สวัสดีค่าทุกคน ตอนนี้โบก็เพิ่งได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมที่ พระราชวังมฤคทายวัน มามาด ๆ เลยค่ะ ซึ่งวังนี้ก็เพิ่งกลับมาเปิดเมื่อปีที่แล้วหลังจากพักซ่อมแซมบูรณาการไปหลายปีเลยค่ะ วันนี้โบเลยอยากมาอัพเดทให้ทุก ๆ คนได้ดูว่าบรรยากาศและกิจกรรมภายในวังจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน เพื่อว่าเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจให้เพื่อน ๆ ทุกคนสำหรับการเข้ามาเยี่ยมชมค่ะ ถ้าพร้อมแล้วเราไปดูรายละเอียดกันเลยดีกว่าค่าา! เปิดมาด้วยเรื่องค่าเข้านะคะ ตอนนี้บัตรเริ่มต้นจะอยู่ที่ 90 บาทสำหรับบุคคลทั่วไป 60 บาทสำหรับนักศึกษา และ 30 บาทสำหรับนักเรียนค่ะ โดยบัตรนี้จะสามารถเดินเข้าไปได้ทั่วทุกโซนด้านล่างรวมถึงเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ได้ครบเลยนะคะ แต่ว่าถ้าใครอยากจะขึ้นไปดูสถาปัตยกรรมที่แสนสวยงามที่ชั้นสองของตัวอาคารต้องซื้อเป็นตั๋วราคา 316 บาทราคาเดียวเลยค่ะ (โบซื้อบัตรนี้ และขอยืนยันว่าคุ้มจริงค่ะ!) ที่นี่เปิด 09:00 - 16:00 นะคะ จะอยู่ยิงยาวทั้งวันยังได้เลยค่ะ หลังจากที่เราเดินเข้ามาในโซนตัวพระราชวังจะเป็นร้านค้าขายของที่ระลึกก่อนเลยค่ะ น่าเสียดายที่โบไม่ได้ถ่านรูปในส่วนนี้มา แต่เห็นว่าไม่ได้ต่างจากก่อนบูรณะเสียเท่าไหร่นะคะ ใครเดินทางมาเหนื่อย ๆ ก็สามารถนั่งพักตรงนี้ได้ก่อนเลยค่ะ เพราะนอกจากจะสามารถมองเห็นวิวทะเลพร้อมกับพระราชวังแล้ว เรายังสามารถเอาตั๋วที่ซื้อมาในตอนต้นไปแลกน้ำสมุนไพรฟรีได้อีกด้วยค่ะ มีเป็นทั้งน้ำมะยม กระเจี๊ยบ ใบเตย ตะไคร้ บอกเลยว่าชื่นใจสุด ๆ ค่ะ แถมพักเหนื่อยเสร็จเราก็ยังสามารถไปเดินเลือกของที่ระลึกกลับไปได้ด้วย ต่อมาจะเป็นอาคารแรกค่ะ ซึ่งก็คือพระที่นั่งเสวกามาตย์ที่มีสองชั้น และเปิดโล่ง ๆ คล้ายเป็นท้องพระโลงแต่น่าเสียดายที่เราสามารถเดินดูได้แค่ชั้นล่าง ซึ่งถ้าโชคดีเราก็จะได้ฟังเจ้าหน้าที่มาเล่นดนตรีไทยแบบสด ๆ ให้ฟังด้วยนะคะ โบไปตอนท้าย ๆ พอดีแต่บอกเลยว่าเพราะมากก แถมบรรยากาศก็ยังปลอดโปร่ง ลมพัดเอื่อย ๆ ขับให้อาคารนี้ดูขลังไปเลยค่ะ เดินลัดเลาะมาอีกนิดก็จะเป็นทางให้เราขึ้นไปเดินบนชั้นสองนะคะ ตรงทางขึ้นเค้าจะมีถุงใส่รองเท้าให้เราถือไปด้วยเลย พร้อมกับเจ้าหน้าที่คอยตอนรับที่ให้ข้อมูลเบื้องต้นกับเรา (จริง ๆ ถ้าไปตามเวลาจะมีวิทยากรคอยอธิบายด้วยค่ะ แต่โบไปตอนพักเที่ยงพอดีTT) เราก็สามารถเดินไปดูตามเส้นทางที่เจ้าหน้าที่แจ้งมาได้เลยนะคะ เดี๋ยวโบจะแปะแผนที่ไว้ให้ด้วย แล้วก็ถึงแม้ว่าพื้นทั้งหมดจะเป็นไม้ แต่ว่าจากที่เราลองเดินดูไม่มีเสี้ยนเลยค่ะ และฝุ่นเองก็น้อยมาก ๆ เดินสบาย ๆ ได้เลยค่ะ ส่วนที่โบชอบที่สุดก็คงหลุดไม่พ้นห้องสรงฝั่งเหนือค่ะ เพราะนอกจากจะได้มองวิวทะเลใกล้ ๆ แล้วลมยังเย็นเหมือนติดพัดลมไอน้ำอีกด้วยค่ะ เหมาะจะเป็นจุดยืนแวะพักระหว่างทางสุด ๆ ในส่วนที่เปลี่ยนไปของที่นี่เรารู้สึกว่าจะเป็นเรื่องสีของตึกค่ะ แล้วทางเจ้าหน้าที่บอกโบว่าสีอมฟ้าที่เห็นอยู่ตอนนี้ก็ยังไม่ใช่สีที่ถูกต้องด้วยนะคะ ทางเจ้าหน้าที่เค้ากำลังพยายามศึกษาขูดสีเก่า ๆ เอามาเทียบเฉดแล้วปรับใหม่อยู่ด้วย แถมโครงสร้างต่าง ๆ ก็มีการปรับปรุงให้แข็งแรงอยู่ตลอดเลยค่ะ และสำหรับใครที่จะมาก็ไม่ต้องกลัวร้อนเลยนะคะ เพราะทางวังมีพัดให้เรายืมได้ฟรีค่ะ! หรือจะเช่าร่มแถว ๆ ลานจอดรถคันละ 10 บาทก็ได้ และอย่าลืมเอาตั๋วไปแลกน้ำสมุนไพรเย็น ๆ ฟรีก็ได้ค่า แล้วถ้าหากยังไม่หมดแรงเราก็สามารถเดินไปต่อที่ฝั่งตรงข้าม หรือเรือนพักเจ้าพระยาราฆพค่ะ เพราะแต่ละช่วงจะมีกิจกรรมเฉพาะที่ต่างกันออกไป (ตรวจสอบก่อนได้ที่ FaceBook ของทางวังเลยค่า) หรือใครที่ยังเหลือเวลาอยู่ก็สามารถนั่งชมทะเลได้ตามสบายเลยค่ะ แถมยังมีร้านกาแฟและขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เลือกซื้อคลายร้อนได้ด้วยนะคะ ในส่วนของวันนี้โบก็ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ ถ้าข้อมูลในส่วนไหนผิดพลาดไปก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้เลยค่ะ แล้วอย่าลืมติดตามต่อว่าคอนเทนท์ต่อไปโบจะพาไปรีวิวเที่ยวที่ไหนนะคะ ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ค่า เครดิตภาพ • ภาพปก • ภาพที่ 1 : ภาพถ่ายโดยครีเอเตอร์ • ภาพที่ 2 : ภาพถ่ายโดยครีเอเตอร์ • ภาพที่ 3 : ภาพถ่ายโดยครีเอเตอร์ • ภาพที่ 4 : ภาพถ่ายโดยครีเอเตอร์ อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !