คู่มือ เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง ฉบับมือใหม่ซิงๆ รวมทุกเรื่องที่ควรรู้
ยังคงเป็นอีกหนึ่งที่ที่ใจดี ฟรีวีซ่าให้ชาวไทยไปเที่ยวได้แบบยาวๆ (แม้ว่าเขาจะยืดอายุให้แบบปีต่อปีก็ตาม) ฉะนั้นเราเองก็ไม่รู้ว่าวันดีคืนดีทางนู้นอาจจะให้เรากลับมาทำวีซ่าเมื่อไหร่ ถ้ามีโอกาสไปง่ายๆ แล้วก็ต้องรีบไปกันนะทุกคนนน ใครที่ยังกล้าๆ กลัวๆ ไม่แน่ใจว่าจะเที่ยวในไต้หวันด้วยตัวเองได้รึเปล่า เราได้รวบรวมทุกข้อมูลที่จำเป็น และมีประโยชน์ต่อการวางแผนเที่ยวมาฝากกัน รับรองเที่ยวสนุกแบบไม่ต้องเปลืองเงินด้วย จะเสียเงินหลักๆ ก็คือค่าชานมไข่มุก ที่ต้นกำเนิดอยู่ที่นี่นั่นเอง
เหตุผลที่ควรไปเที่ยวไต้หวันสักครั้ง
เคยได้ยินประโยคนี้ไหมว่า "ไต้หวัน คือ ญี่ปุ่นที่ถูกกว่า!" เพราะไต้หวันนั้นเคยอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศญี่ปุ่น จึงได้รับอิทธิพลจากแดนอาทิตย์อุทัยมาพอสมควร คนไต้หวันส่วนใหญ่มีระเบียบวินัย ไม่ค่อยโฉงฉางหรือเสียงดังเหมือนทางฝั่งจีน และมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินที่ดีมากกก ตลาดกลางคืนนี่อย่าให้พูดถึง มันต้อง Taiwan Night market เท่านั้น! แถมค่าครองชีพยังใกล้เคียงกับประเทศไทย บ้านเมืองสะอาดสะอ้าน ระบบขนส่งสาธารณะครบครัน มีรถไฟความเร็วสูงเหมือนญี่ปุ่น แถมยังมีธรรมชาติที่สวยงามไม่แพ้ประเทศอื่นใด ฉะนั้น ใครขาดแคลนวันลา งบน้อย อยากเที่ยวแบบประหยัด แล้วก็ไม่ไกลจากเมืองไทย ลองจัดทริปไปเที่ยวไต้หวันดูสัก 4 วัน 3 คืน รับรองว่าจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน!
คนไทยไปไต้หวันอยู่ได้กี่วัน?
ปัจจุบัน ทางรัฐบาลไต้หวันยังคงขยายเวลาฟรีวีซ่าให้คนไทยถึง วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 โดยคนไทยสามารถเที่ยวเล่นอยู่ในประเทศไต้หวันได้ 14 วัน ถ้าอยากเที่ยวนานกว่านั้นต้องขอทำการวีซ่าตามปรกติ ซึ่งต้องคอยตามว่าทางรัฐบาลไต้หวันจะเปิดฟรีวีซ่าให้คนไทยไปอีกนานแค่ไหน
สายการบินที่ไปประเทศไต้หวัน
จากประเทศไทยไปถึงสนามบินนานาชาติเถาหยวน (Taoyuan International Airport) ใช้เวลาประมาณ 3.40 ชั่วโมง ฉะนั้นจึงมีสายการบินตรงมากมายที่จะพาเราไปบินลัดฟ้าไปเยือนไต้หวันได้ในราคาที่ไม่ระคายเคืองกระเป๋าสตางค์มากนัก โดยราคาเฉลี่ยปกติจะอยู่ที่ 4,xxx – 10,xxx บาท เราเคยเจอราคาโปรโมชั่นถูกสุดๆ อยู่ที่ 3,xxx บาทก็มี แต่น้อยมากกกก เราว่าหาได้สัก 5,xxx บาท ก็หรูแล้วนา ส่วนตัวเราบินกับสายการบิน EVA Air กดได้ราคาได้ที่ 9,780 บาท ซึ่งถือว่าถูกสำหรับการจองล่วงหน้าแค่ไม่กี่วัน เป็น Full Service ด้วย โหลดกระเป๋าได้ตั้ง 30 กิโลฯ แถมเวลาบินยังดีงาม ไฟลท์บินตีสอง ถึงไทเปตอนเจ็ดโมงเช้า ส่วนไฟลท์กลับก็ยังได้กลับตั้งสามทุ่ม ถึงกรุงเทพฯ ตอนเกือบตีหนึ่ง มีเวลาเที่ยวเพิ่มอีก 2 วันเต็มๆ เลย ส่วนสายการบินอื่นๆ ก็ตามด้านล่างเลย
