หลายคนคงได้รับผลกระทบจากพิษโควิด-19 หลังจากรัฐบาลประกาศให้ทุกคนหยุดอยู่บ้านเพื่อช่วยชาติ บางครอบครัวอาจเครียดจากปัญหาดังกล่าว เพื่อเป็นการผ่อนคลาย ดิฉันจะมาแบ่งปันประสบการณ์ เมื่อพ้นจากพิษโควิด -19 แล้วเราเตรียมตัวพาครอบครัวไปพักผ่อน เพื่อผ่อนคลายความเครียดตามสถานที่ต่างๆ วันนี้ดิฉันจะพาทุกๆคนไปเที่ยวที่ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอนกันค่ะ ไปด้วยกันเลยนะคะ มนเสน่ห์ของอำเภอปาย เริ่มขึ้นตั้งแต่ทางแยกเข้ามาแม่มาลัย - อำเภอปาย เลยละค่ะ โดยทางที่คดเคี้ยว ประมาณ 762 โค้ง นักท่องเที่ยวบางคนกลับใจระหว่างทางก็มีค่ะ นี่จึงเป็นที่มาของจุดพักรถครึ่งทาง เชียงใหม่ ถึง ปาย ว่า "ห้ามกลับใจ" และเสื้อที่ระลึกต่างๆ "อ็วก+หลับ=ปาย" บางคนก็กินยาแก้เมารถ รอไว้เลยคะ เพื่อมาชมบรรยากาศเมืองนอกของเมืองปาย เมื่อเห็นป้ายบอกทางว่า ยินดีต้อนรับสู่เมืองปาย ใจนี่เต้นโครมครามเลยละคะ เพราะการเดินทางใช้เวลาโดยประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง ขึ้นๆลงๆบนภูเขา ที่สลับซับซ้อนกัน ทางที่โค้งไปโค้งมา ของที่เตรียมไว้หลังรถเพื่อไว้ใช้ค้างแรมไม่อยู่ที่เดิม เรียกได้ว่ากระจัดกระจายไปเลย เมื่อมาถึงแล้วเราก็หาที่พักกันค่ะ ที่สำคัญตอนนี้เหมือนอยากกิน ส้มตำเผ็ดๆ เพื่อแก้อาการเมารถเป็นอันดับแรก จัดไปเลยจ้า ส้มตำ 5555 สถานที่แรก คือ จุดชมวิว ทะเลหมอกหยุนไหล เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นของเมืองปาย สถานที่ตั้ง หมู่บ้านสันติชล ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ห่างจากหมู่บ้านสันติชลขึ้นไปด้านบน ประมาณ 1.6 กิโลเมตร ดิฉันขึ้นไปประมาณ 05.00 น. โดยให้คนในพื้นที่พาขึ้นไป เพราะชำนาญทางกว่า ค่ารถประมาณ 300 บาท คนในพื้นที่ให้ข้อมูลว่า คำว่าหยุนไหล เป็นภาษาจีนกลาง หมายถึง เมฆไหลมารวมกัน เมื่อมาถึงจุดหมาย ตื่นเต้นมากเลยค่ะ เพราะมีแสงไฟ จากด้านบน มองไปคล้ายๆโรงเตี้ยมในหนังจีนที่เคยดูตอนเด็กๆเลยค่ะ (ตอนนี้ไม่มีเวลาได้ดูแล้ว ทำงานๆ 555) เป็นสถานที่ดื่มน้ำชา ให้นักท่องเที่ยวไว้ดื่มแก้หนาวราคาชุดละ 20 บาท เพื่อรอชมทะเลหมอกตอนพระอาทิตย์ขึ้นนั่นเองค่ะ และแล้วก็ถึงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้น เราเห็นทะเลหมอก สวยมาก มองไปด้านล่างเห็นหมู่บ้านเล็กๆ ด้านข้างล้อมไปด้วยทิวเขาปกคลุมไปด้วยสายหมอก นักท่องเที่ยวพากันถ่ายภาพมีทั้ง ระเบียงชมวิว ป้ายร้อยที่บอกรัก เราจะรออะไรละค่ะ เก็บความทรงจำไว้เลยค่ะ สถานีต่อไป คือ หมู่บ้านสันติชล หรือ จีนยูนาน เมื่อเราลงมาจากจุดชมวิวทะเลหมอกหยุนไหล ประมาณ 1.6 กิโลเมตร ก็ถึง หมู่บ้านสันติชล หรือ จีนยูนาน เป็นหมู่บ้านคนจีนยูนานที่อพยพมาจากเมืองจีน ซึ่งมารวมกันและตั้งเป็นหมู่บ้านอยู่ในอำเภอปาย ภายในบริเวณจะมีบ้านดิน ที่จำลองวิถีชีวิตของชาวบ้าน โดยเปิดร้านขายชา(โรงเตี้ยม) และขายของที่ระลึก ไม่มีค่าเข้าชม นักท่องเที่ยวจะมาถ่ายรูปวัฒนธรรมของคนจีนยูนาน โดยมีชิงช้าไม้ขนาดใหญ่ กิจกรรมขี่ม้า และอาคารที่มีลักษณะคล้ายกำแพงเมืองจีน ร้านอาหารต่างๆ(ขาหมูที่นี่อร่อยมากๆคะ) นอกจากนี้ยังมีเกี้ยว (เหมือนเกี้ยวเจ้าสาว หรือไว้เดินทาง) ไว้ให้ถ่ายรูป มีชุดให้เช่าเพื่อถ่ายภาพ ทุกกิจกรรม 20 บาท ทุกอย่างเหมือนเราอยู่ในประเทศจีน เลยค่ะ สถานีที่สาม คือ วัดน้ำฮู เมื่อลงมาจาก หมู่บ้านสันติชล หรือ จีนยูนาน ก็มาถึง วัดน้ำฮู ซึ่งอยู่ทางเดียวกัน ใกล้เคียงกัน เมื่อมาถึงกำแพงวัด จะมีรูปปั้นไก่ วางเรียงรายเต็มรั้ววัดเลย (เอ...