ต้องบอกว่าหลังจากที่จีนฟรีวีซ่าให้กับคนไทยแล้ว เราจะเห็นรีวิวเที่ยวจีนเยอะขึ้นมาก เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ได้อ่านรีวิวแล้วก็อยากไปเที่ยวจีน โดยเรามองหาเมืองที่มีที่เที่ยวทั้งแบบธรรมชาติและเที่ยวในเมือง เดินทางง่าย ครบ จบในที่เดียว และเมืองที่เราเลือกก็คือเฉิงตูนั่นเอง แพลนการเดินทางของเราทั้ง 7วัน 7 คืน Day 1 - เดินทางจากกรุงเทพไปเฉิงตูตอนกลางคืน Day 2 - เที่ยวในเมืองเฉิงตู Day 3 - ภูเขาสี่ดรุณี Day 4 - ปี้เผิงโกว Day 5 - ต้ากู่กลาเซียร์ Day 6 - เขื่อนตู้เจียงเยี่ยน Day 7 - ศูนย์อนุรักษ์แพนด้า Day 8 - กลับกรุงเทพ Day 1: Arrive Chengdu วันแรก เดินทางจากกรุงเทพ ไปสนามบินนานาชาติเฉิงตูเทียนฟู่ด้วยสายการบินไชน่าอีสเทิร์น บินตรงจากสนามบินสุวรรณภูมิตอนประมาณ 1 ทุ่ม ถึงปลายทางตอน 5ทุ่ม ใช้เวลาในตม.บวกรับกระเป๋าเกือบ1ชม.ครึ่ง เราเลือกเดินทางด้วยแอร์พอร์ทบัสต้องจ่ายตังค์ด้วย alipay ก่อนแต่ว่าวันนั้นคนเยอะ เน็ตไม่ดี ก็เลยใช้เงินสดได้ ได้ขึ้นแอร์พอร์ทบัสอีกทีก็ประมาณเที่ยงคืนครึ่งได้ ถึงรร. เช็คอิน อาบน้ำ กว่าจะได้นอนก็เกือบตี 3 Day 2: Chengdu city วันที่สอง เราตื่นกันสายหน่อย วันนี้เน้นเที่ยวในเมือง เดินทางด้วยรถเมล์ รถไฟใต้ดินเป็นหลัก เริ่มมื้อเช้าที่ร้าน Ganglu roasted goose แถว Taikooli เป็นข้าวหน้าห่าน อร่อยมาก ปริมาณเยอะมากด้วย พิกัด: https://j.map.baidu.com/99/njzc ใต้ตึก Yingjia store ชั้นB1 ตรงข้าม ตึก ifs หลังจากนั้นเราไปต่อที่ Kuan Alley and Zhai Alley ภายในถนนคนเดินก็มีร้านค้าเยอะแยะมากมาย มีร้านน้ำเจ้าดังอย่าง Heytea ด้วย Popmart ก็มี เราสามารถซื้อของฝากจากที่นี่ได้เลยเพราะว่าถูกมาก พิกัด: https://maps.app.goo.gl/Z6vY8VLmUa2H2pGo7 การเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดิน ลง MRT Kuanzhai Alley st. Exit B หลังจากนั้นเราก็เดินมาต่อที่ People’s park สามารถเดินจาก Kuan Alley and Zhai Alley มาได้เลย ภายในสวนกว้างมาก เดินชมวิวเพลินๆได้เลย พิกัด: https://maps.app.goo.gl/cQmEg7qvBTaxYfxJ6 การเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดิน ลง MRT People’s park. Exit B พอเดินจนเสร็จเราเลยเดินมาขึ้นรถเมล์ไป Wuhou Memorial Temple หรือศาลเจ้าสามก๊ก เป็นศาลที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงขงเบ้ง