สายการบิน Full Service ที่ให้บริการแบบบินตรง
ใช้เวลาเดินทาง : ประมาณ 3.40 ชั่วโมง
ราคาเฉลี่ย : 7,xxx – 12,xxx บาท
หมายเหตุ : รวมน้ำหนักกระเป๋าสำหรับโหลดใต้ท้องเครื่อง อาหาร และที่นั่งเรียบร้อยแล้ว
- EVA Air
- China Airlines
- การบินไทย (Thai Airways)
สายการบิน Low Cost ที่ให้บริการแบบบินตรง
ใช้เวลาเดินทาง : ประมาณ 3.40 ชั่วโมง
ราคาเฉลี่ย : 4,xxx – 7,xxx บาท
หมายเหตุ : ยังไม่รวมน้ำหนักกระเป๋าสำหรับโหลดใต้ท้องเครื่อง ที่นั่ง และอาหาร สามารถซื้อเพิ่มได้ตอนจองตั๋วเครื่องบิน
- NokScoot
- Thai Lion Air
- Tigerair Taiwan
ปล. อันที่จริงแล้วยังมีสายการบินที่ให้บริการแบบเปลี่ยนเครื่องด้วย แต่เราไม่ค่อยแนะนำเท่าไร เพราะค่อนข้างเสียเวลา เนื่องจากไต้หวันตั้งอยู่ไม่ไกลจากไทยมาก ปกติใช้เวลาบินแค่เกือบๆ 4 ชั่วโมงเท่านั้น ฉะนั้นเราจึงไม่มีความจำเป็นต้องไปแวะเปลี่ยนเครื่องให้เสียเวลาเที่ยว ถ้าเป็นไปได้เลือกสายการบินแบบบินตรงไปเลยจะดีกว่า
การกรอกใบขาเข้า และการผ่าน ตม.ไต้หวัน
การกรอกใบขาเข้าเมืองของไต้หวัน สามารถกรอกออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ > Click < หรือจะไปกรอกลงกระดาษแบบปกติเหมือนกระบวนการเข้าเมืองในประเทศอื่นๆ ก็ได้ ทั้งนี้การกรอกแบบออนไลน์สามารถกรอกล่วงหน้าได้นานสุด 1 เดือน ก่อนถึงวันเดินทาง หรืออย่างช้าสุดคือก่อนขึ้นเครื่อง โดยต้องกรอกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้นนะ เมื่อกรอกเสร็จแล้วก็ไม่ต้องพรินต์อะไรออกมาทั้งสิ้น เพราะข้อมูลของเราได้เข้าไปอยู่ในระบบเรียบร้อยแล้ว ส่วนใครที่ไม่สะดวกกรอกออนไลน์ก็รับใบขาเข้าจากแอร์บนเครื่องบินมากรอกเหมือนปกติได้เลย ทั้งนี้ไม่ว่าจะกรอกออนไลน์หรือกรอกแบบกระดาษก็สามารถเดินผ่าน ตม. ได้แบบปกติ ไม่มีอะไรแตกต่าง ถามว่า ตม. โหดไหม? ส่วนตัวเราว่าไม่โหดเลย แต่ก็ควรเตรียมตัวไปให้พร้อม พอตอบคำถามได้บ้างว่า มากี่วัน พักที่ไหน แล้วจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง
การทำ IN TOWN CHECK-IN ที่สถานี TAIPEI MAIN STATION
