ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศหนึ่งที่มีความน่าสนใจไม่น้อยทั้งในแง่ของประวัติศาสตร์ความเป็นมา วัฒนธรรมประเพณี และแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่เป็นเกาะเล็กเกาะน้อยกระจัดกระจายต่อเนื่องตั้งแต่ทิศเหนือคือเกาะฮอกไกโด จรดทิศใต้คือเกาะโอกินาว่า ซึ่งมีความยาวจากทิศเหนือจรดทิศใต้รวมมากกว่า 3 พันกิโลเมตร จึงทำให้มีความหลากหลายเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งในวันนี้ผู้เขียนขอพาไปเที่ยวชมบริเวณเกาะเหนือสุดของญี่ปุ่นซึ่งก็คือเกาะฮอกไกโด โดยจะพาไปเที่ยวกันที่เมืองอาซาฮิกาว่า (Asahikawa) เมืองแห่งธรรมชาติ ขุนเขา และปุยหิมะที่ขาวละเอียดสวยงาม แม้ในช่วงเดือนเมษายนที่ภูมิภาคอื่น ๆ ของญี่ปุ่นได้ย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่บนเกาะฮอกไกโดส่วนใหญ่ยังคงถูกปกคลุมอยู่ภายใต้หิมะที่หนาแน่น สถานที่ท่องเที่ยวที่เมืองอาซาฮิกาว่าที่จะพาไปชมในครั้งนี้ ก็คือ "ภูเขาอาซาฮิดาเกะ" (Mt.Asahidake) โดยเริ่มต้นการเดินทางจากบริเวณสถานีรถไฟของเมืองอาซาฮิกาว่า ซึ่งพอนั่งรถมาสักพักก็จะพบกับความสวยงามของวิวทิวทัศน์ระหว่างสองข้างทาง ซึ่งล้วนเต็มไปด้วยธรรมชาติ ทุ่งหญ้า ขุนเขา ที่ถูกแต่งแต้มด้วยปุยหิมะ เวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมงก็เริ่มเดินทางมาถึงยังบริเวณสำนักงานการท่องเที่ยวของภูเขาอาซาฮิดาเกะ โดยบริเวณที่สำนักงานแห่งนี้จะเป็นจุดจำหน่ายตั๋วสำหรับเข้าชม รวมทั้งตั๋วสำหรับนั่งรถ Cable Car เพื่อพาเราขึ้นไปยังยอดเขาอาซาฮิดาเกะ ซึ่งต้องบอกว่าขนาดของ Cable Car ที่นี่มีขนาดใหญ่มาก คือนั่งได้ประมาณ 15 ถึง 20 คน ในขณะที่ Cable Car กำลังพาเราทะยานขึ้นไปยังเทือกเขาอาซาฮิดาเกะนั้น ทัศนียภาพโดยรอบได้สร้างความตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก เนื่องจากความสวยงามของอาณาบริเวณโดยรอบ ที่เต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่ตระการตาของธรรมชาติ แม้ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะก็ตาม ทำให้ตลอดเวลาที่นั่ง Cable Car นี้ เต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นตาตื่นใจจนทำให้รู้สึกว่าเวลานั้นผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน ประมาณ 10 นาทีผ่านไป ก็มาถึงยังบริเวณยอดเขาอาซาฮิดาเกะ ซึ่งภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าตั้งแต่แรกเห็นก็คือ การพวยพุ่งของควันจากบริเวณปล่องภูเขาไฟท่ามกลางหิมะที่ขาวโพลน ซึ่งเป็นทัศนียภาพที่สวยงามแปลกตาเป็นอย่างยิ่ง ภูเขาอาซาฮิดาเกะแห่งนี้ ถือเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของเกาะฮอกไกโด และมีลักษณะพิเศษที่สำคัญอีกประการคือการเป็นส่วนหนึ่งของภูเขาไฟไดเซ็ทสึซาน (Daisetsuzan) ที่ดับสนิทไปนานแล้ว แต่ยังคงมีควันพวยพุ่งออกมาให้เห็นอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นระหว่างการมาเที่ยวสถานที่แห่งนี้จะต้องมีความระมัดระวังร่วมด้วย โดยปกติแล้วในช่วงฤดูหนาวบริเวณแห่งนี้จะมีผู้คนมากมายมาเล่นสกี หรือเดินสำรวจธรรมชาติบริเวณต่าง ๆ ซึ่งถ้าหากมาในช่วงฤดูร้อน บนสถานที่แห่งนี้เราจะสามารถมองเห็นต้นไม้ใบหญ้า ดอกไม้นานาพันธุ์ ปล่องภูเขาไฟ รวมไปถึงทะเลสาบสีเขียวมรกตที่อยู่บริเวณตรงกลางของภูเขาแห่งนี้ ในช่วงฤดูหนาวรวมถึงฤดูกาลที่คาบเกี่ยวไปสู่ฤดูใบไม้ผลิอย่างเช่นในช่วงเดือนเมษายนนี้ ก็จะปรากฏภาพอย่างที่เห็นอยู่นี้ ซึ่งนับเป็นภาพแห่งความประทับใจ และความทรงจำที่ดียิ่งสำหรับการเดินทางมาเยือนสถานที่แห่งนี้ในช่วงเวลาของฤดูใบไม้ผลิ สำหรับใครที่สนใจจะเดินทางมาเที่ยวที่ภูเขาอาซาฮิดาเกะนั้นสามารถมาเที่ยวชมได้ทุกวัน และการเดินทางนั้นง่ายมาก เนื่องจากว่าปัจจุบันมีรถบัสโดยสารสาธารณะที่ออกเดินทางจากสถานีรถไฟกลางของเมืองอาซาฮิกาว่าที่เดินทางตรงมาที่เขาอาซาฮิดาเกะในทุกวัน และมีรถให้บริการประมาณ 3 - 4 รอบต่อวัน โดยรถบัสจะมาส่งถึงหน้าที่ทำการอุทยานเลยทีเดียว ในส่วนของการเดินทางมาที่เมืองอาซาฮิคาว่าแห่งนี้ ก็สามารถเดินทางได้ทั้ง การนั่งรถไฟ หรือการนั่งรถบัสสาธารณะจากเมืองซัปโปโรซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางของเกาะฮอกไกโดมายังเมืองอาซาฮิคาว่าแห่งนี้ ซึ่งมีทางเลือกที่มากมายหลากหลายและมีความสะดวกสบายด้วยกันทั้งสิ้น หากการระบาดของโรคร้ายหายไปจากโลกใบนี้เมื่อไหร่ ใครที่สนใจอยากมาท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น การเดินทางมาที่เมืองอาซาฮิกาว่าบนเกาะฮอกไกโดแห่งนี้ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย ภาพถ่ายโดยผู้เขียน