ๊กแก งู ที่หายากในตู้ข้างทางให้ชม อาจจะดูยากหน่อยเพราะแต่ละตัวเล็กจิ๋ว และ แอบอยู่ตามซอก ด้านข้างมีตู้ปลาน้ำจืดขนาดใหญ่เบิ้ม มีปลาช่อนอเมซอน ปลาน้ำจืดหาดูยากหลายชนิด เด็กน้อยก็ชอบโซนนี้ แต่ไม่เท่าตู้มีปลามีสีสดๆ โซนนี้จะมีซุ้มขายขนม ไอศครีม และ น้ำ พื้นที่ขนาดเล็กมีที่นั่งไม่มาก แต่ก็คนหมุนเวียนตลอด สามารถซื้อของกินเอาแรง หยุดพักดื่มน้ำ ชงนม ป้อนนมลูกได้ ราคาของที่ขายถือว่าเป็นมิตรมาก ไม่บวกเท่าตัวแพงเหมือนไปสวนสัตว์ข้างนอก อย่างน้ำเปล่า 1 ขวดก็ประมาณ 15 บาท ถัดมาโซนนี้มีตู้ตัวนากด้วย เดินมาใกล้ๆจะมีกลิ่นนิดนึง แต่ถือว่าจัดการได้ดีมาก กลิ่นไม่เหม็นตะหลบอบอวล ต่อมาอีกก็มีตู้เพนกวิน ตู้เต่าทะเลตัวใหญ่ๆ เดินมาถึงจุดตู้แสดงให้อาหารปลาอีกรอบแต่คราวนี้อยู่ชั้นล่าง เลยหยุดพักรอดูการแสดง คุณลูกชายก็ได้เวลากินนมพอดี แม่จัดแจงชงนมให้ลูก และ ฮีก็หลับไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยระหว่างที่มีการแสดง (หลับขารถเข็น ลูกชายก็อดดูไปเฉยเลย 555) ไม่น่าเชื่อเสียงพิธีกรก็ดังมาก คุณลูกชายก็หลับได้สบาย การแสดงประมาณ 15-20 นาที พืธีกรพูดอธิบายได้ทั้งไทย ทั้งอังกฤษเลย คือดี เดินต่อมาเจอไฮไลท์อีกช่วงคืออุโมงค์ให้เดินลอดตู้ปลาขนาดใหญ่ เห็นปลาฉลาม ปลากระเบน เบิ้มๆ ลูกชายยังหลับอยู่ฮีเลยอดชมเลย ยังไม่จบถัดมามีโซนเหมือนสัตว์เยือกแข็ง โชว์เพนกวิน มีอุโมงค์หิมะจำลองให้เด็กๆได้เดินเล่นได้ อันนี้แม่คิดว่าขอผ่านดีกว่า เพราะลูกเรายังเล็ก เป็นช่วงเอาทุกอย่างเข้าปากด้วย และอาจจะไปกวนเด็กๆคนอื่นที่เขาเดินได้แล้วกำลังวิ่งเล่นหิมะสนุกกันอยู่ ห้องถัดมามีเกมส์ให้เด็กๆได้เล่นกันด้วย เหมาะสำหรับเด็กโตมาหน่อยคุณแม่เลยขอผ่านมาเลย นอกจากนี้ครอบครัวไหนชอบการถ่ายแบบ AR สภาพเสมือนจริงสัตว์กราฟฟิคก็สามารถถ่ายได้ตามจุดต่างที่กำหนด มีค่าใช้จ่ายในการปริ้นรูปออกมาแล้วแต่ package ที่เราเลือก สุดท้ายมีโซนของที่ระลึก มีตุ๊กตา แม่เหล็กติดตู้เย็น หมวก เสื้อผ้าสำหรับหนูๆให้เลือกเยอะเหมือนกัน การเตรียมตัวของคุณแม่จากที่เดินมา ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชม. แล้วแต่ว่าคุณลูกจะเอ็นจอยกับแต่ละตู้มากน้อยแค่ไหน 1. เตรียมรถเข็น / เป้อุ้มไปดี : บ้านนี้เตรียมไปทั้ง 2 แบบเลย