อีกหนึ่งบริการที่ดีมากกก เพราะถ้าใครเดินทางด้วยสายการบิน EVA Air หรือ China Airlines จะสามารถทำ In Town Check-in ล่วงหน้าก่อนได้เลย ตั้งแต่ที่สถานี Airport MRT ตรง Taipei Main Station เหมือนที่ฮ่องกง ส่วนวิธีการนั้นง่ายดายและสะดวกรวดเร็วสุดๆ เพราะทุกขั้นตอนสามารถทำได้ด้วยตัวเองเกือบทั้งหมด แม้กระทั่งการโหลดกระเป๋า แถมคนน้อยแล้วก็มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำตามจุดต่างๆ ที่สำคัญ มีเมนูภาษาไทยด้วย! ซึ่งบริการ In Town Check-in เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับคนที่มีไฟลท์บินกลับตอนกลางคืน เพราะสามารถแว๊บออกไปเที่ยวได้อย่างสบายใจจนกว่าจะถึงเวลาใกล้บอร์ดดิ้ง เราก็แค่เดินทางไปสนามบินแล้วตรงไปที่เกทได้เลยโดยไม่ต้องไปต่อแถวรอเช็คอินอีก โดยคนที่จะทำ In Town Check-in จะต้องมีไฟลท์บินภายในวันเดียวกัน โดยจะต้องมาทำการเช็คอินล่วงหน้าอย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนเวลาเดินทาง
วิธีการเข้าเมืองไทเป จากสนามบินนานาชาติเถาหยวน
1.เดินทางเข้าเมืองด้วยรถไฟฟ้า Taoyuan Airport MRT
นับเป็นวิธีที่สะดวกสบายและรวดเร็วที่สุด โดยใช้เวลาเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองเพียง 35 นาทีเท่านั้น! โดยรถไฟจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
- Express Train (สายสีม่วง) จอดแค่ 5 สถานี ใช้เวลา 35 นาที ถึงใจกลางเมืองไทเป มีรถออกทุกๆ 15 นาที ตั้งแต่ 06.00 – 23.00 น.
- Commuter Train (สายสีน้ำเงิน) จอดทั้งหมด 21 สถานี เหมาะสำหรับคนที่พักตามสถานีที่ไม่ใช่สถานีหลัก ใช้เวลาประมาณ 50 นาที ถึงใจกลางเมืองไทเป มีรถออกทุกๆ 15 นาที ตั้งแต่ 06.00 – 23.00 น.
ปล. รถไฟทั้ง 2 แบบ ราคาเท่ากันคือจากสนามบินถึงสถานี Taipei Main Station ที่นับเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองไทเป ราคา $160 ถ้าต้องการลงสถานีอื่น เช็ครายชื่อสถานีและราคาได้ที่ > Click < ฉะนั้นถ้าใครต้องการเข้าเมือง แนะนำให้ขึ้นแบบ Express Train ไปเลยดีกว่า สามารถซื้อตั๋วได้จากตู้ขายตั๋วอัตโนมัติที่สถานี Taoyuan Airport MRT ของสนามบินได้เลย
2.เดินทางเข้าเมืองด้วยรถบัส
เหมาะสำหรับคนที่มีไฟลท์บินมาถึงดึกมาก คือ เกินเที่ยงคืน ไม่มีรถไฟ Taoyuan Airport MRT วิ่งแล้ว ก็สามารถใช้บริการรถบัส Kuo-Kuang Motor Transport สาย 1819 ซึ่งวิ่งทั้งคืนได้ โดยใช้เวลาประมาณ 50 – 60 นาที แล้วแต่สภาพจราจร ราคา $125 จุดขึ้นรถอยู่ที่ชั้น B1
เวลาของไต้หวันต่างจากไทยกี่ชั่วโมง?
