“เนี่ย พวกเราไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันนานแล้วนะ” เพื่อนคนหนึ่งทักขึ้นในไลน์กลุ่ม ใช่... นานมากเลย ตั้งสี่ปี สี่ปีในมหาวิทยาลัยพวกเราแยกย้ายกันไปเรียนและไม่ได้เที่ยวด้วยกันเลย ทำไมน่ะหรือ... ก็ครอบครัวของพวกเรามีฐานะแค่ระดับพอกินพอใช้ แต่ไม่ได้มีเงินเหลือให้ลูกได้ไปเที่ยว ...อ้าว เข้าดราม่าเฉย นอกจากนั้นยังไม่พอ วิชาที่พวกเราเลือกเรียนก็ไม่ได้เอื้อให้พวกเรามีเงินเหลืออีก ค่าอุปกรณ์เรียนวิชาศิลปะแพงจนน้ำตาจะไหล ทำงานพิเศษมาได้ ก็ใช้ไปกับการเรียนจนหมด ...โถชีวิต ฮ่าฮ่าฮ่า หลังเรียนจบและเริ่มทำงานจริงจัง พวกเราเริ่มพอมีเงินก้อนเล็กๆ กันอยู่บ้าง จึงตกลงใจนัดกันไปเที่ยว คุยกันอยู่นานจนไลน์กลุ่มร้อนฉ่า จึงได้วันเวลาและสถานที่ที่ตรงกันจนได้ ...เราจะไปหัวหิน!! เสาร์-อาทิตย์เป็นฤกษ์ดี ลางานวันเสาร์สักวันเจ้านายคงไม่ว่า เราเริ่มจองที่พักกันก่อน พร้อมทั้งขู่ว่า “ถ้ายกเลิกทีหลัง ไม่คืนตังนะเหวย” ซึ่งเพื่อนก็ได้จอง “มด เกสเฮ้าส์” ห้องสองเตียง ในราคาย่อมเยา 900 บาท เป็นห้องเล็กๆ ถึงเล็กมาก แต่ไม่เป็นไร เราแค่อาศัยนอนหนึ่งคืนเท่านั้น และเราพักกันสี่คน เจ้าของก็ไม่ว่า น่ารักจริงๆ เดินทางโดยรถไฟ... นัดหมายกันที่สถานีนครปฐม พวกเราเลือกรถธรรมดาขบวน 255 ต้นทางธนบุรี ปลายทางหลังสวน(ชุมพร) เวลาออกจากสถานีนครปฐม 8.41 น. ถึงหัวหิน 11.44 น. แต่ด้วยความล่าช้าใดๆ ก็แล้วแต่ พวกเราจึงไปถึงสถานีหัวหินกันราวบ่ายโมง พอลงรถไฟ ด้านหลังสถานีจะมีรถคอยบริการรับส่ง รวมถึงมีการเสนอบริการนำเที่ยวด้วย อ้อ ลืมบอกไป วิธีแชร์ค่าใช้จ่ายของพวกเราคือ ก่อนอื่นจ่ายเงินค่าห้องพักคืนให้กับเพื่อนคนที่จองห้องให้ครบก่อน จากนั้นก็เอาเงินมารวมกันเป็นส่วนกลางคนละหนึ่งพัน เป็นการบริหารจัดการเงินง่ายๆ โดยไม่ต้องมาคอยควักเงินหารกันคนละทีสองที รวมไปเลยหนึ่งก้อน เหลือค่อยหารคืน กลับมาเรื่องบริการนำเที่ยว เราตกลงกันได้กับรถคันหนึ่ง เป็นรถกระบะต่อโครงมีที่นั่งมีหลังคา เลือกสถานที่เที่ยวเป็น พระราชนิเวศมฤคทายวัน, พิพิธภัณฑ์ภาพ 4 มิติ FOR ART'S SAKE, ตลาดจักจั่นหรือ Cicada market ในราคา 1,000 บาท รวมรับส่งบ้านพักและสถานีรถไฟแล้ว อืม...ก็ยังพอรับได้อยู่ คนขับรถแนะนำว่าพวกเราควรไปพระราชนิเวศน์มฤคทายวันก่อน เพราะที่นี่ปิดเร็ว เราตกลงไปตามนั้น แต่ขอเอาสัมภาระไปเช็กอินก่อนแล้วค่อยออกทัวร์ ระยะทางไกลพอสมควรเหมือนกัน พระราชนิเวศน์แห่งนี้ตั้งอยู่ภายในค่ายพระรามหก อัตราค่าเข้าชมไม่แพงเลย คุ้มมากกับการได้มาดูอะไรสวยๆ งามๆ แบบนี้ สวยมาก หวานมาก ใครที่เป็นสายหวานและชอบบรรยากาศแบบนี้รับรองได้ว่าไม่อยากกลับบ้านเชียวแหละ เสียดายที่ตอนนี้ไม่เปิดให้เข้าชมด้านบนพระที่นั่งอย่างปกติแล้ว ที่นี่ต้องแต่งตัวเรียบร้อยหน่อยนะคะ หากท่านแต่งตัวไม่เรียบร้อย