ทนายพาเที่ยว: ดูบัวที่ไม่ใช่แค่ดูบัว เรื่อง/ภาพ: ทนายน้อยหน่า วันนี้หลังจากเสร็จธุระที่ศาลแขวงนครปฐมซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆพระปฐมเจดีย์ เราก็ปรึกษากับทีมทนายที่มาด้วยกันว่าจะไปกินข้าวกลางวันที่ไหนดีเอาแบบบรรยากาศดีๆเดินเที่ยวได้ ทนายรุ่นน้องก็เปิดกูเกิ้ลหาที่เที่ยวแถวนครปฐม คำตอบขึ้นมาหลายที่แต่เราเลือกที่ใกล้ๆไม่เกินระยะ 30 กิโลเมตรเพราะหิว ก็เจอ "ดูบัวคาเฟ" อยู่อำเภอนครชัยศรี ขับรถไปไม่เกิน 30 นาที ในกูเกิ้ล มีภาพของสิ่งที่น่าสนใจในร้านคือน้องไก่มีขนกับน้องควาย เราเป็นคนชอบสัตว์อยู่แล้วเลยสนใจแต่ดูในรูปรู้สึกว่าเงียบเหงาไม่มีคน ไม่แน่ใจว่าวันธรรมดาที่ไม่ใช่วันหยุดร้านจะปิดหรือไม่จึงโทรศัพท์ไปถาม ได้ความว่าเปิดทุกวันยกเว้นวันจันทร์ มีร้านอาหารและร้านกาแฟในบริเวณใกล้ๆกัน ทีมทนายเราเลยเห็นพ้องต้องกันว่าไปที่นี่ พวกเราก็เปิดกูเกิ้ลแม็พให้จีพีเอสนำทางไป ระหว่างทางออกนอกเมืองก็กังวลนิดหน่อยว่าจีพีเอสจะพาหลงหรือเปล่า โดยเฉพาะตอนพาเข้าทางลัดตามถนนในซอยมีลุ้นนิดๆ แต่ในที่สุดจีพีเอสก็พามาถึงซึ่งชื่อร้านคือดูบัวคาเฟ่แต่จริงๆคือฟาร์มที่มีพื้นที่กว้างมาก สิ่งที่พวกเราเห็นลำดับแรกเลยคือทุ่งบัวแดงและบัวขาวสุดสายตาจนนึกว่าอยู่ทุ่งบัวแดงอุดรธานี แต่เนื่องจากหิวข้าวเลยรีบเดินไปร้านอาหารก่อน ร้านอาหารกว้างขวางเห็นวิวธรรมชาติสีเขียวภายนอกสบายตา ที่ร้านมีรายการอาหารไม่มากนักส่วนใหญ่เป็นอาหารจานเดียว ไปกัน 3 คนจึงสั่งข้าวซอย ขนมจีนน้ำเงี้ยว ส้มตำวาซาบิ ปีกไก่ทอด ข้าวจี่ จะเห็นว่ามีอาหารหลากหลายภาค ภาคละนิดละหน่อย รอไม่นานอาหารก็มาครบ หน้าตาดีน่ากิน พวกเราก็ตักแบ่งอาหารแต่ละรายการเพื่อให้กินโดยทั่วถึงกัน ปีกไก่ทอดที่นี่หนังไก่ไม่ติดมัน ทอดได้พอดีไม่แห้งเกินไปและไม่ชุ่มน้ำมันกำลังอร่อย เรียกได้ว่ากินแล้วติดใจ ส่วนข้าวจี่ทำทรงคล้ายไส้กรอกแต่สุกพอดีทั้งชิ้นรสชาติกลมกล่อม เราว่าอร่อยกว่าหลายๆร้านที่เคยซื้อกินทีเดียว ส้มตำใช้ได้แต่เราไม่ได้ลองตักวาซาบิกินด้วยกันเพราะไม่ชอบความรู้สึกจี๊ดตอนวาซาบิขึ้นหัว มาถึงอาหารจานหลักคือขนมจีนน้ำเงี้ยวเราให้เกรด A คืออร่อย ส่วนข้าวซอยหวานไปนิดแต่พวกเราก็กินกันหมดเรียบทุกอย่าง ตอนจ่ายเงินค่าอาหารแปลกใจนิดหน่อยเพราะอาหารถูกมากหมดไป 500 กว่าบาทเป็นราคาที่ไม่ได้เก็บค่าเข้าชมฟาร์มด้วย เราก็ถามไถ่พนักงานว่าที่นี่มีบริการอะไรบ้างนอกจากอาหาร ได้ความว่ามีบริการห้องสัมมนาขนาดใหญ่ด้วย อิ่มหนำสำราญแล้วก็ได้เวลาเดินชมฟาร์ม หน้าร้านอาหารห่างไป 10 เมตรเจอไก่มีขนที่ตั้งใจมาดู ไก่ชนิดนี้มีชื่อเรียกว่าไก่ซิลค์กี้ (Silkie) เป็นไก่มีขนปุยเหมือนขนหมา ตอนลูบตัวให้ความรู้สึกเหมือนลูบหมาเลย ไก่พวกนี้ฉลาดรู้ประสาเห็นคนก็วิ่งมาหามาเล่นด้วย เรียกว่าเลี้ยงแทนหมาได้เลย พวกเราก็ให้อาหารไก่เป็นที่สนุกสนานซึ่งก็คือข้าวเปลือกนั่นเอง ถัดจากโซนไก่ซิลค์กี้เดินมาก็เจอบึงขนาดใหญ่มีเรือถีบบริการพร้อมเสื้อชูชีพ แต่เรายังเดินดูไม่ทั่วเลยไม่ได้ใช้บริการได้แต่ลงไปแอ๊คท่าถ่ายรูป