เวลาของไต้หวันเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง ฉะนั้นจึงไม่ต้องปรับตัว ปรับเวลาอะไรมากมายเลย แถมอากาศยังใกล้เคียงเมืองไทยมาก ช่วงฤดูหนาวก็ไม่หนาวจัดเหมือนญี่ปุ่นและเกาหลี ยกเว้นแต่บางเมืองหรือบางสถานที่ที่อยู่บนยอดเขาก็อาจจะหนาวหน่อย แต่โดยรวมแล้วเป็นที่ที่คนไทยสามารถไปเที่ยวได้เหมือนไปต่างจังหวัด ไม่ต้องปรับตัวอะไรมากมายเลยยย
เที่ยวไต้หวันช่วงไหน ฤดูกาลไหนดี?
– ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม)
– ฤดูร้อน (มิถุนายน – กันยายน)
– ฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม – พฤศจิกายน)
– ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์)
รู้ไหมว่าไต้หวันมีช่วงฤดูกาลของดอกซากุระเหมือนประเทศญี่ปุ่นด้วยนา นั่นก็คือประมาณเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคมของทุกปี ฉะนั้นถ้าใครอยากได้บรรยากาศซากุระในราคาที่ถูกกว่าญี่ปุ่นก็แนะนำให้ไปเที่ยวช่วงฤดูใบไม้ผลินี่แหละ ส่วนตัวเราเคยไปช่วงเดือนธันวาคม อากาศในไทเปกำลังสบายๆ แต่มีฝนตก (เขาว่าไปไทเปแล้วไม่เจอฝน แปลว่ามาไม่ถึงไทเป) แต่ที่ชิงจิ้ง ฟาร์ม กลางคืนหนาวมากก เข้าขั้นเลขตัวเดียวเลยทีเดียว ฉะนั้นเราว่าสองฤดูกาลที่น่าเที่ยวของไต้หวันก็คือ ฤดูใบไม้ผลิ กับ ฤดูใบไม้ร่วง เพราะอากาศกำลังดี ไม่ร้อน ไม่หนาวจนเกินไปจ้า
ไต้หวันใช้เงินสกุลอะไร?
ประเทศไต้หวันใช้สกุลเงินดอลลาร์ไต้หวันใหม่ ภาษาอังกฤษคือ New Taiwan Dollar (NT$ หรือ TWD) ส่วนค่าเงินนั้นใกล้เคียงกับเมืองไทยมากกก โดย 1 NT$ เท่ากับประมาณ 1.04 บาท เรียกว่าแทบไม่ต้องกลับสกุลเงินกันให้ปวดหัวเลย ฉะนั้นถ้าใครไปเที่ยวไต้หวันก็ให้คิดแบบง่ายๆ ไปเลยว่า 1 NT$ เท่ากับ 1 บาท ส่วนที่เกินมาก็คิดว่าเป็นเศษสตางค์แล้วกัน
การเดินทางในไต้หวัน
การเดินทางในเมืองไทเปนั้นต้องเรียกว่าสะดวกง่ายดายมาก เพราะมีรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) ซึ่งมีหลักๆ อยู่แค่ไม่กี่สาย วิธีการขึ้นจึงไม่ยากและไม่ซับซ้อนเหมือนรถไฟฟ้าใต้ดินในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ส่วนเวลาจะออกนอกเมืองก็มีทั้งรถไฟความเร็วสูง (THSR) รถไฟธรรมดา และรถบัส ฉะนั้นเราว่าไต้หวันเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีระบบคมนาคมขนส่งสาธารณะที่เอื้อต่อการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองมากเลยทีเดียว เอาละ เพื่อไม่ให้เป็นการยุ่งยากปวดหัว เรามาดูวิธีการเดินทางต่างๆ แบบง่ายๆ ตามนี้เลย