ที่นี่จะมีรูปปั้นของขงเบ้ง กวนอู และเล่าปี่ให้ได้มาสักการะกันด้วย และยังมีกำแพงแดงที่คนชอบมาถ่ายรูปลงไอจีเช่นกัน พิกัด: https://maps.app.goo.gl/7XFYNzjWcpeZSswQ9 การเดินทาง: นั่งรถเมล์ลงหน้าศาลได้เลยหรือ นั่งรถไฟใต้ดิน ลง MRT Gaoshengqiao. Exit C จากตรงนี้ถ้าใครไหวก็ไปกันต่อ เราไปดูน้ำพุไม้ไผ่ต่อที่ Chengdu SKP ที่นี่จะเปิดโชว์น้ำพุไม้ไผ่ช่วงเย็นๆ สวยมากๆ พิกัด: https://maps.app.goo.gl/yYkCPeNbSCrMLi238 การเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดิน ลง MRT Line 1 Jincheng Plaza ที่สุดท้ายที่ต้องดูตอนกลางคืน ก็คือ Chengdu Twin Tower ที่นี่จะเปิดไฟตอนกลางคืนเช่นกัน จุดถ่ายรูปจะอยู่ตรง Jiaozi Bridge เดินออกจาก MRT จะเจอ Twin Tower ใหญ่มาก แต่หันหลังให้ตึก Twin Tower แล้วเดินมาจนถึงแยกใหญ่ๆ จะเจอสะพานวงกลมใหญ่ๆสีแดง นักท่องเที่ยวจะมาถ่ายรูปกันบนสะพานนี้เลย พิกัด: https://maps.app.goo.gl/K2mMw9JR6VSvGxNM9 การเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดิน ลง MRT Line 1 Financial city Exit A&B จบกันไปแล้วกับวันแรก หลังจากนั้นเราก็นั่งรถเมล์ยาวกลับที่พัก Day 2: ภูเขาสี่ดรุณี ซื่อกูเหนียงซาน เราได้จองทัวร์กับพี่คนไทยที่อยู่เฉิงตู เราเลือกทัวร์ 3 วัน 2 คืน รวมที่พักและค่าเข้าอุทยานแล้ว วันแรกเริ่มที่ ภูเขาสี่ดรุณี โดยทางทัวร์จะมารับที่โรงแรมเราตอนตี4.45 ไปส่งที่สถานี Chadianzi Bus Terminal Station เพื่อไปขึ้นรถทัวร์กับลูกทัวร์คนอื่น ตอนรอรถทัวร์ก็จะมีคุณลุงขายขนมจีบ หมั่นโถว ราคาไม่แพง สำหรับใครที่หิวก็ซื้อทานได้เลย หลังจากรอไม่นาน รถทัวร์ก็มารับ เรานั่งรถทัวร์ออกจากเฉิงตูมาภูเขาสี่ดรุณี นั่งมานานมากเหมือนกัน โดยทางทัวร์จะจอดให้เข้าห้องน้ำ กับปรับความดันในร่างกายเพราะกำลังจะขึ้นที่สูงที่จุดพักรถ ซึ่งห้องน้ำก็มีค่าเข้า 1 หยวน จ่ายด้วย wechat ได้เลย แต่ห้องน้ำก็ไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ รีบเข้ารีบออกแล้วนั่งรถกันต่อ นั่งมาซักพักก็ถึงทางเข้าอุทยาน รถทางทัวร์จะจอดไว้ด้านนอก เราต้องนั่งรถอุทยานขึ้นไป เราเลือกเส้นทางซวงเฉียวโกว จุดจอดที่แรกคือ จุดที่สูงที่สุด ณ ตรงนี้ถ้าใครไม่ไหวให้ยืนนิ่งๆ ปรับตัวซักพัก หรือซื้อออกซิเจนกระป๋องพกติดตัวไว้ เพราะอากาศน้อยมาก เราขึ้นไปยังมึนหัวตอนช่วงแรกๆเลย จุดนี้เราจะเห็นวิวป่าสน วิวภูเขา พร้อมทางเดินไม้ สวยมากๆ หลังจากนั้นเรานั่งรถมากันต่อที่จุดที่สอง ต้องบอกเลยว่า จุดขึ้นกับจุดลงจะอยู่คนละจุด ต้องสังเกตุดีๆ จุดที่ 2 คือเจดีย์ขาว เป็นลานโล่งๆให้คนมาถ่ายรูป เห็นวิวภูเขา มีแม่น้ำข้างๆ สวยมาก ส่วนใหญ่คนจะถ่ายรูปกับถนนที่วิวนี้ จุดถัดไปคือ ทะเลสาบใหญ่มาก มีทางเดินรอบทะเลสาบ ถ้าเดินรอบทะเลสาบต้องกะเวลาดีๆ เพราะกว้างมากจริงๆ หลังจากนี้จะมีแวะจุดล่องแก่ง แต่เราไปเดือนตุลา หนาวมาก เลยไม่ได้เลือกลงจุดนี้ ก็นั่งยาวๆมาจนจุดสุดท้ายเป็นจุดบริการนักท่องเที่ยว มีของกิน ของฝากขาย มีจุดถ่ายรูป พอออกจากจุดนี้รถบัสก็มาส่งเราที่ทางออก หลังกลับจากสี่ดรุณี ทางทัวร์ก็พาไปกินหม้อไฟเสฉวน สไตล์พื้นเมือง ซึ่งมารู้ทีหลังว่ามีทั้งเนื้อจามรีกับหมู รสชาติเผ็ดร้อน คนไทยกินได้ Day 3 ปี้เผิงโกว เช้าวันถัดไป เราตื่นกันแต่เช้า ออกไปเที่ยวปี้เผิงโกว ทัวร์พาเรามาที่หน้าอุทยาน ซึ่งเราต้องนั่งรถเข้าไปจุดแรก และนั่งรถต่อไปเรื่อยๆถึงจุดบนสุด เราเลือกออพชั่นเสริมนั่งรถไฟฟ้าราคา 60 หยวนแทนการเดินด้วย เพราะว่าบางจุดทางไกลมาก แล้วเราต้องทำเวลา ปี้เผิงโกวเดือนตุลาที่เราไป จะได้เห็นวิวใบไม้เปลี่ยนสี ยิ่งถ้าไปเช้าๆจะมีหิมะเกาะอยู่ตามกิ่ง อากาศหนาวมาก แต่ก็สวยงามมากๆ ช่วงสายหน่อยที่แดดออก หิมะจะเริ่มละลายแล้ว รถไฟฟ้าจะจอดจุดแรกแล้วเราต้องเดินไปขึ้นรถเพื่อขึ้นไปจุดถัดไป แค่จุดแรกที่ได้เห็นหิมะเกาะกิ่งไม้ก็สวยมากแล้ว จุดนี้สำหรับเราคือสวยมากๆ มีน้ำตก ใบไม้เปลี่ยนสี มีภูเขาหิมะ ครบเลย มุมนี้ทะเลสาปรายล้อมด้วยใบ้ไม้เปลี่ยนสี เป็นวิวที่ได้นั่งชิลกับบรรยากาศได้ดีมากๆ โดยส่วนตัวแล้วเราชอบปี้เผิงโกว เพราะวิวทิวทัศน์สวยมากจริงๆ มีทั้งน้ำตก ทะเลสาป ภูเขาที่มีหิมะปกคลุม มีธารน้ำไหล เห็นวิวหิมะ คนไม่เยอะมาก และการเดินทางก็สะดวก มีจุดบริการนักท่องเที่ยวให้พักทานอาหาร ที่นั่งเยอะ ถ้าต้องเลือกซักหนึ่งที่ แนะนำให้มาปี้เผิงโกวเลย Day 4 ต้ากู่กลาเซียร์ วันถัดไปเราออกแต่เช้าประมาณตี5 เพื่อจะเข้าอุทยานต้ากู่กลาเซียร์ ที่ทัวร์ให้มาตอนเช้า เพราะคนจะยังไม่เยอะมาก เราได้เข้าไปเป็นกรุ๊ปแรกๆเลย โดยที่ก่อนเข้าคนต่างชาติอย่างเราต้องแสกน QR code แล้วใส่เลขพาสปอร์ตเข้าไป อันนี้โชคดีที่มีไกด์ช่วยบอกด้วย และที่สำคัญทางทัวร์จะแจกออกซิเจนกระป๋องให้คนละอัน เพราะข้างบนออกซิเจนบางมาก เดินขึ้นลงแปบเดียวก็เหนื่อยแล้ว หลังจากเข้ามาได้แล้วก็ต้องนั่งรถบัสไปจุดที่เป็นเคเบิ้ลคาร์ เพื่อขึ้นไปยังบนต้ากู่ วิวระหว่างนั่งเคเบิ้ลคาร์สวยมาก เราได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีสลับกับหิมะที่ตกลงมาก่อนหน้า สวยสุดๆ แต่ช่วงที่ไปหิมะยังไม่ได้ฟูมาก ยังคลุมเขาไม่หมด แต่ก็มีให้เดินถ่ายรูปหลายจุดเลย ปลายเดือนตุลาหิมะเริ่มตกมาหน่อยๆแล้ว แนะนำว่าให้เตรียมมาม่าคัพมาทานที่ร้านอาหารข้างบน มีจุดให้บริการน้ำร้อนแบบเสียตังค์ ว่าถ้วยละ5-10หยวน ไม่เกินนี้ ได้ทานมาม่าร้อนๆ ท่ามกลางหิมะ ก็ฟินไม่ใช่น้อย หลังลงจากเขาทางทัวร์ก็พาเรากลับมาที่เฉิงตูประมาณ6โมงเย็น โดยแวะส่งที่ MRT Jinke North เราต้องนั่งรถไฟใต้ดินกลับโรงแรมอีกที มื้อเย็นวันนี้เรากินกันที่ร้าน Taode Casserole สาขา Chunxi เมนูที่แนะนำคือปลาต้มผักกาดดอง กับกุ้งอบวุ้นเส้น อร่อยมากก รสชาติถูกปากคนไทยแน่นอน พิกัดใน baidu map: https://j.map.baidu.com/a9/-GQg Day 5 Eastern Memory + เขื่อนตู้เจียงเยี่ยน วันนี้เราตื่นสายหน่อย เดินชิลรอบๆที่พัก แวะทานอาหารเช้าไม่ไกลจากที่พักมาก ตอนสายๆหน่อยก็นั่งรถไฟใต้ดินไป eastern memory แหล่งท่องเที่ยววัยรุ่น ที่นั่นกว้างมาก ร้านเสื้อผ้าเต็มไปหมด และมีจุดถ่ายรูปกับชื่อภาษาจีนของเมืองเฉิงตู จุดนี้ต้องต่อคิวถ่ายด้วย มีรถไฟเก่าๆที่ทำเป็นร้านอาหาร คนส่วนใหญ่ก็จะไปถ่ายรูปกันอยู่รอบนอก พิกัด: https://maps.app.goo.gl/oumXekykqwX4s2T69 การเดินทาง: MRT Shabangqiao Exit A หลังจากที่นี่เราก็นั่งรถใต้ดินยาวเพื่อไปเขื่อนตู้เจียงเยี่ยน วิธีเดินทางคือต้องนั่งรถไฟใต้ดินมาลงสถานี Xipu ทางออก A1 เดินตามป้ายมาเรื่อยๆ จะเจอกับทางไปรถไฟความเร็วสูง เราไปซื้อตั๋วที่สถานีเลย โดยยื่นพาสปอร์ตให้กับพนักงาน จ่ายด้วย alipay หรือ wechat ก็ได้ ถ้าไปล่วงหน้าจะมีตั๋วนั่งขาย แต่เราไปซื้อตั๋วหน้างานเลยได้ตั๋วยืนแทน หลังจากรับตั๋วมาแล้วให้เดินเข้าสถานี จะมีการแสกนกระเป๋าตามปกติ เข้ามาก็มองเกทที่มีเลขรถไฟที่เราจะขึ้น ไปยืนต่อแถวที่มีพนักงานอยู่ แถวนี้สำหรับคนต่างชาติ เพราะต้องใช้พาสปอร์ตแสกน พอแสกนตั๋วเสร็จ ก็เดินขึ้นบันไดเลื่อนมาชานชาลา อย่างเราที่เป็นตั๋วยืนคือเข้าตู้ไหนก็ได้ เลือกที่คนไม่เยอะ นั่งรถไฟมาประมาณครึ่งชม.