ทางเดินข้างบึงนี้สองข้างทางมีกล้วยไม้ขายสีสันสวยงามอดถ่ายรูปด้วยไม่ได้ รู้สึกว่าที่นี่บรรยากาศดีมากมองไปทางไหนก็สวย เดินมาอีกหน่อยเจอโซนน้องควาย เป็นควายแคระรู้ประสาอีกแล้ว ตอนไปยืนถ่ายรูปด้วยก็เอาตัวเอาหัวมาใกล้ๆให้เราลูบสัมผัส เห็นหน้าตาแล้วคิดถึงเจ้าฉงนในเรื่องเจ้าขุนทองกับเพลงก้องหูที่ว่า "อรุณเบิกฟ้านกกาโบยบิน ออกหากินพวกเราแจ่มใส..." มีควายสีชมพูด้วยคาดว่าเป็นควายเผือก ใกล้ๆโซนน้องควายมองเห็นโซนกระต่ายไกลๆ ระหว่างเดินไปมีม้าโยกกับกระดานหก เด็กน้อยในตัวก็เริงร่าออกมาเล่นกันเป็นที่สนุกสนาน ที่โซนกระต่ายมีกระต่ายเยอะเท่าที่เห็นคร่าวๆมีไม่ต่ำกว่า 30 ตัว แต่ละตัวเชื่องมากไม่กลัวคนและดูแข็งแรงมาก เดินไปเดินมาหิวน้ำเลยแวะร้านขายน้ำปรากฏว่าไม่มีน้ำเปล่ามีแต่นมข้าวโพดและนมเมล่อนที่เป็นเครื่องดื่มเย็นๆเลยจัดไปคนละขวดพอแก้กระหายได้เหมือนกัน ถัดมาเจอโซนน้องแพะ เชื่องอีกตามเคยเห็นคนก็เดินมาหา คราวนี้เดินผ่านร้านกาแฟทุกคนลงความเห็นว่าเข้าไปพักผ่อนดื่มเครื่องดื่มเย็นๆนั่งพักให้หายเมื่อยก่อน ที่นี่มีขนมอาลัวรูปดอกกุหลาบสีสวยและอร่อยมากด้วย หายเหนื่อยก็ออกไปเก็บภาพหน้าร้านกาแฟพอดีมีจักรยานให้ขี่เล่น เลยถือโอกาสขี่ถ่ายรูป ระหว่างเดินกลับไปที่รถเจอร้านกาแฟอีกร้าน ที่นี่บรรยากาศสวยอีกแล้วและเป็นจังหวะแดดร่มลมตกพอดีเลยได้ภาพสวยๆมาชมกัน พนักงานเล่าว่าที่ดูบัวมีร้านกาแฟ 4 ร้านและเป็นของดูบัวคาเฟ่ทั้งหมดไม่ใช่ร้านเช่า รวมไปถึงร้านขายกล้วยไม้และร้านขายเครื่องดื่มระหว่างทางด้วยเป็นของเจ้าของเดียวกันหมด โดยเจ้าของตั้งใจสร้างเป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติ พนักงานแนะนำว่าหากมาวันหยุดต้องมาเช้าๆเดี๋ยวเดินไม่ทั่วถึง เพราะคนเยอะมาก และฟาร์มปิด 6 โมงเย็น เปิดทุกวันยกเว้นวันจันทร์ ก่อนกลับออกไปลานจอดรถก็พบป้ายประตูทางเข้าที่บอกเล่าความตั้งใจของ Dubua ซึ่งพวกเราเดินผ่านไม่ได้เลี้ยวเข้ามาทางประตูนี้ เลยมาเห็นตอนจะกลับ ให้บังเอิญว่าชื่อทริปที่พวกเราตั้งชื่อว่า "ดูบัวไม่ใช่แค่ดูบัว" ไปพ้องกับของฟาร์มในความหมายเดียวกันคือ " ดูบัวไม่ใช่แค่มาดูบัว" โดยฝั่งตรงข้ามจะเป็นแนวปลูกพืชผักของฟาร์ม ส่วนหน้าประตูทางเข้าจะมีจักรยานเรียงรายให้นักท่องเที่ยวใช้ขี่เล่นชมฟาร์มเลยยืมมาแอ๊คท่าถ่ายรูปตามเคย การมา "ดูบัว" วันนี้ทุกคนอิ่มใจมากพูดถึงกันตลอดทางที่ขับรถกลับกรุงเทพฯ ทนายในทีมที่มีครอบครัวแล้วถึงกับเอ่ยปากว่าเดี๋ยวจะพาลูกมาเที่ยว และพวกเราวางแผนมาเที่ยวครั้งต่อไปแล้วเพราะศาลมีกำหนดนัดล่วงหน้าเรียบร้อย เป็นความอิ่มใจที่มา "ดูบัวที่ไม่ใช่แค่ดูบัว" แผนที่ในการเดินทางมาเที่ยวดูบัว ตั้งอยู่ที่ ต.บางแก้วฟ้า อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม สามารถใช้โลเคชั่นด้านล่าง เพื่อมาเที่ยวที่ดูบัวได้เลย https://goo.gl/maps/FcQ3SWEhcMK2 ก่อนไปให้โทรสอบถามอีกครั้งที่หมายเลขโทรศัพท์ 0970240842 ว่าเปิดทำการหรือไม่ แต่ปกติคือเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08:00 18:00 น. ยกเว้นวันจันทร์หยุด