รถไฟฟ้าใต้ดิน
รถไฟฟ้าใต้ดินเป็นระบบคมนาคมหลักในเมืองไทเป แล้วก็อาจจะมีใช้ในเมืองใหญ่อื่นๆ เช่น เกาสง (Kaohsiung) แต่บางเมืองก็จะไม่มีเลย เช่น ไถจง (Taichung) ฉะนั้นจะไปเที่ยวเมืองไหนก็อาจจะต้องมาศึกษาเรื่องการเดินทางในเมืองเพิ่มอีกทีน้า ส่วนรถไฟฟ้าใต้ดินในไทเปนั้นไม่ซับซ้อนและไม่วุ่นวายเลย เชื่อมต่อและครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของไทเปเกือบทุกที่ มีทั้งหมด 5 สาย เริ่มให้บริการตั้งแต่เวลา 06:00 – 24:00 น. ส่วนราคาก็เริ่มตั้งแต่ 20 – 65 NT$ ตามระยะทาง แนะนำว่าเข้าไปค้นหาวิธีการเดินทาง เปลี่ยนสายรถไฟ เวลา และราคา จากแอพลิเคชั่น Taipei Metro (MRT) ก่อนก็ได้
สำหรับวิธีการซื้อตั๋วนั้นสามารถซื้อแบบเที่ยวต่อเที่ยว (แบบเหรียญ) จากตู้ขายตั๋วอัตโนมัติหน้าสถานี หรือจะซื้อบัตรอีซี่การ์ด (EasyCard) หรือ “โยวโหยวข่า” ซึ่งมีประโยชน์การใช้งานเหมือนบัตร Suica ของญี่ปุ่น คือเพิ่มความสะดวกในการเดินทาง สามารถใช้จ่ายค่าโดยสารได้ครอบจักรวาล ทั้ง รถไฟฟ้า MRT, รถไฟ TRA, รถเมล์ ฯลฯ รวมถึงใช้จ่ายค่าสินค้าบางร้านได้อีกด้วย ข้อดีที่สุดของ Easy Card คือ ได้ส่วนลดค่ารถไฟฟ้าในไทเป 20% ฉะนั้นมีติดตัวไว้ยังไงก็แจ่ม! สามารถหาซื้อได้จากตู้ขาย Card อัตโนมัติตามสถานี MRT ในไทเป รวมถึงร้านสะดวกซื้อทั่วไป ราคาบัตรคือ 100 NT$ หลังจากนั้นก็สามารถเติมเงินเข้าบัตรได้ตามจำนวนที่ต้องการเลยค่ะ จะเติม 10 / 20 / 30 NT$ ก็ยังได้ สะดวกง่ายดายมาก
รถไฟความเร็วสูง (THSR)
ใช้สำหรับเดินทางระหว่างเมือง เช่น จากไทเปไปเที่ยว Sun Moon Lake เราสามารถนั่งรถไฟความเร็วสูงไปลงที่สถานี Taichung แล้วต่อรถบัสได้ เป็นต้น ปัจจุบันรถไฟความเร็วสูงของไต้หวันมีให้บริการทั้งหมด 12 สถานี ได้แก่
Nangang Station
Taipei Station
Banqiao Station
Taoyuan Station
Hsinchu Station
Miaoli Station
Taichung Station
Changhua Station
Yunlin Station
Chiayi Station
Tainan Station
Zuoying Station
โดยรถไฟความเร็วสูงของไต้หวันนั้นแทบจะไม่มีอะไรแตกต่างจากชินคันเซ็นของญี่ปุ่นเลย แถมยังมีข้าวกล่องหรือ Ekiben สำหรับซื้อขึ้นไปกินบนรถไฟด้วย วิธีการซื้อตั๋วนั้นก็สามารถจองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ > THSR < หรือจะไปซื้อตั๋วกับพนักงานที่สถานีเลยก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าจองผ่านเว็บไซต์ไปก่อน 5 – 28 วันจะได้ส่วนลด ซึ่งอาจมากสุดถึง 35% เลยนา สามารถจองก่อนได้ตั้งแต่ 28 วัน – 1 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง ทั้งนี้เราสามารถเข้าไปดูเวลาของรถไฟ และเช็คราคาในเว็บไซต์เพื่อทำแผนการเดินทางก่อนได้ด้วย