มีบริการผ้านุ่งให้เช่าค่ะ กินบรรยากาศอิ่มหนำ นั่งรับลมทะเลพักเหนื่อยกันจนพอแล้ว เราก็แค่โทรเรียกคนขับรถมารับตามจุดนัดหมาย (คนขับไปหาที่จอดนอนพักตามอัธยาศัย) สถานที่ต่อไปคือ FOR ART SAKE มาถึงที่ก็ตามเคย คนขับรถจอดรถนอนพักผ่อน ปล่อยให้พวกเราเข้าไปถ่ายรูปกันตามสบายไม่ต้องรีบ ค่าเข้าชมคนละ 180 บาท ข้างในอลังการ เป็นภาพวาดสี่มิติให้พวกเราได้ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน และถึงท่านจะมาคนเดียวก็ไม่เป็นไร เพราะมีเจ้าหน้าที่ให้ท่านได้ยกมือดักขวักมือเรียกมาช่วยถ่ายรูปให้ในทุกๆ จุด แถมยังสามารถแนะนำท่าโพสต์เหมาะๆ ให้ท่านได้อีกด้วย ถ่ายรูปกันจนเหนื่อยยังไม่ทั่วเลย เมื่อพอใจกับการถ่ายรูปแล้วจึงออกมา เวลาย่ำค่ำพอดี โอ้โห นี่พวกเราถ่ายรูปกันเพลินจนฟ้าเกือบมืดเลยหรือนี่ รีบไปสถานที่สุดท้ายกันเถอะ เดี๋ยวจะดึก สุดท้ายรถพาพวกเรามาส่งที่ตลาดจักจั่น ทิ้งให้พวกเราเดินชมตลาดหาของกินกันตามอัธยาสัย เดินกันได้ทั่วแล้วก็ซื้อของกินนิดหน่อย ข้ามถนนมายังหน้าเซเว่น โทรเรียกรถให้มารับเรากลับห้องพัก ทริปนี้เป็นทริปเน้นชมสถานที่ ไม่เน้นอาหาร ส่วนใหญ่พวกเราจึงฝากท้องไว้กับเซเว่น มาม่า เครื่องดื่ม พื้นๆ พอครื้นเครงเท่านั้น กลับมาถึงห้องพัก อาบน้ำให้สดชื่นแล้วก็เอาอาหารออกมานั่งกินกันที่ระเบียงริมทะเล เม้าท์มอยความหน้าความหลัง ฟังเสียงคลื่นเพลินๆ ไม่นานคนคออ่อนอย่างพวกเราก็ต้องเข้าห้องนอน ไม่ไหวแล้วกับวันอันแสนทรหดนี้ เช้าวันอาทิตย์พวกเราพยายามตื่นแต่เช้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้นริมหาด แต่ต้องเดินออกจากเกสเฮ้าส์ไปซึ่งไม่ไกลมากก็จะถึงหาดหัวหิน เดินเล่น ถ่ายรูป เล่นน้ำนิดหน่อยพอให้รู้รสทะเล ก็กลับมาอาบน้ำเก็บของ ระหว่างเดินกลับได้กาแฟโบราณ น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋มารองท้องด้วย นอนพักกลิ้งๆ กัน ใกล้เที่ยงจึงออกมาเช็กเอ้าท์ นัดรถมารับไปสถานีรถไฟ คนขับรถรับเงินหลังส่งพวกเราเสร็จ ไม่ยอมรับเงินที่เราจะให้ตั้งแต่เมื่อวาน ใจดีมาก พวกเราเลือกขบวนรถธรรมดา 262 เป็นรถเที่ยวกลับ ซึ่งแน่นอนว่าขบวนรถล่าช้าอีกตามเคย สายชิลอย่างพวกเราก็นั่งรอกันไป นั่งไม่ไหวก็ไปเดินถ่ายรูปหาของกินพลาง ๆ ถึงจะช้าไปบ้าง แต่ก็ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ แยกย้ายกลับบ้านจนกว่าจะมีโอกาสพบกันทริปต่อไป สรุปรายจ่าย ค่าห้อง 900 ค่ารถ 1,000 ค่าเข้าพระราชนิเวศน์ฯ 30 x 4คน ค่าเข้า FOR ART SAKE 180 x 4 คน ค่ารถ ไป-กลับ(33+33) x 4 คน รวม 3004 บาท หารสี่คน = 751 บาท ค่าอาหารอาศัยเซเว่นเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้ซื้อของฝากใคร ไม่ได้อยากได้อะไรเป็นที่ระลึก สิริรวมแล้วไม่เกินคนละหนึ่งพัน ได้รับความสุขสนุกสนานเกินคุ้มจริงๆ ค่ะ