รถเข็นดีกับคุณพ่อคุณแม่เวลาเมื่อยอุ้ม แต่สถานที่บางช่วงจะแคบหน่อย เวลาคนเยอะๆคุณพ่อคุณแม่ต้องเข็นหลบหลีกผู้คนดีๆหน่อย ไม่งั้นจะกลายเป็นเราเกะกะเขา ส่วนเป้อุ้มก็ดี เหมาะกับเด็กเล็กที่ยังไม่มี action อะไรมาก บ้านนี้ลูกชอบจะเดินแล้ว เขาเลยจะดิ้นๆเยอะหน่อยเลยต้องเอาลงมาจากเป้อุ้ม ขึ้นๆลงๆจะลำบากนิดนึง ถ้าคุณพ่อช่วยสลับก็โอเค ส่วนตัวสำหรับเด็กวัยกำลังจะเดินแล้วจะไม่เหมาะสมเท่าไร อุ้มและเอาลงรถเข็นบางช่วงจะดีกว่า 2. เตรียมอุปกรณ์การกินนมของลูกให้พร้อม : ถ้าคุณแม่คนไหนเข้าเต้าอยู่ เอาผ้าคลุมมาด้วย หามุมหลบพอจะมี แต่ไม่ส่วนตัวเท่าไร ห้องน้ำไม่มีสำหรับแม่และเด็กนะคะและค่อนข้างไกล คุณแม่ท่านไหนใช้นมผงก็พกกระติกน้ำร้อน นมผง ขวดนม มาให้พร้อม บ้านนี้ลูกทานนมผงแล้วเดี๋ยวจะเขียนรีวิวอุปกรณ์ที่ต้องเตรียมแบบละเอียดเวลาออกไปเที่ยวนอกบ้านให้ในครั้งถัดไปนะคะ 3. เตรียมแพมเพิตและอุปกรณ์เปลี่ยนนอกสถานที่ เพราะห้องน้ำด้านล่างนี้ไม่มีห้องสำหรับเด็กอ่อนนะจ๊ะ คุณแม่ต้องพร้อมทุกที่ทุกเวลา :) ทิชชูเปียกสำคัญ เวลาลูกจับอะไร จิ้มตู้ปลาหรือใดๆ คุณแม่ก็ต้องปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้ หลังจากจิ้มตู้มาแล้วก็หมั่นเช็ดมือลูกเพื่อความสะอาด และ ลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อใดๆ จากที่พาลูกไปเที่ยวมา SEA LIFE Bangkok Ocean World เหมาะกับเด็กตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป เพราะเด็กจะชอบสีสัน และ มีปฏิกิริยา กับสิ่งรอบตัวได้มากขึ้นแล้ว เหมาะกับการที่ให้ลูกได้ไปเรียนรู้สิ่งใหม่ แถมไม่ร้อนด้วย ความสะอาดของสถานที่หรือจุดแสดงถือว่าดีมาก ไม่มีกลิ่นเหม็นสาบสัตว์รุนแรงทั้งที่เป็นห้องแอร์ ข้อมูลสัตว์ค่อนข้างละเอียดดี มีทุกจุด สัตว์ต่างๆในตู้ดูสุขภาพดี สีสวยสดใส ไม่ดูป่วยหรือมีโรค ทุกจุดมีสโลปให้เข็นรถเข็นสะดวกไม่ต้องยกขึ้นลง แต่ติเรื่องห้องน้ำนิดนึงไม่มีสำหรับแม่และเด็กเล็ก ต้องเปลี่ยนแพมเพิตบนรถเข็นตัวเองนี้แหละ หรือ บนเก้าอี้นั่งตรงจุดแสดง และจากที่สังเกตุคุณลูก เห็นได้ชัดว่าคุณลูกชายชอบมากๆๆๆ คิดว่ายังไงคงจะพาเขามาอีกแน่นอน ครั้งหน้าจะเขียนเรื่องอะไร ไปเที่ยวไหนอีก อย่าลืมติดตามกันนะคะ credit photo : ภาพถ่ายโดยผู้เขียน