รถไฟ (TRA)
นอกจากรถไฟความเร็วสูงแล้ว รถไฟ TRA ก็นับเป็นระบบคมนาคมหลักของไต้หวันเหมือนกัน ฉะนั้นการเดินทางระหว่างเมืองเพื่อไปยังบางสถานที่ เราก็อาจจำเป็นต้องเดินทางด้วยรถไฟธรรมดาที่มีให้เลือกความเร็ว (แต่ช้ากว่ารถไฟความเร็วสูง) ทั้งขบวน Limied Express, Express และรถไฟหวานเย็น หรือรถไฟช้า เช่น จะไปเที่ยวจิ่วเฟิ่น (Juifen) ก็สามารถนั่งรถไฟ TRA จากสถานี Taipei Main Station ไปลงที่สถานี Ruifang แล้วต่อรถบัส เป็นต้น โดยรถไฟ TRA ก็สามารถจองตั๋วล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ได้เหมือนกัน > Click < แต่จองล่วงหน้าได้แค่ 14 วัน ทั้งนี้ถ้าไม่ได้เดินทางช่วงเทศกาลของไต้หวัน เราว่าไปซื้อเอาที่สถานีเลยก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร
รถบัส หรือรถเมล์
การเดินทางในไต้หวัน บางครั้งอาจยังจำเป็นต้องพึ่งรถบัสอยู่ โดยเฉพาะบางเมืองที่ไม่มีรถไฟวิ่งผ่าน ฉะนั้นรถบัสจึงเป็นอีกหนึ่งระบบคมนาคมที่ขาดไม่ได้ของไต้หวัน เช่น การเดินทางไป Cingjing Farm หรือ Sun Moon Lake เราต้องนั่งรถไฟความเร็วสูงไปลงที่สถานี Taichung แล้วต่อรถบัส เป็นต้น หรือบางเมืองของไต้หวันที่ไม่มีรถไฟใต้ดิน เช่น ไถจง ก็มีรถเมล์ฟรี (ในระยะทางที่กำหนด) ให้บริการ ฉะนั้นถ้าใครมีแผนเที่ยวนอกเมืองด้วย การเดินทางด้วยรถบัสหรือรถเมล์ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลไปก่อนด้วยจ้า
ฝากกระเป๋าที่ TAIPEI STATION BAGGAGE SERVICE CENTER
ใครที่มีแผนเดินทางออกไปเที่ยวนอกเมืองแล้วไม่อยากหอบกระเป๋าใบใหญ่ไปด้วย อาจจะเป็นการไปเที่ยวเมืองใกล้ๆ ไทเป แบบ 3 วัน 2 คืน อย่าง Cingjing Farm หรือ Sun Moon Lake แล้วอยากหาที่ฝากกระเป๋า เพราะจะไม่กลับมาพักที่โรงแรมเดิมแล้ว เราขอแนะนำสถานที่รับฝากกระเป๋าใกล้สถานีรถไฟ Taipei Main Station ซึ่งราคาถูกกว่าฝากไว้ตามล็อคเกอร์ โดย ‘Taipei Station Baggage Service Center’ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟ Taipei Main เดินออกประตู 3 แล้วข้ามถนน เดินประมาณ 5 นาทีก็ถึงเลย ส่วนราคาคือ กระเป๋าใบใหญ่ NT$50 ใบเล็ก NT$30 ต่อวัน เช่น ฝาก 3 วันก็ราคา NT$150 หลังจากฝากกระเป๋าเสร็จก็ข้ามถนนกลับมาที่สถานี Taipei Main Station เพื่อเดินทางไปเที่ยวต่างเมืองต่อแบบตัวเบาหวิวได้เลย!
ว่าด้วยเรื่องที่หลับที่นอนในไต้หวัน
การจองที่พักนั้น สามารถจองผ่านเว็บไซต์ยอดนิยมอย่าง Agoda, Booking หรือ Airbnb ได้เลยตามแต่สะดวก แนะนำแค่ว่าลองเปรียบเทียบราคาซะหน่อยก่อนจอง เพราะบางที Agoda ก็ถูกกว่า Booking ส่วนย่านที่พักยอดนิยมในไทเป ส่วนใหญ่ก็คงจะหนีไม่พ้นย่านศูนย์กลางการคมนาคมอย่างสถานี Taipei Main Station ซึ่งมีที่พักเยอะมากกก เหมาะสำหรับคนที่มีแพลนออกไปเที่ยวนอกเมือง หรือจะเดินทางไป – กลับสนามบินก็สะดวก แต่ถ้าใครชอบความคึกคักหน่อยจะเลือกมาพักแถวย่าน Ximen ก็ได้ เดินทางไม่ลำบากมากมาย แค่ต้องต่อรถไฟใต้ดินจากสถานี Taipei Main Station มาหนึ่งป้าย เคล็ดลับง่ายๆ คือ ไม่ว่าจะพักที่ย่านไหนก็ตาม ควรคำนึงถึงการเดินทางไป – กลับสนามบินที่สะดวก เพราะเป็นวันที่เราจะต้องขนกระเป๋าเดินทางใบใหญ่จ้า
แถมสาระ! ไต้หวันเป็นต้นกำเนิดของชานมไข่มุก
ตอนที่เราไปไต้หวัน ตอนนั้นชานมไข่มุกยังไม่ฟีเวอร์จนกลายมาเป็นเมนูแปลกๆ เช่น ส้มตำไข่มุก ก๋วยเตี๋ยวไข่มุก บลาๆๆ แต่คนที่ไปไต้หวันทุกคนย่อมรู้ดีแก่ใจว่า ต้นกำเนิดของชานมไข่มุกนั่นก็คือ เมืองไถจง ของไต้หวันนั่นเอง ฉะนั้นชานมไข่มุกจึงเป็นเครื่องดื่มที่หาได้ทั่วไปในไต้หวัน ส่วนตัวแล้วเราแอบชอบชานมไข่มุกของไต้หวันมากกว่าไทย เพราะรสชาติเข้มข้น บางร้านเลือกระดับความหวานได้ แถมยังเลือกความเยอะของน้ำแข็งได้อีกแน้ะ (ไม่โดนอัดน้ำแข็งมาเยอะจนดูดชาแค่ปื๊ดเดียวหมดเหมือนบางร้านที่เมืองไทยแน่นอน) ฉะนั้นเมื่อไปถึงถิ่นกำเนิดแล้วก็อย่าพลาดชานมไข่มุกสูตรต้นตำรับเขาล่ะ ส่วนชานมไข่มุกในรูปเป็นของร้าน “小日子” หรือ “C’est si bon” หนึ่งในคาเฟ่ชิคๆ ของไทเปที่เราอยากแนะนำให้ลองไปชิม : )
อ่านรีวิว ตะลุยชิม 5 ร้าน ชานมไข่มุก ไต้หวัน สูตรดั้งเดิม ออริจินอล ร้านไหนต้องไปโดน ! ได้จากลิงก์นี้ > Click <
ขอบคุณข้อมูล : movearoundjourney
ที่เที่ยว ที่กินไต้หวันที่น่าสนใจ
- 20 ที่เที่ยวสวยที่สุดใน ไต้หวัน เที่ยวไต้หวันคราวนี้ อย่าได้พลาด !
- เที่ยวไต้หวัน ห้ามพลาด 13 เมนู Street Food อาหารไต้หวัน ไปเมื่อไหร่ก็ต้องลอง!