วัดนี้มันเกี่ยวข้องอะไรกับไก่กันนะ) วัดน้ำฮู เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองปาย เป็นที่ประดิษฐานของพระอุ่นเมือง อายุประมาณ 500 ปี สร้างด้วยโลหะทองสัมฤทธิ์ มีพระเศียรกลวง เปิดปิดได้ มีน้ำซึมออกมาอยู่เสมอ ทางวัดจะนำน้ำที่เศียรพระนี้มาทำเป็นน้ำมนต์ ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นน้ำศักสิทธิ์นิยมนำไปบูชาเพื่อเป็นสิริมงคล เมื่อเดินมาถึงบริเวณหลังวัด จะเห็นเจดีย์อนุสาวรีย์พระพี่นางสุวรรณกัลยา (จะเป็นเส้นผม ที่เคยดูในก้านกล้วยหรือเปล่านะ แอบคิด55) และมีบ่อน้ำเก่าภายในวัด แต่มองโดยรวมแล้ว อายุประมาณ 500 ปี สภาพวัดค่อนข้างสมบูรณ์มาก เมื่อเดินมาถึงบริเวณด้านหน้าวัด นี่ไง...ที่สงสัยว่าทำไมถึงมีรูปปั้นไก่ ไว้บนกำแพงวัด เป็นศาลาที่ประดิษฐานรูปปั้นหล่อของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งบริเวณศาลาจะมีทางเข้า 3 ทาง ด้านล่างจะมีปลา ปลาตัวใหญ่มาก ให้นักท่องเที่ยวไว้ให้อาหารปลา มีเป็ดว่ายน้ำแย่งอาหารกับปลาที่อยู่ในน้ำ มองดูแล้ว สงบ ร่มเย็น จากนั้นเราก็ไปสักการะบูชาสมเด็จพระนเรศวรมหาราช รู้สึกว่าเราโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย ที่มีบรรพบุรุษที่เก่ง เสียสละเลือดเนื้อเพื่อชาติ บ้านเมือง โดยเฉพาะพระพี่นางสุวรรณกัลยา (มีแอบน้ำตาซึม) สถานีที่สี่ คือ สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย เมื่อเรากลับจาก วัดน้ำฮู แล้ว เรามุ่งหน้ากลับไปทางเชียงใหม่ ไปเริ่มต้นที่ต้นทาง..ที่เราเข้ามาเยือนเมืองปาย เราจะต้องผ่านสะพานข้ามแม่น้ำท่าปายเพื่อเข้าตัวเมืองปาย ซึ่งสะพานประวิติศาสตร์ท่าปาย สร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในตอนนั้นญี่ปุ่นมาตั้งทัพอยู่ในประเทศไทย โดยกองทัพญี่ปุ่นจะใช้เส้นทางเดินทัพเสบียงและอาวุธจากเชียงใหม่ไปยังประเทศพม่า ในอดีตสะพานนี้เป็นสะพานไม้ ปัจจุบันได้มีการปรับปรุงใหม่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปและพักผ่อนจากการเดินทาง สะพานประวัติศาสตร์ท่าปายนี้มีลักษณะคล้ายสะพานข้ามแม่น้ำแคว จังหวัดกาญจนบุรี หัวสะพานและท้ายสะพานมีร้านของที่ระลึก เสื้อผ้า ร้านอาหาร จุดถ่ายรูป ซึ่งบริเวณนี้ภาพยนต์เรื่องปายอินเลิฟ ได้มาถ่ายทำด้วยค่ะ สถานีที่ห้า คือ กองแลน หรือ ปายแคนยอน ถัดจากสะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย เรามุ่งหน้าเข้าสู่อำเภอปาย กองแลนหรือปายแคนยอนจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ มีสถานที่จอดรถที่กว้างในพื้นที่เขตรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งยาว ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย เมื่อเราจอดรถได้แล้ว เราจะเดินขึ้นเขาไปตามทางเดินซึ่งมีราวให้จับระหว่างกลางทางขึ้น-ลง กองแลนเป็นการทรุดตัวของดินบนภูเขา ที่ถูกกัดเซาะจนเป็นหน้าผา มีลักษณะคล้ายสะพาน เป็นช่องทางเล็กๆ บนเหวลึก กองแลน หมายถึง ทางเดินหรือถนนของตัวตะกวด ภาษาพื้นเมือง กอง แปลว่า ถนน แลน แปลว่า ตัวตะกวด เหมือนตัวเงิน ตัวทอง ทางเดินบางช่วงก็ขาด บางช่วงก็ลาดชัน นักท่องเที่ยวควรใช้ความระมัดระวัง เมื่อเราเดินทางขึ้นมาถึงหายเหนื่อยเลยค่ะ แม้ทางจะลาดชันบ้าง บรรยากาศเย็นสบาย นักท่องเที่ยวเยอะมาก โดยเฉพาะต่างชาติที่ชอบการผจญภัย นักท่องเที่ยวจะมาถ่ายรูปจุดชมวิวที่สวยงาม นอกจากนี้ภาพยนต์เรื่องปายอินเลิฟมาถ่ายทำที่นี่ด้วยค่ะ ว้าว... สถานีที่หก คือ โป่งน้ำร้อนท่าปาย เมื่อเราเดินลงจากกองแลนแล้ว เริ่มเหนื่อยแล้วละคะ ไปพักผ่อน ไปแช่เท้าผ่อนคลายกันที่โป่งน้ำร้อนท่าปายกันคะ เมื่อมาถึงจะมีการเก็บค่าเข้าชมตามอัตราของอุทยานแห่งชาติ โดยมีการเก็บค่าบริการนี้ค่ะ คนไทย 50 บาท เด็ก 20 บาท รถยนต์ 30 บาท ชาวต่างชาติ 300 บาท เที่ยวได้ตลอดทั้งปี เวลาทำการ ทุกวัน ตั้งแต่ 8.00 - 16.30 น. เราจะเดินไปตามทางที่อุทยานจัดให้ค่ะ (อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ) เพื่อไปดูต้นน้ำของโป่งน้ำร้อน เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 บริเวณนี้เป็นที่พักของทหารญี่ปุ่น เมื่อสงครามสิ้นสุดลง ได้มีการค้นพบโดยชาวบ้านที่เข้ามาทำปศุสัตว์และขุดเหมือง คณะครู นักเรียนโรงเรียนท่าปายวิทยาการ และชาวบ้าน ได้เข้ามาพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ตามธรรมชาติและอยู่ในพื้นที่อุทยานห้วยน้ำดังในปี พ.ศ.2538 โป่งน้ำร้อนของที่นี่มีบ่อใหญ่ 2 บ่อ อุณภูมิที่จุดเกิดความร้อนประมาณ 80- 100 องศาเซลเซียส ต้มไข่สุกได้เลยคะ นอกนั้นเป็นน้ำผุดหลายจุด อุณหภูมิจะลดลงมาเรื่อยๆ มีชาวต่างชาติมาแช่ตัวด้วย ส่วนมากจะเป็นนักท่องเที่ยวประเทศจีน เมื่อมองหาที่ได้แล้ว เราก็นั่งแช่เท้ากันค่ะ อุ่นสบายมากเลย สถานีสุดท้าย สถานีที่เจ็ด คือ ถนนคนเดินปาย อากาศเริ่มเย็นสบาย พระอาทิตย์ตกดินแล้ว เราก็ออกเดินดูวิถีชีวิตของผู้คนเมืองปายกันคะ คนเมืองปายมีหลายชนเผ่าอยู่ในอำเภอเดียวกัน เช่น กะเหรี่ยง หรือ ปกาเกอญอ,ลีซู หรือ ลีซอ,ลาหู่ หรือ มูเซอ, ม้ง,ไทใหญ่,จีนยูนาน หรือ จีนฮ่อ ที่นี่จึงเป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเพราะมีวัฒนธรรมที่หลากหลาย เราก็เดินดูไปเรื่อยๆจะมีของที่ระลึกขายทั้ง 2 ข้างทาง แม้การเดินทางของเราจะจบลง..แต่ระหว่างทางก็สำคัญไม่น้อย สองข้างทางที่เราจะเดินทางไปสถานที่ต่างๆเราจะแวะถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศไปเรื่อยๆ เพราะรีสอร์ทของที่นี่จะตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ช่วงที่น่าเที่ยวที่สุดของอำเภอปาย แม่ฮ่องสอน ประมาณเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือน มีนาคม ช่วงหน้าหนาว หมอกสวยบรรยากาศเมืองนอกเกินบรรยายจริงๆคะ อยากให้เพื่อนๆลองมาเที่ยวพักผ่อนกันนะคะ ขอบคุณเครดิตภาพจาก ชมพู ชมพูนุช