ก็ถึงสถานี lidui gongyuan exit D ไม่ไกลจากทางออกเราจะเห็นแพนด้าตัวใหญ่มากนอนอยู่ เป็นจุดถ่ายรูปเลย ถัดจากแพนด้าเราเดินมาทางหัวแพนด้า ข้ามถนนไปเมืองโบราณ ภายในก็จะมีของกิน ร้านเสื้อผ้าเยอะ ที่เราเลือกมาเย็นๆเพราะมารอดูไฟที่เขื่อนเปิด พอเปิดแล้วสวยมากก หลังจากดูไฟจนหนำใจ เราก็กลับมาสถานีรถไฟเหมือนเดิม แต่ขากลับเราซื้อตั๋วผ่าน trip ไว้แล้วเลยได้ตั๋วนั่ง แนะนำให้จองตั๋วขากลับไว้ก่อน เพราะคนเยอะมาก อาจจะไม่มีที่ให้ได้นั่ง Day 6 Chengdu Giant Panda Breeding Research Base วันสุดท้าย เราเที่ยวกันชิลสุดๆ ตอนบ่ายๆเรามาที่ศูนย์แพนด้า ซื้อตั๋วผ่าน trip แล้วก็สแกนพาสปอร์ตเข้า สะดวกสบายสุดๆ ภายในศูนย์ค่อนข้างใหญ่ หลักๆวันนี้เราไปดูฮวาฮวา แต่โซนของฮวาๆต้องต่อคิว แล้วคิวยาวมาก แถมพอถึงคิว น้องก็ไม่มาโชว์ตัว มาให้เห็นแบบแว่บๆ เสียดายมาก ถัดจากนั้นเราเลยมาเดินดูแพนด้าตัวอื่น และแพนด้าแดง น้องน่ารัก ขนนุ่มฟูมากๆ เสร็จจากศูนย์แพนด้า เราขึ้นบัสหน้าศูนย์กลับมาที่ถนนคนเดิน kuanzhai อีกรอบ เพื่อมาซื้อของฝาก แล้วค่อยกลับไปกินหม้อไฟหมาล่า ไหนๆก็มาเมืองหมาล่าทั้งที หมาล่าที่นี่เผ็ดมาก แต่ก็อร่อยมากเช่นกัน Day 7 Daci Temple + back to BKK วันสุดท้ายเราตื่นเช้าหน่อยมากินราเมนตึก ifs อยู่ชั้นใต้ดิน ลงบันไดฝั่งที่ติดกับ taikooli ชื่อร้าน Hefu noodle อร่อยใช้ได้เลย เสร็จแล้วก็เดินไปวัด Daci temple อยู่ในแหล่งช็อปปิ้งที่ taikooli ขากลับก็เดินไปแวะร้าน panda library ร้านมีของฝากให้ซื้อเยอะมาก แต่ก็ราคาแรงมากเช่นกัน พิกัด: https://maps.app.goo.gl/CehUtG7vuZwdgpFU6 พอตอนบ่ายเรากลับไปเช็คเอาท์ที่โรงแรมและเรียกแท็กซี่จาก didi ในแอพ alipay ไปสนามบิน นั่งไปประมาณ1ชม. ต้องเผื่อเวลาไปเช็คอิน หลังจากเช็คอินเราต้องไปแสกนพาสปอร์ต ตรวจกระเป๋า และผ่านตม.อีก ใช้เวลาเยอะมาก ต้องวางแผนดีๆ เข้ามาในสนามบินมี duty free ร้านเล็กๆ ให้ช็อปปิ้ง แต่เราไม่ได้ช็อปเพราะกว่าจะผ่านตม.ก็เหลือเวลาไม่เยอะแล้ว สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้ ค่าตั๋วเครื่องบิน china eastern รวมน้ำหนักกระเป๋า23 โล คนละ 11,235บาท ค่าโรงแรม 5คืน คนละ 4,045 บาท ค่าทัวร์ สี่ดรุณี+ปี้เผิงโกว+ต้ากู่กลาเซียร์ รวมอาหาร ที่พัก ค่ารถบัสในอุทยาน และประกัน ประมาณ คนละ 10,200 บาท (ไกด์ไม่รับทิป) ค่าเข้าศูนย์แพนด้า คนละ 260 บาท ค่ากิน +ค่าเดินทางประมาณ4,500-5,000บาท รวมแล้ว 7วัน7คืนใช้ไปประมาณคนละ 30,740 บาท รูปภาพทั้งหมดในบทความถ่ายโดยนักเขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !